บทที่ 1 : นางถูกขายตั้งแต่มาถึง
บทที่ 1 : นางถูกขายตั้งแต่มาถึง
ในหมู่บ้านช่างซี
สือชิงลั่วค่อยๆเปิดเปลือกตาและพบกับโรงนาขนาดย่อมหลังหนึ่ง
นางมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางก็หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
ก่อนที่นางจะทันได้ตั้งสติให้ดี ก็มีมือหนึ่งคว้าแขนของนางเอาไว้
“นังเด็กสารเลว เจ้ายังคิดที่จะแกล้งตายต่อหน้าข้าอยู่อีกหรือ? นังตัวซวย ถึงวันนี้เจ้าจะตาย เหล่าเหนียงก็จะส่งศพของเจ้าไปที่นั่นอยู่ดี”
หลังจากสตรีนางนั้นพูดจาถากถางจนพอใจแล้ว นางก็ง้างมือขึ้นมาด้วยความโกรธเพื่อที่จะตบหน้าสือชิงลั่ว
สือชิงลั่วยกมือขึ้นจับมือที่ต้องการตบหน้านางเอาไว้โดยสัญชาตญาณ
เพราะความทรงจำที่เพิ่มเข้ามา ทำให้นางเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในทันที
นางมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าไม่ไป การแต่งงานนั่นเป็นเจ้าที่ตัดสินใจเอง ถ้าเจ้าอยากไป เจ้าก็ไปเองเสียสิ”
มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สตรีนางนี้เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเจ้าของร่างเดิม หนิวซื่อ
ในปีที่ให้กำเนิดเจ้าของร่างเดิมนั้นนางคลอดยากอย่างมาก นางจึงโทษว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นตัวซวย นางจึงมักทำร้ายและดุด่าบุตรสาวคนนี้อยู่เสมอ
เมื่อเจ้าของร่างเดิมอายุได้ห้าขวบปี นักพรตเต๋ารูปหนึ่งได้มาที่หมู่บ้านและสร้างวัดเต๋าขึ้นที่กึ่งกลางระหว่างทางขึ้นเขา เขาต้องการเด็กอายุ 5-12 ขวบเพื่อเป็นเต๋าถง(นักบวชน้อย)
ในทุกๆเดือน ครอบครัวของเด็กเหล่านี้จะได้รับเงินหนึ่งร้อยเหวินจากวัดแห่งนี้
เจ้าของร่างเดิมถูกบิดามารดาส่งไปอยู่ที่นั่นจนกระทั่งสองเดือนที่แล้ว วัดเต๋าเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น และได้คร่าชีวิตนักพรตกับเด็กอีกสามคน
เจ้าของร่างเดิมรอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนั้นมาได้ เพราะนางได้ลงจากเขาเพื่อไปตักน้ำ
หลังจากที่นางกลับมาอยู่บ้าน บิดามารดาของนางก็ได้เตรียมงานแต่งงานเอาไว้ให้นางแล้ว เจ้าบ่าวของนางก็คือคุณชายจากตระกูลหวูที่ร่ำรวยในตัวเมือง
เจ้าของร่างเดิมเป็นคนซื่อสัตย์และจิตใจดี นางเชื่อที่หนิวซื่อพูดว่า นางเป็นหนี้บุญคุณมารดาและมารดาได้เลือกคู่แต่งงานที่ดีที่สุดไว้ให้กับนางแล้ว
แต่คืนก่อน นางบังเอิญได้ยินบิดามารดาของนางกำลังคุยกันในตอนที่นางอยู่ในห้องส้วม
เรื่องกลับกลายเป็นว่า คุณชายตระกูลหวูอยู่ๆก็ป่วยหนักจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ เวลาของเขาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
คุณชายหวูเป็นที่รักของคนในตระกูลและตระกูลหวูก็ทนปล่อยให้เขาจากไปโดยไร้ภรรยาข้างกายไม่ได้
พวกเขาจึงต้องการให้เขาได้แต่งงานก่อนที่จะเสียชีวิต และให้ภรรยาตายตามเขาไป เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ในปรโลก
ตระกูลหวูรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น พวกเขาจึงปล่อยข่าวออกไปว่า พวกเขายินดีจ่ายเงินหนึ่งร้อยเหลียงเป็นค่าสินสอด
พวกเขาจะจัดงานแต่งงานตามธรรมเนียมทุกอย่างและฝังร่างภรรยาไปพร้อมกับเขา ตราบใดที่ครอบครัวเจ้าสาวเห็นด้วย เจ้าหน้าที่ของทางการก็ไม่สามารถสอดมือเข้ามายุ่งได้
หากคุณชายตระกูลหวูยังแข็งแรงดี คงมีหลายครอบครัวที่ต้องการส่งมอบบุตรสาวของพวกเขาให้
