วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0101
บทที่ 32 เมืองทะเล, ความฝันของโจรสลัด (5)
* * *
ในวันแรกที่คังซอนฮูอัญเชิญโกเล็มทราย ลิลี่เผยสีหน้าประหลาดใจ เพราะมีความเชื่อกันมายาวนานว่ารูนประเภทคำสั่งต้องมีขีดจำกัด ไม่อย่างนั้นจะส่งอิทธิพลต่อโลกมากเกินไป
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม และคังซอนฮูตอบว่านั่นไม่ใช่พลังของรูนเพียงอย่างเดียว และคงนำไปใช้นอกทะเลทรายแห่งนี้ไม่ได้
“ฉันเกิดไอเดียหลังจากเห็นพลังเวทปริมาณมหาศาลไหลเวียนอยู่ใต้ดิน คิดว่าคงจะดีถ้านำพลังเวทมาใช้กับโกเล็มที่ถูกสร้างจากรูน”
“นั่นคือที่มาของโกเล็มทราย?”
“ร่างกายท่อนล่างของโกเล็มทรายเชื่อมติดกับพื้นใช่ไหม? ฉันสร้างโกเล็มทรายให้มีท่อส่งพลังเวทเชื่อมต่อกับใต้ดิน เป็นการดัดแปลงมาจากรูนบาเรียกีดกัน”
“อา…”
พอได้ฟังคำอธิบาย เธอเข้าใจทันที
ใต้ดินมีพลังเวทปริมาณมหาศาลไหลเวียนอยู่
ไม่อย่างนั้นคงอธิบายไม่ได้ว่า ทำไมทรายจำนวนมากถึงไหลเป็นคลื่น โกเล็มทรายคือผลจากการยืมพลังเวทเหล่านั้นมาใช้
กล่าวคือ คังซอนฮูเข้าใจหลักการอย่างถ่องแท้ จึงไม่มีความกังขาว่าเมล็ดพันธุ์ป่าจะยกทั้งเมืองขึ้นได้
คังซอนฮูเป็นแบบนี้เสมอ แม้พฤติกรรมในหลายครั้งจะดูบ้าบิ่นและบุ่มบ่าม แต่จะยังคงอยู่ภายใต้หลักการบางอย่าง
ภาษารูนที่เมืองสร้างขึ้นจากการเรียงตัวของวาฬ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนาสำหรับลิลี่ เพราะคังซอนฮูซึ่งเป็นคนเดียวที่อ่านออกไม่ยอมอธิบายอะไรเลย
แต่ลิลี่ไม่ซักไซ้
ด้วยเหตุผลง่ายๆ
ภาพที่กำลังเห็นตรงหน้า วิจิตรงดงามอย่างน่าอัศจรรย์
ต้นไม้ยักษ์ที่งอกขึ้นจากก้นทะเล ทะลุผ่านใจกลางเมืองประหนึ่งไม้เสียบ ลำต้นทำหน้าที่เป็นท่อที่สูบน้ำทะเลจากด้านล่างขึ้นมา
น้ำทะเลพรั่งพรูออกจากยอดต้นไม้อย่างต่อเนื่อง
น้ำทะเลแบ่งออกเป็นสามสาย ไหลผ่านระหว่างซากปรักหักพังของเมือง
น้ำทะเลที่ไหลไปถึงขอบเมืองจะตกลงไปในห้วงลึกด้านล่าง
คังซอนฮูเดินไปจนถึงขอบเมือง แถวนี้ไม่มีราวกั้น ด้านล่างเป็นหน้าผาอันมืดมิด แต่ชายหนุ่มมิได้หวาดหวั่น
คังซอนฮูยืนมองน้ำตกโปรยปรายลงไปในห้วงลึก ลิลี่ด้านข้างมีอาการวิงเวียนศีรษะเพราะความสูง
คังซอนฮูก้มมองเงียบงันพลางกล่าว
“ในโลกของฉันมีน้ำตกที่ชื่อไนแองการ่า ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ฉันเคยไปที่นั่นมาแล้ว”
“อา”
“ใหญ่กว่าที่นี่อีก”
ลิลี่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับน้ำตกที่คังซอนฮูพูดถึง และเธอไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะสำคัญกับขนาดของน้ำตกตรงหน้า
