ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 100 ปีนผาดาบน้ำแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 102 เริ่มต้นใหม่ในฐานะมนุษย์

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 101 การจากไปของวัวดำ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 101 การจากไปของวัวดำ

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานไม่มีแรงพูดคุยอีกต่อไป ท่ามกลางพายุหิมะ เขาทำได้เพียงยึดกำแพงน้ำแข็งเอาไว้และปีนขึ้นไปเท่านั้น

ซวนเยว่กระซิบข้างหูเขา “ขอโทษที่เหมียวลากเจ้ามาด้วย” แขนของนางทิ้งตัวลงอย่างสูญสิ้นเรี่ยวแรง ดวงตาของนางปิด ใบหน้าของนางสงบนิ่ง แต่ริมฝีปากของนางยังมีรอยยิ้มเล็กๆ

หลี่ฉิงซานยื่นมือขวาออกไปคว้ามือของนางเอาไว้

เขาไม่สามารถปล่อยนางไป อย่างไรก็ตามหลังจากสูญเสียมือขวา เขาก็ไม่สามารถปีนต่อ ความเย็นครอบงำร่างกายของเขาขณะที่เลือดของเขาค่อยๆไหลช้าลง

ตอนนี้เขาอยู่สูงจากพื้นดินหลายพันเมตร แม้แต่สำหรับเขา การตกลงไปจากที่สูงระดับนี้ก็ยังทำให้กระดูกทุกส่วนในร่างกายแตกหัก

เขาส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง

ท่ามกลางพายุหิมะ แสงสองจุดเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาก่อนที่ร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้น

มันคือเสี่ยวอันที่กระโดดขึ้นมาคว้าตัวซวนเยว่และเกาะหลังหลี่ฉิงซาน

ระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดคุย เมื่อแขนขวาของหลี่ฉิงซานได้รับอิสระ เขาก็ปีนขึ้นไปอีกครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป ยอดเขาก็ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของเขา  ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากมันเพียงไม่กี่สิบเมตร

มือใหญ่จับขอบหน้าผาอย่างแน่นหนา หลี่ฉิงซานดึงตัวเองขึ้นด้วยทุกสิ่งที่มี เขาพยุงตัวเองขึ้นด้วยร่างกายที่สูญสิ้นเรี่ยวแรง จากนั้นเขาก็สัมผัสใบหน้าของซวยเยว่ด้วยมือที่สั่นเทา

มันเย็นมาก

ไม่มีเสียงเต้นของหัวใจจากหน้าอกของนาง

นางตายแล้ว

หลี่ฉิงซานกรีดร้องด้วยน้ำตาที่ไหลนอง ทันใดนั้นลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งผ่านพายุหิมะเข้ามาก่อนที่เฒ่ามังกรทะยานจะปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขา ใบหน้าของเขาซีดขาว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เมื่อเขาเห็นซวนเยว่นอนอยู่บนพื้น เขาก็สามารถยืนยันความสงสัยของตน หลังจากทั้งหมดดาบดาวตกของเขาไม่ใช่สิ่งที่ขุนพลปีศาจทั่วไปจะสามารถต้านทานได้

แต่สิ่งที่ทำให้เขารีบร้อนติดตามมาคือสมบัติที่อยู่ในกระดิ่งของซวนเยว่ มันจะช่วยชดเชยความสูญเสียของเขา นอกจากนั้นแก่นปีศาจของขุนพลปีศาจก็มีค่ามากเช่นกัน

หลี่ฉิงซานต้องการสู้ตายกับเฒ่ามังกรทะยานแต่เขาไม่มีแรงเหลือที่จะทำสิ่งนั้น เขาถาม “เพราะเหตุใด? นางทำสิ่งใดผิด?”

