ตอนที่แล้วEp.414 - สั่นสะเทือนโลกหล้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.416 - กองทัพเข้าใกล้เมือง

Ep.415 - ก่อนสงครามใหญ่


2/3

Ep.415 - ก่อนสงครามใหญ่

คาลิมัวรวบรวมสมุนทหาร 5,000 นายและออกเดินทาง

ทหาร 5,000 นาย

ฟังดูเหมือนไม่ค่อยมากใช่ไหม? แต่ในความเป็นจริง นี่ถือว่าเยอะแล้ว

มันมากเกินพอ!

เพราะขีดจำกัดที่ขุนนางเล็กสามารถสร้างสมุนทหารได้ ในทางทฤษฏีแล้วจำกัดแค่ 4,000 นาย

แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ประเด็นสำคัญก็คือ

กองทหารขุนนางใหญ่และกองทหารขุนนางเล็กต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สมุนทหารในดินแดนขนาดเล็กโดยทั่วไปจะมีระดับชั้นยอดขั้นบรอนซ์เลเวล 10 แม้แต่ขุนนางเล็กที่อยู่มานาน และทรงพลังกว่าตนอื่นๆ มากสุดก็สามารถฝึกฝนสมุนทหารได้แค่ในเลเวล 11 12 เท่านั้น ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย

ขณะที่กองกำลังของเมืองธารทะเลทรายนั้นไม่เหมือนกัน

ทหารที่นำโดยคาลิมัว ทั้งหมดอยู่ในเลเวล 13 14 และส่วนใหญ่แล้วพวกมันอยู่ในระดับชนชั้นยอดขั้นซิลเวอร์ และมีสมุนทหารจำนวนหนึ่ง ที่มีพลังรบในเลเวล 15 ชั้นยอดขั้นโกลด์

ซึ่งทหารกลุ่มนี้ถูกสร้างโดยคาลิมัวและนำทัพด้วยตัวเอง

ในการต่อสู้จริง ทหาร 5,000 นายจากเมืองธารทะเลทราย จึงมากพอที่จะเอาชนะสมุนทหารของขุนนางเล็กนับหมื่นได้!

แม้เผ่าพันธุ์มนุษย์จะแก่กล้า แต่พลังรบจะซักแค่ไหนกันเชียว? ถึงจะยึดสี่เมืองได้ในช่วงเวลาสิบวัน แต่ช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ ไม่น่าจะมีทางสะสมทรัพยากรได้

หากปราศจากทรัพยากร ก็ไม่มีทางเพิ่มพูนพลังรบของพวกเขา ยิ่งเรื่องการสร้างสมุนทหารคงไม่ต้องกล่าวถึง

ดังนั้นสมุนทหารของทั้งสี่เมือง ย่อมไม่มีทางยืนหยัดต่อสู้กับทหารชั้นยอด 5000 นายของเมืองธารทะเลทรายได้

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า

คาลิมัวรู้สึกเหมือนตัวเองไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ

หลังจากที่เขาออกจากคุกโบราณ มุ่งหน้าสู่เมืองธารทะเลทราย อย่างแรกที่ทำคือส่งทูตไปหาขุนนางเล็ก

และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้กองทหารของขุนนางเล็ก น่าจะรวมตัวกันที่เมืองรังอินทรีย์แล้ว

นี่คือกองทัพที่มีจำนวนมากกว่า 20,000 นาย!

อาศัยเพียงกองทัพพันธมิตร ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ทั้งสี่เมือง!

ปล่อยให้พวกมันกระโจนเข้าสู่สนามรบและห้ำหั่นกันเอง!

ถึงเวลาแล้วที่จะกำราบพวกขุนนางเล็กเหล่านี้อีกครั้ง!

ส่วนตัวมันที่นำทัพ 5000 นายเข้าร่วมศึกในภายหลัง แทนที่จะเข้าสู้ ควรเรียกว่ามาเป็นผู้เฝ้าดูมากกว่า แบบนี้ก็จะไม่เสียทหารแม้แต่นายเดียว

ขณะที่คาลิมัวกำลังคิดเช่นนั้น

โดยไม่ทันคาดคิด เซนทอร์ตนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง

“ท่านขุนนาง มีข่าวจากเมืองรังอินทรีย์ ....”

คาลิมัวพูดทันทีว่า “กองทัพพันธมิตรมากันพร้อมหน้าแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นเจ้าจงแจ้งขุนนางเมืองรังอินทรีย์ ว่ากองทัพของเมืองธารทะเลทราย จะไปถึงในคืนนี้ และจะเริ่มโจมตีในวันพรุ่ง!”

