บทที่ 12 ซุนม่อเจ้าคิดร้ายต่อข้า!
"ทำไมเจ้ายังตบตีข้า"
หลี่กงปิดหน้าด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อทำไมเจ้าผู้นี้ถึงได้กล้าบ้าบิ่นนัก? เดี๋ยวก่อน เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ "เจ้านึกหรือว่าครูใหญ่อันซินฮุ่ยจะปกป้องเจ้าได้ใช่ไหม? เลิกฝันได้แล้ว สถาบันนี้ไม่ใช่เป็นคำพูดของนางที่มีอิทธิพล..."
คราวนี้เขาไม่รอให้หลี่กงพูดจบซุนม่อเปิดจุดยืนของเขาโดยตรง ทั้งหลังมือและหน้ามือตบใส่หน้าหลี่กงทั้งสองด้าน
ปั้ก ปั้ก ปั้ก!
เสียงตบในโกดังดังก้อง
"หยุดตีนะข้าคิดผิด!"
หลี่กงกุมศีรษะของเขา เพื่อจะรักษาขาง่อยเปลี้ยของเขา เขาตัดสินใจยอมอดทนนอกจากนี้ เขาพบว่าเจ้าเด็กร้ายกาจนี้มีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าเมื่อก่อนมากลิ้นของเขามี'พิษ' มากกว่า
ซุนม่อหยุดสายตาของเขาไม่หวั่นไหวในขณะที่เขาจ้องหลี่กงเขาไม่ลืมทัศนคติที่เลวทรามที่ผู้นี้แสดงให้เขาเห็นในวันนั้นเมื่อดุเขา
เจ้าผู้นี้ยังคงจับผิดซุนม่ออยู่เสมอเพราะจุดประสงค์ของเขาคือไล่เขาออกเมื่อซุนม่อถูกไล่ออก เขาจะมีรอยด่างดำในบันทึกประวัติของเขาตลอดไปและอาจเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหางานใหม่เป็นครูในสถาบันอื่น แม้ว่าเขาจะมองหางานอื่นอนาคตของเขาจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
เมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษที่ต้องการทำลายอนาคตของเขาซุนม่อจะไม่รู้สึกสงสารอย่างแน่นอน
"เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรก่อนจะรักษาขาของข้า?"
น้ำเสียงของหลี่กงอ่อนลงครูฝึกสอนหลายคนกลัวที่จะทำผิดพลาดระหว่างการฝึกงาน เพราะจะถูกไล่ออก ดังนั้นสิ่งที่เขาสามารถใช้คุกคามซุนม่อได้ก็คือพลังในการให้คะแนนซุนม่ออย่างเลวร้ายของเขาแต่ถ้าซุนม่อไม่สนใจว่าเขาจะเข้าร่วมงานสถาบันหรือไม่ภัยคุกคามที่หลี่กงเสนอก็คงไม่ได้ผล
"เจ้าคิดยังไง?" ซุนม่อย้อนถาม
หลี่กงเงียบไปในฐานะผู้มีประสบการณ์ในสังคม เขารู้ว่าซุนม่อต้องการอะไร อย่างไรก็ตามเขาพูดไม่ได้ มิฉะนั้นเขาจะอยู่ในโรงเรียนไม่ได้อีกต่อไป
“ไม่มีใครสั่งข้าให้สร้างเรื่องลำบากกับเจ้าเป็นข้าที่รู้สึกว่าเจ้าไม่คู่ควรหลังจากที่ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของอาจารย์ใหญ่อันข้ารู้สึกไม่พอใจ และนี่คือเหตุผลที่ข้าสร้างความลำบากให้เจ้า”
ก่อนที่เสียงของหลี่กงจะจางหายไปมือของซุนม่อก็ตบใส่เขาอีกครั้ง
ปั้ก!
หลี่กงเซใบหน้าของเขาบวมเป่ง
"คิดว่าเจ้าเป็นใคร? ด้วยความกล้าของเจ้าเจ้าจะกล้ายุ่งกับข้าได้อย่างไร ถ้าไม่มีคนสั่งเจ้ามา? เจ้าโง่เพราะกินมากเกินไปใช่หรือเปล่า?"