แต่เจ้าสาวกลับต้องสละชีวิตตามเขาไปในฐานะภรรยา ดังนั้น จึงไม่มีครอบครัวใดที่บ้าพอจะส่งบุตรสาวของพวกเขามาแต่งงานด้วย
แต่บังเอิญที่ว่า บิดามารดาของเชิงหยวนนั้นบ้ามากพอ
เพื่อเงินหนึ่งร้อยเหลียง พวกเขาไม่สนใจกับการที่ต้องส่งนางไปตาย ครอบครัวเช่นนี้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวในหมู่บ้านแห่งนี้
วันนี้ ตระกูลหวูได้ส่งคนมาที่บ้านตระกูลสือ พวกเขามาพาตัวเจ้าสาวเข้าเมืองเพื่อเตรียมตัวแต่งงานในวันพรุ่งนี้
เมื่อเจ้าของร่างเดิมรู้ความจริง นางจึงไม่ยินดีไป
มารดาของเจ้าของร่างเดิมจึงใช้กำลังกระชากลากถู นางถูกตบและทุบตีอยู่ที่พื้น
ในตอนที่นางพยายามหลบ ศีรษะของนางได้กระแทกเข้ากับหินก้อนหนึ่งเข้า ทำให้วิญญาณของสือชิงลั่วเข้ามาอยู่ในร่างที่บอบช้ำของเจ้าของร่างเดิม
หนิวซื่อไม่คิดว่า บุตรสาวที่แสนซื่อและอ่อนแอจะกล้าจับมือและต่อต้านนาง
นางโมโหจนหน้าดำทะมึน “นังเด็กน่าตาย เรื่องนี้เจ้าไม่มีสิทธิตัดสินใจเอง”
นางยื่นมืออีกข้างออกไปกระชากบุตรสาวเพื่อที่จะลากนางออกไปที่ประตูหลักของบ้าน
รถม้าของตระกูลหวูกำลังรออยู่ที่นั่น
สือชิงลั่วหลบมือของนางและสลัดมือของนางออก
ในตอนที่หนิวซื่อไม่ทันได้ตั้งตัว นางจึงรีบวิ่งไปที่โรงเก็บฟืน
นางเข้าไปหยิบลูกบอลสีดำที่กองอยู่ในมุมหนึ่งของโรงเก็บฟืน และเดินกลับไปที่ลานบ้าน
ที่ลานบ้านไม่ได้มีแค่หนิวซื่อเท่านั้น แต่ยังมีปู่ย่าของเจ้าของร่างเดิม, ครอบครัวลุงใหญ่, ครอบครัวลุงรอง, และอาสี่ ทุกคนต่างอยู่กันอย่างพร้อมหน้า
ทุกคนมีท่าทีเมินเฉยกับเรื่องนี้ อาสี่ของนางสอบผ่านถงเซิงแล้ว และเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการแต่งงานในครั้งนี้
ถ้าไม่อย่างนั้น บิดามารดาของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่แต่ในหมู่บ้านจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
คืนก่อน เจ้าของร่างเดิมได้ยินหนิวซื่อกับบิดาของนางพูดถึงเรื่องที่จะได้รับเงินหนึ่งร้อยเหลียง พวกเขาจะแบ่งห้าสิบเหลียงให้กับอาสี่เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน และอีกสามสิบเหลียงให้เป็นค่าใช้จ่ายของคนในบ้าน
ดังนั้น จึงไม่มีใครในครอบครัวที่ไม่รู้เรื่องการขายเจ้าของร่างเดิม
ในเวลานี้ หนิวซื่อพุ่งเข้ามาหานางพร้อมกับไม้เท้าในมือ
“นังเด็กหน้าตาย เจ้าควรรู้สึกโชคดีที่เจ้าได้แต่งงานเข้าตระกูลหวูถึงจะถูก อย่ามาทำตัวให้คนอื่นต้องโชคร้ายไปกับเจ้าด้วย”
ตั้งแต่ที่นางให้กำเนิดเจ้าของร่างเดิม หลังจากนั้นมา นางก็ให้กำเนิดบุตรสาวอีกสามคน ทำให้บ้านสามของนางยังไม่มีบุตรชายไว้สืบสกุลและถูกเยาะเย้ยถากถางตลอดมา
นางจึงคิดเสมอว่า เป็นเพราะบุตรสาวคนนี้ที่ทำให้นางต้องโชคร้าย
นางคิดว่า บุตรสาวที่เป็นตัวซวยคนนี้โชคดีมากแล้ว ที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในพิธีศพของคุณชายตระกูลหวู
สือชิงลั่วกลอกตา “ในเมื่อการแต่งงานกับตระกูลหวูเป็นเรื่องดีงาม ทำไมเจ้าไม่แต่งเสียเองเล่า? ข้าขอยกเรื่องดีงามนี้ให้เจ้าก็แล้วกัน”
นังเด็กน่าตายนี่กลับยืนพูดได้อย่างสบายอารมณ์
คนที่อยู่ภายในลานบ้านต่างคิดไม่ถึงว่าสือชิงลั่วจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา ช่างอกตัญญูจริงๆ
หนิวซื่อสะอึก คำพูดของนังเด็กน่าตายร้ายกาจเกินไปแล้ว ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้า นางจะเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ยังไง?