“เปล่า ไม่ใช่! นี่เป็นข่าวฉุกเฉิน!” สีหน้าของเซนทอร์ที่มารายงานย่ำแย่ยิ่งกว่าเวลามันร้องไห้เสียอีก “เมืองรังอินทรีย์ถูกเผ่ามนุษย์โจมตีเมื่อคืนนี้ เมืองถูกทำลาย สมุนทหารเมืองรังอินทรีย์ 4000 นาย ขุนนางเล็กทั้ง 18 ตน และผู้ส่งสารจากเมืองธารทะเลทราย 5 ตน ทั้งหมดพ่ายแพ้!”

คาลิมัวนิ่งเป็นหินไปสามวินาที ก่อนที่สีหน้าท่าทีของมันจะเริ่มกลายเป็นน่าเกลียด ผมเพ้าลุกชันราวกับสิงโตคลั่ง คำรามด้วยความโกรธ “เจ้าว่าอะไร! นั่นเป็นไปไม่ได้! เผ่าพันธุ์มนุษย์จะรู้ได้ยังไงว่าพวกเรากำลังจะไปเมืองรังอินทรีย์? เผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีอำนาจโค่นเมืองรังอินทรีย์ได้อย่างไร?”

นี่มันไร้สาระสิ้นดี!

ไม่มีทางเป็นไปได้!

เซนทอร์ผู้มารายงานตัวสั่น “ท่านขุนนาง ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ ... จะเป็นเรื่องจริง!”

เซนทอร์ระดับสูงกว่าหลายสิบตนที่ติดตาม คาลิมัวในการเดินทางครั้งนี้ ทุกตนดูตกใจมาก เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถโจมตีเมืองรังอินทรีย์ได้ในเวลาสั้นๆ แล้วอีกอย่างพวกเขายังสามารถทำลายเมืองรังอินทรีย์ได้สำเร็จ

ความคล่องแคล่วและพลังโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้มันอะไรกัน?

ยอดฝีมือตนหนึ่งจากเมืองธารทะเลทรายพรวดออกมา เอ่ยเสียงขรึม “ท่านขุนนาง ถ้านี่เป็นเรื่องจริง หมายความว่าพวกเราประเมินกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่ำไป สงครามครั้งนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ!”

ลูกน้องของคาลิมัวอีกตนหนึ่งก็ก้าวออกมาและเริ่มเกลี้ยกล่อม “ขุนนางเล็กทั้งหมด 18 ตนถูกฆ่าตาย แผนการส่งสมุนทหารจากดินแดนเล็กรอบๆย่อมต้องล่าช้าออกไปแน่นอน ข้าคิดว่าพวกเราควรล้มเลิกแผนการโจมตีที่สุ่มเสี่ยงนี้ไว้ก่อนชั่วคราว”

“ใช่ ถอนทัพกลับเมืองธารทะเลทรายก่อน รอให้กองทัพในดินแดนเล็กกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จากนั้นพวกเราค่อยรวบกำลังเข้ากำราบเผ่ามนุษย์พร้อมกัน”

“เรื่องนี้ไม่อาจเสี่ยงได้!”

คำแนะนำของฝูงชนรอบตัว ยิ่งทำให้สีหน้าของคาลิมัวมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่!”

มันเงียบไปนานกว่าสิบวินาทีเต็ม แต่ไม่ยอมรับความเห็นจากทุกตน “ข้ามีลางสังหรณ์ เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ธรรมดา หากล่าช้าไปอีกสิบวัน พวกเขาอาจแก่กล้าขึ้น!”

เมื่อคำนี้เปล่งออกมา

เซนทอร์ตนอื่นๆมองหน้ากัน

เผ่าพันธุ์ต่างถิ่นที่พวกมันไม่เคยพบเจอมาก่อนนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!

พวกเขาดูไม่เหมือนกองทัพที่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางใหญ่ตนอื่น เรียกได้ว่าแทบไม่มีภูมิหลังใดๆ แต่กลับสร้างเรื่องราวใหญ่โตได้ในเวลาอันสั้น

สิบวันแทบไม่มีความหมายใดๆสำหรับขุนนางเล็กตนอื่นๆ แต่พอเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แสนลึกลับนี้ บางทีอาจเสริมพลังรบแก่พวกเขา ฐานค่าคุณสมบัติทะยานไปอีกขั้น

ถึงเวลานั้นหากคิดฆ่าพวกเขา เกรงว่าอาจต้องจ่ายด้วยราคาที่แพงกว่าในตอนนี้

“ไม่ต้องรอพวกขุนนางเล็กแล้ว กลับไปที่เมืองธารทะเลทราย รวบรวมสมุนทหารชั้นยอดมาเพิ่มอีก 5000 นาย!” คาลิมัวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าทหารหมื่นนายของเมืองธารทะเลทราย จะล้างบางเผ่าพันธุ์ของผู้มาใหม่ไม่ได้!”