“เพราะนางเป็นปีศาจ เจ้าก็เช่นกัน นั่นคือทั้งหมด” เฒ่ามังกรทะยานยกดาบขึ้นโดยไม่แยแสเสี่ยวอันที่หลี่ฉิงซานปกป้องอยู่

“ข้ากำลังจะฆ่าเจ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นมนุษย์” ทันใดนั้นเสียงของชายผู้หนึ่งพลันดังขึ้น เขายืนอยู่ด้านหน้าหลี่ฉิงซานโดยไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด เฒ่ามังกรทะยานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มันดูราวกับเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานมากแล้ว เขาเหมือนปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอน

เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ทั่วไป เขาไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวใดๆออกมา แต่ในสายตาของหลี่ฉิงซาน แผ่นหลังของเขาดูสง่างามและยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าผาดาบน้ำแข็งที่อยู่ใต้เท้าของเขา

ผิวขอเขาถูกห่อหุ้มด้วยสีน้ำเงินเข้มจนเกือบเป็นสีดำ ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาดูสมส่วนและไม่มีส่วนใดที่ไม่จำเป็น เขาเหมือนยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางขุนเขาและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

เพียงเมื่อหลี่ฉิงซานเห็นเขาวัวคู่หนึ่งอยู่บนศีรษะของชายผู้นี้ โดยเฉพาะเมื่อเขาข้างหนึ่งเหมือนถูกตัดออกไป เขาก็กรีดร้องออกมาทันที “พี่วัว!”

รูม่านตาของเฒ่ามังกรทะยานหดเล็กลงจนเท่าปลายเข็ม ทุกตารางนิ้วของจิตวิญญาณของเขากรีดร้องเป็นสัญญาเตือนภัย เขาผ่านการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายมานับครั้งไม่ถ้วนแต่กระทั่งรวมพวกมันทั้งหมด เขาก็ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้มาก่อน

เขาต้องการส่งเสียงคำราม เขาต้องการเหวี่ยงดาบ เขาต้องการใช้ความสามารถที่เรียนรู้มาตลอดชีวิตเพื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกไป อย่างไรก็ตามเขาไม่แม้แต่จะสามารถขยับปลายนิ้ว ทั้งหมดที่เขาทำได้คือจ้องมองชายผู้นั้นด้วยดวงตาเบิกกว้างและถามด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า “จะ...เจ้าเป็นผู้ใด? ตะ...ตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่เบื้องหลังปีศาจเลวสองตนนี้ได้อย่างไร? เทพพยากรณ์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ไม่มีสิ่งบ่งชี้ถึงเรื่องนี้ในคำทำนาย ไม่ ข้าจะไม่ตายอยู่ที่นี่!”

วัวดำไม่ตอบคำถามแต่กล่าวต่อ “ข้าจะฆ่าเจ้าเพียงเพราะข้าอยากฆ่าเจ้า” เขายกมือขวาขึ้น จากนั้นเฒ่ามังกรทะยานก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ถูกต้อง เขาหายไป ไม่มีสัญญาณใดๆก่อนหน้านี้ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง ไม่มีปราณปีศาจหรือกลิ่นอายใดๆ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจากวังหลอมรวมดาบที่มีชื่อเสียงของมณฑลชิงโจวถูกลบออกไปจากโลกใบนี้โดยตรง!

“พี่วัว...” หลี่ฉิงซานเปิดปากแต่เขาไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด เขาเคยคิดว่าวัวดำทรงพลังมากแต่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะน่ากลัวถึงเพียงนี้

วัวดำหันหลังกลับและยื่นมือออกไปพร้อมกับแหวนวงหนึ่ง มันคือแหวนของเฒ่ามังกรทะยาน “ข้าเปลี่ยนเจ้าให้เป็นสิ่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้า นี่ถือเป็นการขอโทษจากข้า มีบางสิ่งอยู่ภายใน มันจะช่วยเจ้าได้”

นี่คือความมั่งคั่งที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำสะสมมาตลอดชีวิต คุณค่าของมันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะไร้ความสามารถหลายคนต่อสู้เพื่อมัน แม้พวกเขาจะเสนอทุกสิ่งที่พวกเขามีแต่พวกเขาก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับสมบัติแม้เพียงชิ้นเดียวที่อยู่ในแหวนวงนี้

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยมากมาย แต่เชื่อข้าเถอะ คำตอบที่เจ้าค้นพบจะยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่ข้าจะให้เจ้าได้ เจ้าอาจกระทั่งรู้สึกว่าพวกมันไร้ค่า มันอาจดูเหมือนข้ามอบพลังที่ไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านให้เจ้า แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพลังของเจ้าเป็นสิ่งที่เจ้าไขว่คว้ามาด้วยตนเองและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะสามารถมอบให้มากมายนัก ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะจากกันแล้ว”

“อันใด?”

