Ep.414 - สั่นสะเทือนโลกหล้า
1/3
Ep.414 - สั่นสะเทือนโลกหล้า
สินสงครามที่ได้มีดังนี้
หินสกิลสีฟ้า × 5
หินสกิลสีเขียว×25!
อุปกรณ์คุณภาพสีฟ้า×19!
อุปกรณ์คุณภาพสีเขียวมากกว่า 200+!
เก็บเกี่ยวคริสตัลสีฟ้าได้มากถึง 500+!
ในโลกวิญญาณ ไม่มีอะไรมีความสุขมากไปกว่าการเก็บเกี่ยวกำไรจากศัตรู
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น ยังมีไอเท็มเฉพาะคุณภาพสูงอีกหลายร้อยรายการ นอกจากนี้ยังสามารถกอบโกยอุปกรณ์สีฟ้า วัสดุต่างๆ ฯลฯ ได้อีกจำนวนมหาศาล
พิจารณาจากมูลค่าทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะสูงกว่าผลกำไรรวมของการยึดสามเมืองติดครั้งก่อนซะอีก
ศึกนี้ไม่ใช่แค่ชนะศัตรู แต่ยังขุนเผ่าพันธุ์มนุษย์จนอ้วนพี!
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบรรลุผลกำไรได้ถึงระดับนั้น
เพราะภายในเมืองรังอินทรีย์ คือศูนย์รวมของเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญานับร้อย และมีสิบแปดตนเป็นถึงขุนนางเล็ก นอกจากนี้ยังรวมถึงรองขุนนางแห่งเมืองธารทะเลทรายและยอดฝีมือที่ติดตามมาอีกมากมาย
หลายตนแม้เป็นเพียงขุนนางเล็ก แต่ก็ใช่ว่าจะยากจนค้นแค้น!
มีโอกาสสูงที่จะสามารถดรอปอุปกรณ์คุณภาพสูงและหินสกิลจากพวกมัน!
ในบรรดาหินสกิลสีฟ้า 5 ก้อนที่ดรอป หนึ่งในนั้นคือหินสกิลขั้น 4 มันหล่นจากคาเล็ม รองขุนนางแห่งเมืองธารทะเลทราย
[หินสกิลของนักรบ] : กลบฝังปีศาจคลั่ง , หินสกิลขั้น 4 ชิ้นส่วนมรดกของปีศาจคลั่งอาบโลหิต , เงื่อนไขการเรียนรู้ : 10,000 แต้มวิญญาณ , มรดกที่ต้องมีก่อนหน้า : ขุนนางคลั่ง
สกิลนี้คือหนึ่งในสกิลที่ทรงพลังที่สุดในมรดกปีศาจคลั่งอาบโลหิต สามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง มีพลังทำลายล้างสูง
ช่างพอเหมาะพอเจาะจริงๆ!
ฮังอวี่สามารถเรียนรู้มันได้
นอกจากค่ายกลล่าแสงและเงาแล้ว
ในที่สุดเขาก็มีสกิลโจมตีอันทรงพลังสกิลที่สอง!
หินสกิลที่ดรอปครั้งนี้คุ้มค่ามาก นอกเหนือจากสกิล ‘กลบฝังปีศาจคลั่ง’ แล้วฮังอวี่ยังพบหินสกิล ‘ฝนศรกระแสแสง’ ของมือยิงเทพเจ้าขั้นสามอีกด้วย และหินสกิลนี้ยังสามารถเรียนรู้ได้เช่นกัน
สงครามเดียว
เก็บเกี่ยวหินสกิลที่ใช้งานได้ถึงสองก้อน!