เมื่อขุนนางใหญ่ได้ตัดสินใจแล้ว ตนอื่นๆก็ไม่โน้มน้าวอีกต่อไป

เรื่องนี้ต้องทำทันที และเร่งมือให้เร็วที่สุด!

หากจ้าวสงครามคาลิมัวนำทหารหมื่นนายของเมืองธารทะเลทรายออกสู้ ไม่ต้องกล่าวถึงดินแดนเล็กที่แสนธรรมดาสี่แห่ง

ต่อให้เป็นขุนนางเล็กนับสิบก็ยังกวาดล้างได้!

แม้อาจเกิดการสูญเสียไปบ้างระหว่างสู้รบ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเมืองธารทะเลทรายที่สั่งสมมาตลอดหลายปี พลังรบของพวกขุนนางเล็กยังไม่มากพอที่จะล่วงเกินขุนนางใหญ่

สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือจำกัดความสูญเสียที่อาจลุกลาม ต้องทำลายพวกมนุษย์สารเลวนี่ให้ไวที่สุด!

...

ณ เจียงเฉิง

ชุมชนมังกรฟ้า

ฮังอวี่กลับมาแล้ว

เขากลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากเมืองรังอินทรีย์ และมันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่กลับทำตัวสงบและเก็บตัวมากขึ้น

การต่อสู้ครั้งนี้สามารถป้องกันกองทัพขุนนางเล็กนับหมื่นจากการปิดล้อมสี่เมืองมนุษย์ แต่ถ้าเดาไม่ผิด คาลิมัวยังไม่น่าล้มเลิกการโจมตี

ถ้ามันเร่งมือ อย่างมากกองทัพของมันอาจใช้เวลา 2 3 วัน!

กองทัพมนุษย์ห้าร้อยคนบุกจู่โจมเมืองรังอินทรีย์อย่างกะทันหัน ทำลายสมุนทหารนับสามสี่พันนาย สังหารเผ่าพันธุ์ระดับสูงที่มีสติปัญญาไปหลายสิบเผ่า

ในสายตาคนส่วนใหญ่

โดยเฉพาะในสายตาชาวเน็ตที่ไม่รู้สถานการณ์ของแคว้นเดียวดาย นี่เป็นผลงานที่โดดเด่นน่าประทับใจอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่กลับเยือกเย็นไม่ได้ดูตื่นเต้นดีใจใดๆ

เพราะเขารู้ว่าสงครามเล็กๆนี้ไม่นับเป็นสิ่งใด

สี่เมืองมนุษย์ยังคงห่างชั้นกับเมืองธารทะเลทราย!

หากคาลิมัวเกิดบ้าขึ้นมา ยกทหารชั้นยอดเกือบ 20,000 นายมาตีเมืองหุบเขาเดียวดาย ฮังอวี่คงไม่มีโกอาสชนะเลย

แน่นอน

เขาไม่คิดว่า คาลิมัวจะกล้าทำเช่นนั้น

ถ้านำสมุนทหารทั้งหมดออกสู่สนามรบ งั้นเมืองธารทะเลทรายจะไม่ว่างเปล่าหรือ?

หากจู่ๆมีหมาป่าหิวกระหายเข้าโจมตี เมืองธารทะเลทรายอาจถึงวาระได้

คาลิมัวไม่กล้าเสี่ยงขนาดนี้

แล้วอีกอย่าง ไม่ต้องกล่าวถึงทหารชั้นยอด 20,000 นาย ต่อให้แค่ครึ่งเดียว ด้วยความแข็งแกร่งของสี่เมืองมนุษย์ ก็ยังยากเกินต้านทาน

ทุกอย่างได้ลิขิตไว้แล้วว่ามันคือสงครามที่ดุเดือดมาก ดังนั้นต้องใช้เวลาไม่กี่วันที่เหลือเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด

ฮังอวี่สั่งให้ทุกคนซื้อโพชั่น ม้วนคัมภีร์ อุปกรณ์ ฯลฯ ที่เหมาะกับตัวเองมาโดยเร็วที่สุด โชคดีที่ทางประเทศให้การสนับสนุนมังกรครามเป็นอย่างดี

และสกายเน็ตจากหลายท้องถิ่นดูแลสมาชิกมังกรครามเป็นอย่างดี

พวกเขาจึงได้รับม้วนคัมภีร์ โพชั่นมนตรา โพชั่นลับ อุปกรณ์ หรือแม้แต่หินสกิล ทั้งหมดขายให้มังกรครามพร้อมส่วนลด นั้นเป็นเหตุผลที่ว่า พลังรบของทุกคนพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซูหยุนปิงเองก็วิ่งเต้นให้ฮังอวี่เช่นกัน

เธอเข้าพบฮังอวี่แล้วพูดว่า “ฉันขอให้ทีเกอร์ช่วยทดสอบ [ปืนใหญ่องค์รักษ์สกายเน็ต] กับ [ปืนพ่นไฟขั้นสุดยอดเสี่ยวไป๋] ให้แล้ว”

ทั้งสองสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราหลักของมังกรครามในปัจจุบัน ปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราของทั้งสี่เมืองรวมกันได้เกือบร้อย ทั้งหมดนำเข้าจากสกายเน็ตในราคาสูง แต่อย่าประมาทอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราพวกนี้ พวกมันสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเมืองได้มาก

ฮังอวี่ได้ขอให้ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และสมาชิกในภูมิภาคอื่นๆหาซื้อมันจากสกายเน็ตในท้องถิ่น เพื่อที่จะได้เพิ่มอีกหลายสิบหรือหลายร้อยกระบอก!

นี่จำเป็นต่อการเพิ่มพลังป้องกันของทั้งสี่เมืองอย่างมาก!

ฮังอวี่เอ่ยถาม “แล้วทีเกอร์วิเคราะห์ว่ายังไง?”

ซูหยุนปิงตอบว่า “ทีเกอร์คิดว่าอาวุธเหนี่ยวนำมนตราทั้งสองชิ้นนี้ค่อนข้างหยาบ ถ้านายมอบวัสดุและเวลาให้เขามากพอ เขาสามารถสร้างปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราคุณภาพสีฟ้าและโดดเด่นยิ่งกว่าได้!”

“พลังของอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราคุณภาพสีฟ้าน่าแตกตื่นมาก แต่ขณะเดียวกันมันใช้วัสดุในการผลิตสูง มากกว่าการหลอมอุปกรณ์สีฟ้าหลายเท่าด้วยซ้ำ”

“พวกเราไม่มีเวลามากพอ!”

ซูหยุนปิงขมวดคิ้ว “งั้นฉันควรทำยังไง?”

ฮังอวี่คิดพักหนึ่งแล้วตอบว่า “เวลาสำหรับผลิตอาวุธใหม่ไม่พอแน่นอน แต่การอัพเกรดอาวุธเหนี่ยวนำมนตราที่มีอยู่แล้ว ด้วยฝีมือระดับผู้เชี่ยวชาญของทีเกอร์น่าจะทำได้”

ปืนใหญ่องคักษ์สกายเน็ตกับปืนพ่นไฟขั้นสุดยอดเสี่ยวไป๋ที่ติดตั้งในสี่เมือง ทั้งหมดมีคุณภาพสีเขียวเลเวล 10

ระดับพลังงานยังค่อนข้างจำกัด ฮังอวี่จึงตัดสินใจอัพเกรดพวกมันรอบหนึ่ง ให้อาวุธพวกนั้นอัพเลเวลขึ้นเป็น 14 15 ถ้าทำแบบนี้ก็จะช่วยเพิ่มพลังให้แก่พวกมัน 50-100%!

แบบนี้จะไม่ต้องใช้ความพยายามเท่ากับการสร้างอุปกรณ์ใหม่

ถ้าให้ทีเกอร์ทำงานล่วงเวลา ซักสองหรือสามวันการ อัพเกรดพวกมันได้ครึ่งหนึ่ง นั่นก็ดีมากแล้ว

นอกจากนี้

หุ่นรบเหนี่ยวนำมนตราที่ยึดได้ ยังสามารถนำเข้าโลกวิญญาณได้เช่นกัน

ฮังอวี่ตอนนี้พยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังรบแก่สี่เมืองมนุษย์ ป้องกันศัตรูตัวฉกาจที่กำลังมาเยือน!