น้ำตกริมขอบเมืองทั้งใหญ่และงดงามที่สุดเท่าที่ลิลี่เคยเห็น เธอไม่เคยจินตนาการถึงทิวทัศน์ในลักษณะนี้มาก่อน หมอกละอองน้ำกำลังลอยขึ้น เสียงอึกทึกราวกับฟ้าผ่าดังโครมคราม
ดีโอเน่ลุกขึ้นจากบัลลังก์ ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยน้ำจากต้นไม้ที่ท่วมขังจนเกิดเป็นทะเลขนาดย่อม ถึงจะเรียกว่าขนาดย่อม แต่น้ำก็ยังลึกพอจะให้เรียกว่าทะเลได้
ฝูงวาฬแหวกว่ายอยู่ในนั้น และพวกมันสามารถว่ายเข้าไปในท่อยักษ์ใจกลางต้นไม้ เพื่อเดินทางไปมาระหว่างทะเลใต้ดินและเมือง
ดีโอเน่แหงนมองฟ้าและเห็นพระอาทิตย์สองดวง
จากนั้นก็หลับตาลง สายลมเจือทรายพัดผ่านเส้นผมสีทอง ไอน้ำที่ระเหยอยู่รอบตัวมอบความรู้สึกเย็นสบาย
เธอไม่รู้สึกรังเกียจแม้ผิวหนังจะเต็มไปด้วยเกลือที่ตกผลึกจากน้ำทะเล
ดีโอเน่ลืมตาขึ้น เห็นสองเทพยังคงส่องแสงและจ้องมองลงมา
มิใช่สีม่วงลึกลับใต้ทะเล แต่เป็นแสงแดดอันร้อนแรงที่กำลังท่วมท้นการมองเห็น
แม้ยุคสมัยที่ปราศจากความรุ่งโรจน์สีทองจะดำเนินมาเนิ่นนาน แต่เหล่าเทพยังคงส่องแสงไม่หยุดพัก
เธอก้มหน้ามอง ทิวทัศน์ทะเลทรายที่ถูกแบ่งออกเป็นสองซีกเพราะห้วงลึก แผ่ขยายจนไปจนสุดเส้นขอบฟ้า
ทางทิศเหนือถูกบดบังด้วยฝุ่นทรายจนมองเห็นเทือกเขาได้เลือนราง
ถ้าจำไม่ผิด ที่นั่นถูกปกคลุมด้วยหิมะ…
ความทรงจำที่ยังหลงเหลือในหัวของดีโอเน่
หญิงสาวดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพรอบตัวด้วยสายตาไร้อารมณ์ แต่ก็มิอาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
เธอก้มมองเมืองที่กำลังส่องสะท้อนแสงแดด
เมืองเบื้องหน้ามิอาจหลีกหนีการกัดกร่อนจากกาลเวลาเกือบชั่วนิรันดร์ ตึกรามบ้านช่องพังไปหลายส่วน สีบนผนังหลุดลอก หลงเหลือไว้เพียงเค้าโครงของสภาพเดิม
น้ำตาที่กลั้นไม่อยู่พรั่งพรูออกมา
「…คงอดทนมานานสินะ」
ขอโทษ ข้าขอโทษ… ดีโอเน่มิอาจพูดอะไรได้นอกจากคำนี้
ความรู้สึกผิดก่อตัวในใจหลังจากพบว่า เมืองพยายามตอบแทนตนมาตลอดในช่วงเวลาที่หลับใหล
เธอแค่หลับไป แต่เมืองต้องเผชิญความทุกข์ยาก
“ดีโอเน่”
คังซอนฮูเรียกยักษ์
ยักษ์จ้องหน้ามนุษย์
“เมื่อไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งพบกับชุดเกราะเดินได้ ใช่ไหมลิลี่”
ลิลี่นึกทบทวนเกี่ยวกับอัศวินแห่งท้องฟ้าและพยักหน้า
“ชุดเกราะนั่นก็เหมือนกับเมืองนี้ ความตั้งใจอันแรงกล้าถูกสั่งสมอยู่ภายในวัตถุจนถือกำเนิดเป็นวิญญาณ”
อัศวินแห่งท้องฟ้าเกิดจากเจตจำนงที่ต้องการผดุงคุณธรรม
“ในทำนองเดียวกัน วิญญาณของเมืองนี้ถือกำเนิดเพื่อตอบแทนเธอ”
วี๊!
วาฬที่กำลังแหวกว่ายกระโดดขึ้นจากน้ำพลางส่งเสียงร้อง คังซอนฮูจ้องวาฬว่ายเข้าไปในต้นไม้สักพักก่อนจะพูดต่อ
“เธอคิดว่าเมืองนี้เผชิญความยากลำบาก?”