ฮังอวี่รู้สึกว่าเขาค่อนข้างโชคดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีหินสกิลขั้น 3 อีกหลายก้อนที่สามารถนำไปให้เสี่ยวไป๋หรือ ซูหยุนปิงเรียนรู้ได้
ฮังอวี่ตั้งใจว่าจะเก็บพวกมันไว้ทั้งหมด
ฮังอวี่หยิบสินสงครามในส่วนของตัวเองออกมาก่อน ผู้ตายในสงครามจะได้รับโบนัสเพิ่มเติม เพื่อปล่อบประโลมพวกมัน
ทุกครั้งหลังการต่อสู้จบลง สิ่งแรกที่ควรทำคือแสดงความเมตตาต่อสหายผู้ตาย จากนั้นค่อยแจกจ่ายสินสงครามที่ริบมาได้ มอบให้แก่ทุกคนในศึกนี้
ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อครั้งต่อไปเวลาทุกคนสู้จะได้ไม่กลัวตายหรือต้องกังวลใดๆ
การกระจายสินสงครามขึ้นอยู่กับผลงาน ใน 500 คนมีคนของกลุ่มมังกรครามมากกว่าครึ่ง พลังรบเหนือกว่ากลุ่มอื่นๆ และผลงานของฮังอวี่สำคัญอย่างไม่อาจละเลย ดังนั้นทีมมังกรครามจึงได้สินสงครามกว่า 70% ไปครอง
ส่วนอีก 20-30% แบ่งใหแก่เมืองทรายดำและกองกำลังขนาดเล็กและกลางที่มาเข้าร่วม
ทุกคนได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรม
นักสู้ทุกคนที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้
พวกเขาทำเงินได้มากมาย!
ฝูงชนกลับมาอย่างมีชัย กลับสู่เมืองหุบเขาเดียวดาย พวกเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นวีรบุรุษทันที มนุษย์ทุกคนในแคว้นเดียวดายต่างตื่นเต้นยินดีกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เมืองเล็กๆทั้งหมดถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
ฮังอวี่ไม่ได้ปลีกตัวหลบซ่อน
เขาจัดงานเลี้ยงฉลองในเมืองหุบเขาเดียวดาย
และไม่เพียงเปิดเผยจำนวนศัตรูที่ฆ่าได้ในครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังประกาศถึงจำนวนสมบัติที่ได้จากสงคราม
ในชั่วพริบตา
ฮือฮา!
มีประชากรเกือบ 5,000 ในเมืองหุบเขาเดียวดาย
แต่มีแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้
ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วม
แต่หลังจากได้ยินผลลัพธ์ของการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นอุปกรณ์ ม้วนคัมภีร์ หินสกิล และสมบัติคุณภาพสูงอื่นๆที่ทุกคนนำกลับมา พวกเขาแทบสติแตก!
เกิดความอิจฉา!
สองตาแดงก่ำ!
ต่อให้พวกเขาทุ่มเทอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือนที่กวาดล้างมอนสเตอร์ แต่ก็ยังไม่ดีเท่ากับหนึ่งในพันของสินสงครามที่เก็บเกี่ยวได้จาเมืองรังอินทรีย์!
นักสู้ทุกคนที่เข้าร่วมสงคราม แม้แต่คนจากกลุ่มเล็กๆก็ยังได้รับเกียรติสูงสุด
ทั้งยังได้รับผลตอบแทนที่น่าอิจฉา!
อะไรแบบนี้ไม่มีทางหาได้เลยจากการกวาดล้างมอนสเตอร์ธรรมดาและมอนสเตอร์ชั้นยอด มีแต่ต้องสู้ในสงครามใหญ่เท่านั้นจึงสามารถรวยในชั่วข้ามคืนเช่นนี้!
การจู่โจมเมืองรังอินทรีย์อย่างไม่คาดฝันถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่
ทั้งยังช่วยให้หมอกแห่งความกังวลที่ปกคลุมทั้งสี่เมืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์กระจายหายไป
ภายใต้การคุกคามของเมืองธารทะเลทราย ผู้คนที่แต่เดิมเคยหวาดกลัว ณ เวลานี้ต่างตื่นเต้นราวกับโด๊ปยา เกิดความคิดว่าเมืองธารทะเลทรายก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น!
เมืองธารทะเลทรายนับเป็นสิ่งใด?
คาลิมัวนับเป็นสิ่งใด?
พวกเรามีมังกรครามและบอสฮัง
ไม่มีอะไรมาหยุดความเจริญของมนุษย์ได้!
ข่าวนี้ย่อมถูกส่งกลับไปโลกจริงเช่นกัน
ในชั่วพริบตาเดียว ก่อให้เกิดระลอกคลื่นครั้งใหญ่
เพราะมันกระทันหันเกินไป เมืองธารทะเลทรายตัดสินใจปิดล้อมสี่เมืองมนุษย์ ข่าวนี้ยังไม่ถึงสองวัน ทุกคนต่างกังวลถึงชะตากรรมของสี่เมืองมนุษย์
และมีหลายคนที่หัวเราะเยาะในคราวเคราะห์ร้ายของผู้อื่น
ทุกคนในโลกจริงสามารถเห็นได้ ว่าในภาพหมู่นี้ คือเมืองรังอินทรีย์ในสภาพถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง ไฟลุกโชนควันฟุ้งทั่วฟ้า
และมีมนุษย์หลายร้อยคนยืนอยู่หน้าซากปรักหักพัง พร้อมกับนักโทษสิบกว่าคนที่คุกเข่าลงเป็นแถว
ฉากนี้สร้างความช็อกเต็มๆ!
มีหลายคนจากแคว้นเดียวดายได้ระบุจำนวนศัตรูที่ถูกสังหาร และของที่ปล้นมาได้ หลังจากมันแพร่กระจายออกไปแล้ว ดั่งเชื้อที่ลุกลาม มีข่าวสารน่าจับตามองมากมายปรากฏขึ้น
《แคว้นเดียวดายบุกตีเมืองรังอินทรีย์ กวาดล้างกองทัพพันธมิตรขุนนางเล็ก สังหารขุนนางเล็กไปเป็นสิบตน ฆ่าสมุนทหารนับหมื่น!》
《บอสฮังเพียงคนเดียวฆ่ายอดฝีมือโลกวิญญาณไปเกือบ 100 ตน และทำลายสมุนทหารนับพัน!》
《คาลิมัวพ่ายแพ้! ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ!》
ข่าวลือที่เกินจริงเริ่มลุกลามไปเรื่อยๆ
แต่เรื่องนี้ยังเป็นการสะท้อนถึงความสุขของชาวเน็ตเช่นกัน
พวกเขาตื่นเต้นพอๆกับผู้ที่คนที่กำลังเฉลิมฉลองในเมืองหุบเขาเดียวดาย ราวกับเป็นส่สนหนึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้
ในหยานจิง
สำนักงานใหญ่ของสกายเน็ต
รัฐมนตรีทราบข้อมูลที่รายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
เจ้าตัวตบโต๊ะอย่างแรง “ดี ดี ดีมาก! พระเจ้าทรงโปรด! เจ้าหนุ่มฮังคนนี้ทำให้พวกเราประหลาดใจได้เสมอจริงๆ”
เลขายิ้มแล้วพูดว่า “นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ น่าภูมิใจจริงๆ แถมยังเป็นการตบหน้าหลายๆคนอย่างแรง”
รัฐมนตรีสั่งการ “ปล่อยข่าวออกไป แสดงความยินดีกับมังกรคราม!”
...
ณ กรุงวอชิงตัน
ท่านประธานาธิบดียังไม่ได้พักผ่อน
เขากังวลอยู่เสมอเกี่ยวกับสถานการณ์แคว้นเดียวดาย
แม้ว่าบุคคลที่โดเด่นที่สุดในแคว้นเดียวดายจะไม่ใช่สำนักกระบี่วิญญาณ แต่อย่างน้อยก็มีคนของสำนักกระบี่วิญญาณส่วนหนึ่งเข้าร่วม กล่าวว่าเป็นขุมกำลังที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
ในฐานะแนวหน้าของกองกำลังสำรวจโลกวิญญาณ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ประธานาธิบดีคอยรับฟังข่าวตลอดเวลาหลังจากฮังอวี่ออกเดินทาง ตอนที่เขารู้แผนการของฮังอวี่ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าการต่อสู้นี้มีความสำคัญอย่างไร
หากพ่ายแพ้ ผู้คนจะสิ้นหวัง หากพวกเขาไม่สามารถต้านทานกองทัพพันธมิตรของขุนนางเล็กได้ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงการต้านทานพลังรบของเมืองธารทะเลทราย!
แต่หากชนะ นี่ค่อนข้างมีความหมายมาก!
กองทัพพันธมิตรขุนนางเล็กจะถูกกำจัดก่อนรวมตัวกัน แล้วหลังจากนั้นสี่เมืองมนุษย์ก็จะต้องสู้กับแค่เมืองธารทะเลทราย!
ครึ่งปีแล้วที่โลกมนุษย์ได้เชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เผชิญหน้ากับขุนนางใหญ่ ทุกย่างก้าวที่เกิดขึ้นในแคว้นเดียวดาย
มันคือความสำเร็จและบทเรียนอันมีค่าสำหรับมนุษยชาติ
“ท่านประธานาธิบดี!
ผบ.ตร. ไม่สนมารยาท เปิดประตูตรงเข้ามา หัวใจของประธานาธิบดีเต้นครึกโครมทันใด
“ผลลัพธ์เป็นยังไงบ้าง?”
ผบ.ตร. หน้าแดงก่ำ พูดด้วยความตื่นเต้น “พวกเราได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในแคว้นเดียวดาย!”
ประธานาธิบดีถอนหายใจโล่งอก ในหัวเริ่มเกิดความคิดอันซับซ้อน เหม่อมองลงบนโต๊ะ อ่านข้อมูลของฮังอวี่ สุดท้ายหยุดลงตรงภาพของเด็กหนุ่มที่ยังมีอายุไม่มาก “ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าทึ่ง”
...
ในลู่เฉิง
ไป๋เสวียนเห็นภาพหมู่ทางออนไลน์ เธอกับเหล่าสมาชิกกายเน็ตกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะของแคว้นเดียวดาย แต่ยังเป็นชัยชนะของทุกคนในประเทศ
ไม่พวกที่บอกว่าฮังอวี่กล้าหาญแต่ประมาทเลินเล่อ คราวนี้มาดูกันว่าจะแก้ตัวยังไง!
...
ซูหยุนปิงไม่รอให้ฮังอวี่กลับมา
ฮังอวี่ไม่ได้เปิดเผยแผนการโดยละเอียดให้เธอทราบล่วงหน้า
ซูหยุนปิงเองก็รู้ข่าวผ่านเน็ตเช่นกัน
เธอไม่กล้าแม้จะฝันถึง ผู้ชายคนนี้ใช้เวลาแค่คืนเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ครั้งใหญ่
สงครามระหว่างสี่เมืองมนุษย์กับเมืองธารทะเลทรายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่าย และความอาฆาตพยาบาททุกรูปแบบ
ฮังอวี่เลือกที่จะตอบโต้ด้วยเรื่องอันน่าตกใจที่สุด!
การบุกโจมตีเมืองรังอินทรีย์ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การพิสูจน์ตัวเขา แต่ยังเป็นการพิสูจน์ทีมของเขาอีกด้วย
และนี่จะไม่ใช่ชัยชนะครั้งสุดท้าย แต่มันคือชัยชนะที่จะบอกทุกคน ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแคว้นเดียวดายมีคุณสมบัติและพลังรบมากพอที่จะต่อกรกับขุนนางใหญ่!