“การดำรงอยู่ของข้าถูกค้นพบแล้ว หลังจากนี้เจ้าต้องออกเดินทางด้วยตนเอง เวลาที่เราใช้ร่วมกันแม้จะสั้นแต่มันน่าพอใจมาก จำไว้ อย่าก้มหัวให้ผู้ใดหรือสิ่งใด เพราะครั้งหนึ่งเจ้าเคยขี่หลังข้า”

ขณะที่เขากล่าว ร่างกายของเขาก็ค่อยๆเลือนรางลง เสียงของเขาราวกับระฆังที่ดังกังวานไปทั่วภูเขาและทำให้จิตใจของหลี่ฉิงซานสั่นไหว

“เดี๋ยว...” หลี่ฉิงซานยื่นมือออกไป แต่สิ่งที่เขาคว้าได้มีเพียงแหวนวงนั้น

วัวดำหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ ราวกับวันเวลาหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน อย่างไรก็ตามข้อความสุดท้ายของเขายังดังก้องอยู่ในใจของหลี่ฉิงซานและไม่เคยจางหาย

“ข้าจะรอเจ้าอยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก้า มีเพียงเวลานั้นที่เจ้าจะสามารถยืนเคียงข้างข้า”

บนหน้าผาดาบน้ำแข็งไม่มีพืชพรรณใดๆ มีเพียงชั้นน้ำแข็งและหิมะปกคลุมอยู่ด้านล่างขณะที่ชั้นเมฆกดทับอยู่เหนือศีรษะของเขา เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมาพร้อมกับสายสมที่ส่งเสียงหวีดหวิวเหมือนหญิงสาวกำลังสะอื้นไห้

ณ พรมแดนระหว่างสองมณฑล เขารู้สึกเหมือนตนเองไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความฝันอันห่างไกลที่ไม่สามารถไปถึง มีเพียงร่างกายที่เย็นยะเยือกเท่านั้นที่อยู่ในอ้อมแขนขณะที่ความเหงาของโลกทั้งใบราวกับพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของเขา

ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานพลันรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนบางอย่าง เขามองย้อนกลับไปและเห็นเสี่ยวอัน เปลวเพลิงสีแดงเลือดยังแผดเผาอยู่ในรูเบ้าตาของเด็กน้อยราวกับต้องการมอบความอบอุ่นให้กับเขาและบอกว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

หลังจากนั้นกู่เยี่ยนหยินก็โผล่ออกมาจากพายุหิมะและกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เกิดสิ่งใดขึ้น?” นางต้องใช้ยันต์สีม่วงเพื่อหลบหนีออกจากกรงปฐพีของเฒ่ามังกรทะยานและรีบร้อนมาที่นี่ อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะมาถึง กลิ่นอายของเฒ่ามังกรทะยานก็หายไปแล้วอย่างสมบูรณ์ มันราวกับเขาถูกลบออกไปจากโลกใบนี้อย่างหมดจดและกะทันหัน

หลี่ฉิงซานอุ้มศพที่เย็นยะเยือกของซวนเยว่เอาไว้โดยไม่ตอบคำถาม เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

กู่เยี่ยนหยินรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที หลังจากทั้งหมดผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำหายตัวไปอย่างลึกลับโดยปราศจากเหตุผล เรื่องนี้อาจทำให้แผ่นดินสั่นคลอน

‘บางทีเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับนิกายเงา ไม่ เป็นไปไม่ได้ แม้ผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณจะสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำมันอย่างเงียบๆ แม้แต่มดก็ยังรู้วิธีต่อสู้โดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ’

‘มันเป็นฝีมือของเขางั้นหรือ?’ กู่เยี่ยนหยินมองไปทางหลี่ฉิงซานก่อนจะส่ายศีรษะ หลี่ฉิงซานอ่อนแอเกินไป หากเขามีภูมิหลังที่น่ากลัว เหตุใดการบ่มเพาะของเขาถึงยังอยู่ในระดับนี้ เขายังไม่แม้แต่จะสามารถควบรวมแก่นปีศาจ หากเปรียบเทียบกับมนุษย์ เขาอาจอยู่ระดับเดียวกับจอมยุทธ์ขั้นสี่หรือห้าเท่านั้น

แม้นางจะมีสติปัญญาที่ไม่ธรรมดาแต่สมองของนางก็ยังยุ่งเหยิง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้แปลกประหลาดเกินไป

“เจ้าต้องมอบนางให้ข้า”

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าสัญญาว่าจะพานางไปมณฑลหลงโจว”