ดีโอเน่ตอบไม่ได้
คังซอนฮูไม่ตำหนิที่เธอลังเล
“แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น”
วี๊!
วาฬส่งเสียงร้องแทนคำตอบ
ดีโอเน่รวบรวมสมาธิและมองไปรอบตัว คังซอนฮูปล่อยให้เธอใช้เวลาได้เต็มที่
เมื่อความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นสงบลง ดีโอเน่เริ่มคิดถึงอนาคต
เป็นครั้งแรกที่คำว่า ‘อนาคต’ ผุดขึ้นในหัว
「…ในเมืองไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แล้ว เมืองจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีชาวเมือง ข้าคือผู้พิทักษ์ของเมือง จำเป็นต้องค้นหาความหมายที่แท้จริงให้เมือง」
คังซอนฮูพยักหน้า
“ตามฉันมา”
ชายหนุ่มเดินนำดีโอเน่ไปถึงขอบเมือง เป็นหน้าผาน้ำตกฝั่งตะวันตก
ทะเลทรายทิศเดียวกับที่คังซอนฮูแล่นเรือมา
จากตรงนี้สามารถมองเห็นทุกส่วนของทะเลทราย ฐานทัพขนาดใหญ่ของเบดูอินจุดแล้วจุดเล่าถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นสีเหลือง
ดีโอเน่มองตามสายตาคังซอนฮูก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย
ใต้เมืองแห่งนี้ ใกล้กับปากห้วงลึก
เรือนับสิบลำกำลังแล่นวนเวียน
“นั่นไง”
「…ผู้คน」
“พวกเขาคือผู้คนของยุคสมัยนี้ แม้ยุคทองจะจบลงแล้ว แต่ทุกชีวิตก็ยังดำเนินไปในแบบของตัวเอง”
คังซอนฮูก้มมอง
“ฉันชอบพวกเขานะ ถึงจะนิสัยหยาบกระด้างและใจร้อน แต่ก็จริงใจและกระตือรือร้นมาก”
คังซอนฮูหันไปมองดีโอเน่
“อยากได้ผู้คนไม่ใช่หรือ”
「แต่ข้าเป็นคนยักษ์ เป็นนิรันดร์ชน」
คังซอนฮูก้มมอง
「เจ้าคือกรณีพิเศษ ปกติแล้วต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ปุถุชนกับนิรันดร์ชนอาศัยร่วมกันได้ ปุถุชนมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธนิรันดร์ชนโดยกำเนิด และ…」
สีหน้าดีโอเน่ค่อนข้างเศร้า
「ยักษ์ส่วนใหญ่เป็นศัตรูของปุถุชน ยักษ์มักมีนิสัยดุร้าย พวกเขาจะยอมรับข้าหรือ? 」
คังซอนฮูครุ่นคิดสักพัก
จากนั้นก็เปิดปาก
“เอ็ดเวิร์ด”
「ฮะฮ่า! ข้านึกสงสัยมาตลอดว่าพวกเจ้าจะคุยเรื่องน่าเบื่อกันอีกนานไหม? ดูท่าจะยังไม่ลืมกันสินะ!」
เอ็ดเวิร์ดโผล่พรวดจากตะเกียง แม้จะมีท่าทีโมโห แต่คังซอนฮูทราบดี ภูตวิญญาณตนนี้ยอมปิดปากเงียบจนกระทั่งเมื่อครู่เพราะเกรงใจตน
“ขอยืมแตรได้ไหม”
ชายหนุ่มรับแตรเขาสัตว์ยักษ์สำหรับใช้ส่งสัญญาณระหว่างเรือ
จากนั้นก็ชำเลืองดีโอเน่
และเป่าลม
หวูดดดด———!
ไม่มีใครลืมเสียงนี้แน่ เพราะระหว่างการต่อสู้กับคราเค่น ทุกคนเชื่อใจกันและกันผ่านสัญญาณเสียงแตร
ความเงียบปกคลุมชั่วขณะ
จนกระทั่ง
หวูด—!
หวูด—!