นางโมโหจึงหยิบไม้เท้าขึ้นมาเพื่อตีสือชิงลั่ว “นังตัวซวย เจ้ากล้าพูดไร้สาระออกมาแบบนี้ได้ยังไง? ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
สือชิงลั่วไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความกตัญญูต่อบิดามารดา ยอมทนทำงานหนักไม่มีบ่นและไม่ปัดป้องเมื่อถูกทุบตี
สือชิงลั่วกระโดดหลบไม้เท้าในมือหนิวซื่อ ทั้งสองวิ่งไล่กันไปมาอยู่ภายในลานบ้าน
ในเวลานี้เอง หญิงชราที่ตระกูลหวูส่งมาเป็นการพิเศษก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น
“ถ้าหากชักช้าไปกว่านี้ จะทำให้เรากลับเข้าเมืองล่าช้าได้”
ยายเฒ่าสือยิ้มอย่างขออภัยทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง
นางหันไปตำหนิหนิวซื่อด้วยใบหน้าบึ้งตึง “รถม้าของตระกูลหวูกำลังรออยู่ด้านนอก เลิกวุ่นวายและทำให้ผู้อื่นต้องรำคาญใจได้แล้ว”
หนิวซื่อจึงหยุดมือ นางหันไปทางสามี “ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก”
บุตรชายคนที่สามของตระกูลสือที่เดิมนั่งอยู่ก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าดุดัน
เขาหันไปมองสือชิงลั่วอย่างร้อนใจ “นังเด็กน่าตาย เจ้าจะมาดีดี หรือจะให้ข้าไปจับเจ้า?”
สือชิงลั่วรู้ดีว่า ครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมไม่มีทางยอมทิ้งเงินหนึ่งร้อยเหลียงเพื่อนางอย่างแน่นอน
ในสมัยโบราณ การกตัญญูนั้นยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า บุตรไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานที่บิดามารดาจัดหามาได้
แม้บิดามารดาต้องการขายบุตรสาวก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด และไม่ผิดกฎหมาย อย่างมากที่สุด คนนอกเพียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่กี่ประโยคก็เท่านั้น
ความจริง เจ้าของร่างเดิมได้แอบออกไปขอร้องหัวหน้าหมู่บ้านและผู้อาวุโสของตระกูลในตอนเช้าแล้ว
แต่พวกเขากลับบอกนางว่า นี่เป็นเรื่องในครอบครัวและไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ทั้งยังเป็นคนพานางกลับไปส่งที่บ้านตระกูลสือด้วยตัวเอง
พวกเขาพยายามพูดกับครอบครัวของนางเพื่อให้พวกเขาคิดดูอีกครั้ง แต่กลับถูกหนิวซื่อคัดค้าน อีกทั้งอาสี่ของเจ้าของร่างเดิมยังเป็นถงเซิง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรให้มากความและจากไป
หลังจากกลับมาที่บ้าน พ่อแม่ที่แสนดีของเจ้าของร่างเดิมก็โกรธเกรี้ยว พวกเขาทุบตีและขังนางเอาไว้
พวกเขายอมปล่อยนางออกมาเมื่อคนของตระกูลหวูมาถึง
สือชิงลั่วเชื่อมาโดยตลอดว่า นางควรพึ่งพาตัวเองแทนที่จะพึ่งพาคนอื่นและจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง
ดังนั้น นางจึงคิดแผนการขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด
หมายเหตุ :
ถงเซิง – ตำแหน่งที่ได้รับหลังจากบัณฑิตสอบผ่านในระดับแรก