กู่เยี่ยนหยินกล่าว “นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่จะพานางไป มันจะดีกว่าหากนางกลับไปอยู่ข้างกายเจ้านายของนาง”

หลี่ฉิงซานกล่าว “มันเป็นความปรารถนาสุดท้ายของนาง”

“ความปรารถนาสุดท้าย? แต่นางยังมีชีวิตอยู่” มุมปากของกู่เยี่ยนหยินยกตัวขึ้นเล็กน้อย

“กระไรนะ!?” หลี่ฉิงซานตกใจ เขาเร่งตรวจสอบชีพจรของซวนเยว่แต่ไม่พบ นั่นทำให้เขามองกู่เยี่ยนหยินด้วยความสงสัย

กู่เยี่ยนหยินสะบัดพัดในมือและส่งพายุหมุนขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อปัดเป่าชั้นเมฆหนาทึบ แสงจันทร์สีเงินสาดส่องลงมาราวกับน้ำตกจากฟากฟ้า

แสงจันทร์ทอดตัวลงมายังร่างของซวนเยว่ แม้พายุหิมะจะโหมกระหน่ำ แต่พื้นที่เล็กๆนี้กลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด

ร่างกายของปีศาจแมวค่อยๆเรืองแสงขึ้นขณะที่แพขนตาของนางเริ่มสั่น

ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของหลี่ฉิงซาน ซวนเยว่ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น “ที่นี่ที่ใด?” นางมองไปรอบๆก่อนกล่าวต่อ “นี่คือ...ผาดาบน้ำแข็ง!”

หลี่ฉิงซานค่อยๆรู้สึกถึงร่างกายที่ฟื้นคืนความอบอุ่นในอ้อมแขนของเขา เขาผงะ “นี่มันเรื่องใดกัน?”

กู่เยี่ยนหยินตอบ “ความสามารถโดยกำเนิดที่ไร้สาระของปีศาจแมวเก้าชีวิต”

ซวนเยว่กล่าว “เจ้าสิไร้สาระ!”

กู่เยี่ยนหยินกล่าว “ในสภาวะดังกล่าว กระทั่งมนุษย์ธรรมดาก็สามารถฆ่าเจ้าและดึงแก่นปีศาจของเจ้าออกมา หากมันไม่ใช่พลังที่ไร้สาระแล้วมันคือสิ่งใด? ครั้งนี้ต้องขอบคุณ...คนผู้นี้” นางไม่แน่ใจว่าควรเรียกเขาว่าหลี่ฉิงซานหรือไม่ ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ชื่อมนุษย์ของเขา

ซวนเยว่กล่าว “ต้าไห่ เจ้าพาข้ามาที่นี่จริงๆงั้นหรือ?”

‘ต้าไห่?’ มุมปากของกู่เยี่ยนหยินโค้งขึ้นอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะคำรามออกมา “หญิงชั่ว เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้!?” และคิดต่อในใจว่า ‘เจ้าทำให้ข้ารู้สึกอกหักเป็นเวลานาน!’

ซวนเยว่ตอบ “เหมียว...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือว่าข้าจะไม่ตาย?”

หลี่ฉิงซานสูดหายใจลึก เขาไม่อยากสนใจนางอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเขากลับรู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน

เป็นเพียงเวลานี้ที่ซวนเยว่สังเกตเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของหลี่ฉิงซาน นั่นทำให้หัวใจของนางสั่นไหว นางยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของเขา “ต้าไห่ เจ้าร้องไห้งั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานกล่าว “อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง มันเป็นเพียงหิมะ”

ซวนเยว่ขยับเข้าใกล้ใบหน้าของหลี่ฉิงซาน “ฮิฮิ ไม่จำเป็นต้องอาย เป็นเรื่องปกติมากที่สัตว์เลี้ยงจะร้องไห้ให้เจ้านายเหมียวของเขา โอ้ เจ้ายอมเรียกข้าว่าเจ้านายเหมียวแล้วใช่หรือไม่ เรียกข้าสิ เรียกข้าว่าเจ้านายเหมียว!”

‘สัตว์เลี้ยง?’ กู่เยี่ยนหยินเผยรอยยิ้มแห้งๆ ถูกสัตว์เลี้ยงของผู้อื่นจับเป็นสัตว์เลียง นี่เป็นโชคดีหรือโชคร้าย?