เพื่อตอบสนองเสียงแตรของคังซอนฮู เรือแต่ละลำทยอยเป่าแตรโดยเว้นระยะห่างระหว่างกันเล็กน้อย
การสนทนาจบลงแล้ว
เบดูอินเชื่อใจมนุษย์ และมนุษย์เชื่อใจเบดูอิน
เรือส่งสัญญาณแสงกะพริบมาทางขอบเมือง เป็นสัญญาณกระจกที่สื่อถึงความเชื่อใจและมิตรไมตรี
“ฉันบอกเธอแล้ว พวกเขาจริงใจและกระตือรือร้น คนพวกนี้จะไม่แบ่งแยก”
ดีโอเน่เอาแต่มองดูการสื่อสารที่ไร้ภาษา
「…แต่จะพาพวกเขามาที่นี่อย่างไร? 」
“ลองหาทางออกด้วยตัวเอง และคิดหาวิธีปรองดองกับผู้คนในยุคนี้ไว้ด้วย…”
คังซอนฮูจมอยู่กับจินตนาการสักพักก่อนจะยิ้ม
“น่าสนุกดีไม่ใช่หรือ”
ดีโอเน่พอจะเข้าใจเจตนาของคังซอนฮู
ยักษ์ที่หลับใหลในช่วงปลายยุคทองเก่า มนุษย์คนนี้กำลังบอกกับเธอว่า:
— จงกลายเป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยปัจจุบัน
นี่คือย่างก้าวอันรุ่งโรจน์เพื่อเมืองที่เคยถูกลืม และเพื่อตัวยักษ์เอง
ดีโอเน่ได้คำตอบ
เธอไม่ได้วาดฝันภาพในอนาคต เพราะการฟื้นฟูเมืองต้องใช้น้ำพักน้ำแรงอย่างมาก
ดีโอเน่เลิกจินตนาการถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน
ในหัวมีเพียงสิ่งที่ควรทำในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับมนุษย์คนหนึ่งที่เธอเคยพบเจอในยุคทอง
ดีโอเน่หวนนึกถึงมนุษย์คนนั้น
「…เคยมีมนุษย์คนหนึ่ง เขามักดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด แทบจะทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่ลืมตาตื่น」
คังซอนฮูทำเพียงฟัง
「ทุกคนคิดว่าเขาบ้า ไม่มีใครใส่ใจเขา แต่ข้าเห็น…」
ดีโอเน่พยายามนึกทบทวนอดีตอันเลือนราง
ฝืนคลำหาชิ้นส่วนความทรงจำที่ล่องลอยในหัว
「…ข้าเห็นมนุษย์คนนั้นกระโดดเข้าไปในดินถล่มเพียงเพื่อช่วยกุหลาบหนึ่งดอก」
“แล้วช่วยได้ไหม”
ดีโอเน่ส่ายหน้า
「ข้าจำไม่ได้」
เหตุการณ์หลังจากนั้นไม่มีอยู่ในหัว แม้มนุษย์คนดังกล่าวจะมีตัวตนชัดเจนในความทรงจำดีโอเน่ แต่ก็ไม่มากไปกว่านี้
ความทรงจำของนิรันดร์ชนไม่ได้เป็นอิสระจากระฆังร็อคเบลล่า
ทว่า นั่นมิได้สลักสำคัญ
「ข้าเชื่อว่าเขาทำสำเร็จ」
คังซอนฮูชอบคำตอบ
จากนั้นก็ลุกขึ้นและพูด
“ถึงเวลาที่ต้องหาทางลงแล้ว”
「เจ้าจะไปแล้ว? 」
ดีโอเน่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย แม้จะต้องลาจากกันในสักวัน แต่เธอไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
ขณะกำลังตัดพ้อความทรงจำอันย่ำแย่ของตน
“ฉันอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้”
「…เจ้าเป็นใครกัน」
“นักสำรวจ? หรืออาจจะผู้ชมคนหนึ่ง”
พิจารณาจากคำตอบ ดีโอเน่เชื่อว่ามนุษย์คนนี้บ่ายเบี่ยงการแนะนำตัว
นั่นคือความคิดที่สมเหตุสมผล
「…ใจจริงก็ไม่อยากจากลากับเจ้าเร็วนัก แต่ข้าก็จะไม่ขัดขวางการตัดสินใจ… อย่างไรก็ดี คงปล่อยให้เจ้ากลับไปเฉยๆ ไม่ได้ หากปรารถนาสิ่งใดได้โปรดบอกให้ทราบ ข้าคนนี้ติดนี้เจ้าอยู่」
“ปรารถนาสิ่งใด? นั่นสินะ…”
คังซอนฮูจ้องดีโอเน่สักพัก จากนั้นก็มองไปทางทะเลทราย
“เธอคงไม่ได้คิดว่า พวกเราจะจากกันตลอดกาลใช่ไหม?”