ซุนม่อแค่นเสียง
ตุ้บ
หลี่กงเข่าอ่อนขณะคุกเข่าน้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้าขณะร้องไห้ "ข้าบอกไม่ได้ ถ้าข้าพูดออกไปไม่เพียงแต่จะทำงานต่อไปอีกไม่ได้เท่านั้น แต่ข้าจะถูกเฆี่ยนตีจนตายอีกด้วย"
"เจ้าสามารถหลบหนีได้"
ซุนม่อนั่งและมองหลี่กง"เมื่อขาของเจ้าหายดีแล้ว ทำไมเจ้าจะหางานไม่ได้เล่า?"
หลี่กงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ยังยอมรับว่าเขาขลาดเขลา
"เป็นหัวหน้าแผนกรับส่งพัสดุหยางไฉขอให้ข้าสร้างความลำบากให้เจ้า ถ้าไล่เจ้าออกไปได้เขาสัญญากับข้าว่าจะให้ข้าเป็นรองหัวหน้าแผนกรับส่งพัสดุ
"ทำไมเขาต้องการเล่นงานข้า?"
ซุนม่อขมวดคิ้ว
"บางทีเจ้าอาจจะชิงบางอย่างจากเขาก็ได้?"
หลังจากหลี่กงพูดจบพอเห็นซุนม่อเงื้อมือขึ้นอีกครั้งเขารีบเอากุมหัว "ข้าไม่รู้ บางทีเบื้องสูงอาจต้องการสร้างปัญหาให้อันซินฮุ่ยและเจ้าก็มีส่วนเกี่ยวข้อง?"
ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ตราบนั้นพวกเขาก็ย่อมมีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน สถาบันจงโจวไม่ใช่แผ่นกระดานเหล็ก มันตกต่ำลงไปถึงระดับสถาบันชั้นล่างถึงขนาดอาจเป็นสถาบันที่ถูกถอดถอน นอกจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนซึ่งเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ยังมีปัญหาภายในแผนกต่างๆ ของโรงเรียนอีกด้วย
ซุนม่อขมวดคิ้วไตร่ตรอง
หลี่กงคุกเข่ากับพื้นไม่กล้ารบกวนซุนม่อหรือลุกขึ้น
"เจ้าน่าจะทำเรื่องแย่ๆให้หยางไฉมามากสินะ?"
จู่ๆซุนม่อก็เอ่ยขึ้น ทำให้หลี่กงตกใจ
"ไม่ ไม่!
หลี่กงรีบโบกมือพัลวัลในพริบตาเขาถูกตบอีกครั้ง และเกือบทำอะไรโง่ๆ เพราะพลังนั้น
"มีพนักงานมากกว่า 20 คนในแผนกรับส่งพัสดุ แล้วทำไมเขาถึงเลือกใช้เจ้าโดยเฉพาะ? ถ้าเจ้าบอกว่าไม่ใช่ลูกสมุนของเขาใครจะเชื่อเรื่องเช่นนี้?"
ซุนม่อชอบอ่านนิยายและเขาชอบแนวหักเหลี่ยมตรรกะความคิดเป็นพิเศษ
"เจ้าเป็นปีศาจเหรอ?"
ร่างกายของหลี่กงสั่นดวงตาของซุนม่อมีเฉดสีดำและขาวตัดกันที่ชัดเจนความสงบและความมั่นใจในตนเองที่แผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้นทำให้หลี่กงรู้สึกราวกับว่าเขาถูกมองทะลุ
"เอาเถอะบอกข้าทุกอย่างที่เจ้ารู้!"
ซุนม่อจับขาง่อยเปลี้ยของหลี่กงและเริ่มใช้เคล็ดโคจรพลัง
ร่างของหลี่กงสั่นเขาพร้อมไม่ยินยอมจะพูดอะไรต่อให้ถูกทุบตีจนตาย อย่างไรก็ตามกระแสความอุ่นที่สามารถสัมผัสได้จากขาง่อยเปลี้ยของเขาทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นคลอน
"เจ้า...."
หลี่กงตกใจจ้องซุนม่อหัตถ์มังกรโบราณนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ด้วยการกดแบบสบายๆ ขาของเขารู้สึกสบายมากขึ้น
ติง! คะแนนประทับใจจากหลี่กง : +5
คะแนนความเชื่อมสัมพันธ์ : เป็นกลาง (6/100)
"ข้าบอกไว้ก่อนแล้วว่าข้ารักษาขาเจ้าได้!"
เสียงซุนม่อเต็มไปด้วยความมั่นใจ
หลี่กงลังเลจากนั้นจึงเล่าประวัติมืดมิดที่เขารู้ทั้งหมดขาของเขาพิการมาเกือบ 12 ปีแล้วเขารู้สึกว่ามันเย็นขึ้นในฤดูร้อนจนต้องห่อตัวเพื่อปกป้องมันยิ่งเป็นฤดูหนาวก็ยิ่งรู้สึกแย่ ตอนนี้เขามีความรู้สึกสบายที่ขาของเขา เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้จริงๆ
“การทุจริตเป็นปรากฏการณ์ที่แพร่หลายอย่างแท้จริง”
หลังจากฟังคำพูดของหลี่กงสีหน้าของซุนม่อก็เริ่มเย็นชาลงเรื่อยๆ
"ได้โปรดกดให้ข้าอีกหน่อย"
หลังจากนั้นมือของซุนม่อก็ขยับออกไป ความรู้สึกสบายใจที่หลี่กงรู้สึกหายไปทันที
“อืมฟังให้ดีและทำตามคำแนะนำของข้าให้ตรงทุกคำ หลังจากเรื่องนี้จบลงข้าจะรักษาขาเจ้าให้หายขาด”
ซุนม่อบอกเขาอย่างระมัดระวังว่าต้องทำอย่างไร
"ไม่มีทาง.หากข้าทำเช่นนี้ ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!"
หลังจากที่หลี่กงได้ยินสิ่งที่ซุนม่อพูดใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดไปหมด
ซุนม่อหยิบหินหยกสีขาวขนาดลูกเกาลัดออกมาแล้วโยนเล่นไปมาระหว่างมือของเขา
“หินเก็บเสียง?”
หลี่กงคร่ำครวญด้วยความเศร้าโศกเขาโกรธมากจนแทบลมจับ “ซุนม่อ เจ้ากำลังวางแผนร้ายต่อข้า!”
หินเก็บเสียงเป็นหินหยกพิเศษที่สามารถบันทึกเสียงรอบข้างได้หลี่กงไม่คิดว่าซุนม่อจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นนี้
“เจ้าพูดมากไปแล้วเจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสกลับไปทำข้อตกลงของเราอีกได้ไหม?”
แม้ว่าหินเก็บเสียงจะไม่ได้ราคาถูกแม้แต่นักเรียนที่ยากจนก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดหาหินชนิดนี้พวกเขาสามารถใช้เพื่อบันทึกบทเรียนที่ได้รับจากมหาคุรุและใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการแก้ไขในอนาคต
หลังจากที่ซุนม่อเห็นหินก้อนนี้ในกระเป๋าเดินทางของเขาเขารู้ว่าแผนการของเขาอยู่ในกระเป๋า ตราบใดที่หลี่กงพลาดท่าในก้าวแรกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงเรือลำเดียวกันกับเขา
ในฐานะแฟนนิยายแนวหักเหลี่ยมซุนม่อรู้ว่าบันทึกความลับเป็นอาวุธที่ไม่มีวันทื่อจากการใช้งาน
หลี่กงกัดฟันดูเหมือนสุนัขบ้าที่กำลังจะกัด เขาวิ่งรี่เขาหาซุนม่อต้องการคว้าหินเก็บเสียงกลับมา
ซุนม่อเฝ้าระวังเจ้าผู้นี้อยู่นานแล้ว
พอหลี่กงขยับขาขวาของซุนม่อเตะสูงเข้าที่หัวของหลี่กง
ปัง!
หลี่กงกระเด็นออกไปราวกับกระสอบกระทบพื้นฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้น
"ฮึ่ม!"
ซุนม่อขยับขาไปมาเป็นไปตามที่คาด นี่คือโลกของการฝึกปรือพลังปราณจิตสิ่งนี้ทำให้สุขภาพร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
หลังจากถูกเตะหลี่กงเริ่มกลัวนี่เขาบ้าไปเหรอ?เขาโจมตีใส่ซุนม่อ แม้ว่าเจ้าผู้นี้จะเป็นคนกิน 'ข้าวนุ่ม' แต่ท้ายที่สุด เขาจบจากสถาบันซงหยาง
"ข้าให้เวลาเจ้าคิดสองวัน!"
ซุนม่อปัดฝุ่นบนเสื้อคลุมของเขา“คิดให้ดี หากขาของเจ้าหายดี เจ้าสามารถหางานที่ดีทำและหารายได้เพิ่มได้”
หลี่กงตื่นเต้นงานรับส่งพัสดุเหนื่อยยากค่าจ้างต่ำ ขาของเขาไม่สมประกอบ ทำให้ยากลำบากขึ้นไปอีก
"ยังไงก็ตามไม่ว่าเจ้าอายุเท่าใดแต่มีขาง่อยเปลี้ย ต่อให้เจ้าออกไปโลดแล่นภายนอกสาวแก่แม่ม่ายอัปลักษณ์ยังจะให้ความสนใจเจ้าอีกหรือ?"
ปากคอซุนม่อร้ายกาจนัก
หลี่กงเริ่มคิดหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำเขารู้สึกได้เพียงความขุ่นเคืองและความสิ้นหวังในหัวใจของตน
......
ขณะเดินไปตามทางเดินของสถาบันท่ามกลางแดดยามบ่ายซุนม่อรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง หลังจากลงมือกับหลี่กงจะไม่มีใครสร้างปัญหาให้เขาชั่วคราวเขาสามารถผ่อนคลายได้สองสามวัน
สถาบันจงโจวใหญ่โตกว้างขวางมากซุนม่อมักจะเห็นนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าของพวกเขาเป็นแบบโบราณซุนม่อคงรู้สึกว่าเขากลับไปโรงเรียนเก่าของเขา
เมื่อเข้าสู่ทางเข้าหลักของสถาบันเดินไปตามทางไม่กี่ก้าวจะเป็นจัตุรัสเล็กๆ ในขณะนี้ มีผู้คนกำลังจัดเตรียมสถานที่อีกเจ็ดวันข้างหน้าจะมีการจัดให้มีรับสมัครนักเรียนใหม่
เกณฑ์การรับเข้าเรียนสำหรับสถาบันจงโจวมีไว้สำหรับเด็กที่มีอายุครบสิบสองปี
ในอดีตแม้กระทั่งก่อนการประชุมคัดเลือกนักเรียนประตูโรงเรียนมักจะถูกทำลายโดยนักเรียนที่มาเข้าร่วมโรงเรียนดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมการสอบเข้าเพื่อคัดกรองนักเรียนที่ไม่ได้มาตรฐานออกไป
ตอนนี้เนื่องจากมาตรฐานสถาบันถูกจัดไปอยู่ระดับชั้น 4 เนื่องจากชื่อเสียงที่ผิดเพี้ยนบางอย่างความยิ่งใหญ่ของการพบปะสังสรรค์ก็ไม่มีอีกต่อไปตราบใดที่ช่องว่างของพวกเขาถูกเติมเต็มผู้นำโรงเรียนก็รู้สึกขอบคุณสวรรค์และโลกแล้วที่พวกเขาสามารถเปิดรับสมัครได้
สถาบันว่านเต้าซึ่งขึ้นมาแทนที่สถาบันจงโจวกลายเป็นสถาบันการศึกษาอันดับหนึ่งของเมืองจินหลิงเป็นสถาบันสำหรับพ่อค้าเสนาบดีที่มั่งคั่งร่ำรวย
ดูจากการแต่งตัวและการพูดคุยสนทนาของหลี่จื่อชีเห็นได้ชัดว่านางมาจากตระกูลที่มั่งคั่ง พ่อแม่นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่านางคงจะไปเรียนที่สถาบันว่านเต้า เหตุใดระบบถึงต้องการให้ข้ารับนางเป็นศิษย์ ภารกิจนี้ยากเย็นเกินไปจริงๆ"
บอกตามตรงถ้าเขาเป็นพ่อแม่ของหลี่จื่อชี เขาคงเลือกสถาบันว่านเต้าให้นาง ใครเล่าที่ไม่ต้องการให้ลูกหลานเรียนอยู่ในสถาบันที่ดี?"
"ลืมมันเสียเถอะ, ข้าจะก้าวไปทีละก้าว หวังว่าคงจะไม่มีการลงโทษหากข้าทำภารกิจไม่สำเร็จ!"
ซุนม่อเกาศีรษะเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขายังมีภารกิจอยู่ 3 อย่าง หนึ่งคือการเป็นครูผู้ช่วยสอนภายในครึ่งเดือน และเขาจะได้รับรางวัลเป็นหีบสมบัติสีทองระบบยังระบุด้วยว่าจะมีการลงโทษที่รุนแรงรอไว้.
ภารกิจที่สองคือช่วยให้ชีเซิ่งเจี่ยผ่านการทดสอบโถงประลอง รางวัลเป็นหีบสมบัติสีทองเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลังจากซุนม่อเข้าใจกลไกการทดสอบและศักยภาพที่ต่ำมากของชีเซิ่งเจี่ยเขารู้สึกว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เปลี่ยนสวะให้กลายเป็นอัจฉริยะ
ภารกิจที่สามนั้นเรียบง่ายแต่ซุนม่อไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนั้น เพราะไม่มีการท้าทาย เช่นเดียวกับที่ระบบพูด มหาคุรุคือคนที่เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ปลี่ยนให้ขยะกลายเป็นอัญมณี
เรื่องนี้สอดคล้องกับสุนทรียศาสตร์ของซุนม่อเพราะเมื่อเขาเล่นเกม เขามักจะเลือกความยากสูงสุดในการเริ่มเล่นเสมอ
"ในการประชุมรับสมัครข้าต้องเลือกนักเรียนสองสามคนที่มีศักยภาพโดดเด่นให้ได้"
ซุนม่อขยี้ตาเวทเนตรทิพย์เป็นที่มาของความมั่นใจของเขา “ข้าได้ยินมาว่าคู่หมั้นของข้าชื่ออันซินฮุ่ย? อืม ชื่อนี้ไม่เลวจริงๆข้าได้ยินมาว่านางเป็นหญิงงามในการจัดอันดับสุดยอดหญิงงามทรงเสน่ห์ ข้าควรไปหานางดีไหม?”
การจัดอันดับสุดยอดหญิงงามทรงเสน่ห์มีไว้เพื่อมหาคุรุสตรีเท่านั้น ตามชื่อที่บอกเป็นนัยไม่เพียงแต่มหาคุรุสตรีจะต้องงดงามสุดยอดเท่านั้นแต่ความรู้ของพวกนางจะต้องหนักเเน่นลึกซึ้งไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ อาจกล่าวได้ว่าพวกนางคือเทพธิดาในฝันที่บุรุษทุกคนไขว่คว้าไล่ตาม
การจัดอันดับแบบนี้แตกต่างจากการจัดอันดับมือใหม่หรือมหาคุรุ การจัดอันดับหญิงงามถูกประกาศโดยทางการหลังจากมีการรวบรวมข้อมูลเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการจัดอันดับถูกเลือกโดยคนทั่วไป ดังนั้นจึงได้รับการอนุมัติและยอมรับจากมหาชน
"พบคู่หมั้นของเจ้าเฉยๆดูเฉยๆ ไม่ผิดกฎอันใดใช่ไหม?
ซุนม่อหัวใจเต้นแรง