ดีโอเน่ลังเล
เธอกำลังคิดแบบนั้น เพราะการจากลาทุกครั้งของเธอ ใกล้เคียงนิรันดร์อยู่ร่ำไป
“สักวันหนึ่ง ฉันจะกลับมายังทะเลทรายแห่งนี้อีก ถึงตอนนั้น หวังว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม”
「…」
“เธอคงหาวิธีสร้างทางเชื่อมได้แน่ เมืองของดีโอเน่จะต้องกลายเป็นศูนย์กลางทะเลทราย และถูกรายล้อมด้วยสิ่งก่อสร้างแปลกตาที่ฉันจินตนาการไม่ถึง”
คังซอนฮูเล่าความคิดของตนให้ฟัง
“ฉันจะรอชมผลงานที่สมบูรณ์แบบ”
「…แค่นี้? 」
“ยังมีอะไรสำคัญกว่านี้อีกล่ะ”
ดีโอเน่ตัดสินใจเลิกทำความเข้าใจกับมนุษย์คนนี้
แค่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น เพราะเธอเองก็อยากเห็นทิวทัศน์ที่อีกฝ่ายบรรยาย
「…」
ดีโอเน่จมอยู่กับความคิดสักพัก
จากนั้นก็ยกมือ จับอัญมณีทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีแดงบนหน้าผากด้วยนิ้วชี้และโป้ง
แล้วก็
ครึก!
นี่เป็นภาพที่แม้แต่คังซอนฮูก็คาดไม่ถึง ดีโอเน่ขูดเศษเสี้ยวหัวใจด้วยปลายเล็บ
ถึงจะเป็นแค่เศษเสี้ยว แต่ใบหน้าของเธอเจ็บปวดชัดเจน
ดีโอเน่คุกเข่าในท่าประคองเศษชิ้นส่วนดังกล่าวอย่างระมัดระวัง
“…นี่คือ?”
「ชิ้นส่วนหัวใจของข้า หากเจ้าพกไว้กับตัว ไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหนข้าก็จะทราบตำแหน่ง」
“…”
คังซอนฮูมองดูสิ่งที่เล็กกว่าฝ่ามือตนเล็กน้อย
แม้จะหลุดจากร่างกายยักษ์แล้ว แต่แสงสีแดงยังคงสว่างอยู่
「ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด หากเมื่อใดต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะทำทุกสิ่งที่ทำได้」
คังซอนฮูส่ายหน้า
“ดีโอเน่เป็นผู้พิทักษ์ของเมืองนี้ เธอออกจากที่นี่ไม่ได้”
“ข้าเคารพคำพูดนั้น เพียงแต่…”
ดีโอเน่ยื่นมือซ้าย
คังซอนฮูสัมผัสถึงกระแสลมที่แปรเปลี่ยน ราวกับมีวังวนวายุล่องหน
ภาษารูนถูกสลักลงบนพื้น
ทันใดนั้น
ฟ้าว—!
หอกเล่มยักษ์ที่พุ่งลงมาจากเมฆ ตกลงบนฝ่ามือซ้ายดีโอเน่ที่กำลังเหยียด
คังซอนฮูมองดูฉากดังกล่าว
「ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด หอกเล่มนี้จะทำลายอุปสรรคทุกชนิดที่ขวางทางเจ้า」
“…ขอบคุณมาก”
「ไม่ต้องขอบคุณ นี่คือสิ่งที่ข้าต้องตอบแทน」
ดีโอเน่ลุกขึ้นยืน
บรรยากาศรอบตัวสูงส่งดุจดังขุนนางใหญ่
ทว่า ลิลี่กับคังซอนฮูสัมผัสได้ ถึงข้อเท็จจริงที่ยักษ์ตนนี้กำลังยืดอกภูมิใจกับตำแหน่งผู้พิทักษ์เมือง
ดีโอเน่มิใช่ผู้ปกครอง หากแต่เป็นนักรบ
เธอตะโกนกึกก้องด้วยเสียงของยักษ์
เป็นการป่าวประกาศผ่านผืนฟ้า
— ยักษ์ทุกตนบนโลกจงฟัง
— ตัวข้า ดีโอเน่ บุตรีแห่งราชันยักษ์ แอตลาส
— หากผู้ใดพานพบมนุษย์ผมดำผู้ครอบครองหัวใจข้า จงเปิดทางให้เขา
— มิเช่นนั้น ข้าขอสาบานไว้ ณ ที่นี้ว่า หอกของราชันยักษ์จะผงาดขึ้นอีกครั้ง
เสียงตะโกนของดีโอเน่ดังกังวานไปทั่วโลก
“…ที่เบสแคมป์คงวุ่นวายกันอีกแน่”
คังซอนฮูเงยหน้าพลางพึมพำ แม้จะมีท่าทีผ่อนคลาย แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังตื่นเต้นกับการกระทำของดีโอเน่
ลิลี่ดูออกได้ทันที
คังซอนฮูเบือนศีรษะกลับมาอีกครั้ง
ต้องหาทางลงสินะ…
ขณะคิดเช่นนั้น
เสียงเกรี้ยวกราดของเอ็ดเวิร์ดดังขึ้น
「ข้ายังไม่เสร็จธุระสักหน่อย! ไอ้สมองทึบ!!」
“…อ้อ”
「อ้อ? เจ้าพูดว่าอ้อ? ข้ายอมอดทนอยู่ในตะเกียงเงียบๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการถูกลืม! ข้าจะโยนเจ้าลงจากน้ำตกให้เอง!!」
ได้ยินเอ็ดเวิร์ดพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด คังซอนฮูเพียงยิ้มแห้ง
ภูตตะเกียงหันไปบอกดีโอเน่
「เจ้ายักษ์! คงเป็นเจ้าเมืองนี้สินะ! ข้ามีนามว่าเอ็ดเวิร์ด! มหาโจรสลัดที่กล้าหาญที่สุดในทะเลทราย!!」
ภูตวิญญาณมิได้ยำเกรงต่อหน้ายักษ์นิรันดร์ชน
「ขอประกาศไว้ตรงนี้ว่า! ข้าจะปล้นสิ่งที่ต้องการไปจากเมือง!!」
คังซอนฮูยิ้มเงียบ ส่วนลิลี่ยิ้มแห้ง
ดีโอเน่มองสลับไปมาระหว่างคังซอนฮูกับลิลี่ด้วยสายตาฉงน จนกระทั่งเปิดปาก
「สหายของสหายข้า ถือเป็นสหายของข้าเช่นกัน เจ้าต้องการสิ่งใด? 」
「ข้าไม่รับ! แต่จะช่วงชิงมา! เพราะข้าคือโจรสลัด!」
「…เจ้าปรารถนาสิ่งใด? 」
「ผืนดิน!!」
ผืนดิน?
ได้ยินข้อเสนอที่ไม่คาดคิด คังซอนฮูหุบยิ้มพลางจ้องเอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ดหยิบขวดแก้วใบเล็กออกจากเสื้อ
ในนั้นมีเถ้ากระดูก
「ผืนดินสำหรับเด็กคนนี้!!」
คังซอนฮูทราบทันทีว่าเจ้าของกระดูกในขวดคือใคร
ชายหนุ่มเปิดปาก
“…ของเด็กชายที่ให้กำเนิดเจ้า?”
「ใช่! เมืองนี้คือความปรารถนาของเขา! ไม่เกี่ยงว่าจะถูกปกคลุมด้วยหินหรือตะไคร่น้ำเหม็นคาว! ความปรารถนาก็คือความปรารถนา! ข้าจะช่วงชิงผืนดินมาจากเจ้า!」
แม้แต่ดีโอเน่ที่ยังตามสถานการณ์ไม่ทัน ก็สัมผัสถึงความมุ่งมั่นจากน้ำเสียงเอ็ดเวิร์ด
「จงสร้างเรือลำยักษ์ที่เต็มไปด้วยเหล้าและอาหาร! ให้เขาได้พักผ่อนอยู่ที่นั่น! จงมอบผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเมืองนี้ให้เขา!! 」
กัปตันโจรสลัดแกว่งดาบโค้งในมือขวา พลางยื่นขวดแก้วในมือซ้ายให้ยักษ์
「นี่คือความปรารถนาของเด็กชายนามว่าเอ็ดเวิร์ด!!」
ดีโอเน่จ้องคังซอนฮู
แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอเห็นดวงตาคังซอนฮูกำลังตื้นตัน
เท่านั้นก็เพียงพอ
ดีโอเน่พยักหน้า ทันใดนั้น โลมาตัวหนึ่งว่ายเข้ามาใกล้และบรรจงงับเชือกที่มัดอยู่กับปากขวด
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel