865 - ดักซุ่มสังหาร
865 - ดักซุ่มสังหาร
เย่ฟ่านนับวันเวลาผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้ว ถึงเวลาไปพบผังป๋อสักที เขาต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผังป๋อและค้นหาว่าตระกูลไช่อยู่ที่ใด บางทีเขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากสำนักฉีซื่อด้วย
สองวันต่อมาเย่ฟ่านกลับไปที่สำนักฉีซื่อ ตามเวลาและสถานที่ที่ตกลงกันไว้ เขารออย่างเงียบๆ ในทิวเขา และผังป๋อก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
“เจ้าทะลวงขั้นแล้ว…” ทั้งสองคนพูดเกือบจะพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะ
เย่ฟ่านหยิบผนึกไขกระดูกล้ำค่าสามสิบหกหยดในขวดหยกขาวสามขวดจากนั้นก็ยื่นขวดนึงให้ผังป๋อ “เราต้องปรับปรุงความแข็งแกร่งของเราโดยเร็ว”
“ไขกระดูกมังกรมีมากมายขนาดนี้เลย?” ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจและปฏิเสธที่จะรับเอา
“ข้าได้มาจากการประมูล ตราบใดที่มีต้นกำเนิดสวรรค์เพียงพอ นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย นอกจากนี้ในเหมืองใต้ดินของจงโจว ยังมีรากของเส้นเลือดมังกรมากมาย ข้าจะไปที่นั่นเพื่อค้นหามันในอนาคต”
ผังป๋อจำบางสิ่งบางอย่างได้และกล่าวว่า “หญิงงามอันดับสองของจงโจง องค์หญิงเยว่หลิงแห่งราชวงศ์ฮั่วนางได้ปรากฎตัวที่นี่เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะค้นพบเส้นเลือดของบรรพบุรุษแล้ว”
เย่ฟ่านพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นเหมืองโบราณมันอาจมีแก่นแท้ของความฝัน และมันถูกปกป้องโดยสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง ว่ากันว่ามหาอำนาจทั้งสามได้เสียชีวิตลงในพื้นที่ใต้ดินนั้น และมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากอีกนับไม่ถ้วน ไว้ว่างๆ ข้าจะไปดูเอง”
“ระวังตัวด้วยนะ สิ่งมีชีวิตผู้พิทักษ์ในเส้นเลือดบรรพบุรุษล้วนเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ น่ากลัวยิ่งกว่าอสูรโบราณเสียอีก” ผังป๋อเตือน
เย่ฟ่านพยักหน้า จากนั้นก็พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ล่าสุดของเขา และขอให้ผังป๋อช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลไช่จากสำนักฉีซื่อเพื่อดูว่ามีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่
สำนักฉีซื่อซึ่งมีมรดกเก่าแก่ มีคัมภีร์โบราณนับไม่ถ้วนทั้งบันทึกที่มาของนิกายต่างๆ ในโลก และยังสามารถค้นหาที่อยู่ของเก้าญาณวิเศษลึกลับได้โดยตรงอีกด้วย
“ฮั่วอวิ๋นเฟย เขาปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว...” ผังป๋ออุทานด้วยความตกใจ
“ข้าหวังว่าเขาจะไม่ได้รับเก้าญาณวิเศษลึกลับ ไม่เช่นนั้นยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เย่ฟ่านกล่าว
“ใช่แล้ว...” ผางป๋อขมวดคิ้วขณะพูดถึงเหตุการณ์ที่น่าอับอาย “หลี่เหอซุยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบเสียชีวิต”
“อะไรนะ?”
เย่ฟ่านโกรธจัด เมื่อครั้งที่เขาพนันหินในเมืองศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายได้คอยติดตามเขามาตลอดทางและช่วยเหลือเขาอย่างมาก
ผังป๋อกล่าวว่า “ข้าต้องการฆ่าคนเหล่านั้น แต่หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ ไม่ยอม พวกเขากลัวว่าข้าจะเป็นอันตรายหากทำเช่นนี้ ในตอนนั้นข้าอยู่ในสำนักฉีซื่อ”
มีหวังเถิงในสำนักฉีซื่อที่ดูแลและจัดระเบียบทุกคนในสำนักถ้าเขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผังป๋อและเย่ฟ่านคงจะมีปัญหาอย่างมาก
"ใช่เจ้าต้องไม่หุนหันพลันแล่น การค้นหาเส้นทางโบราณสู่ดวงดาวนอกอาณาจักรควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าจัดการเอง”
“หลี่เหอซุยบาดเจ็บหนัก เจียงฮ่วยเหริน และคนอื่นๆ ก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ข้ารู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก” ผังป๋อทุบกำปั้นของเขา
“ถ้ามีใครกล้าลงมือซ้ำ ข้าจะฆ่าพวกเขาทีละคน” น้ำเสียงของเย่ฟ่านหนักแน่นและเจตนาฆ่าของเขาก็ไหลออกมา
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายหยินหยางและเหยียนอวิ๋นหราน โจมตีหลี่เหอซุยและคนอื่นๆ จนพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“คนพวกนั้นคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ข้าจะรอให้พวกเขาออกมานอกสำนักฉีซื่อก่อน หลังจากนั้นข้าจะจัดการเอง” เย่ฟ่านรู้ว่าสิ่งนี้มุ่งเป้ามาที่เขาอย่างแน่นอน
“หลี่เหอซุยกระดูกหักไปหลายชิ้น และตอนนี้เขาสามารถขยับได้บ้างแล้ว” ผังป๋อพูดอย่างขมขื่น
“ตกลง ข้าจะรอให้พวกมันออกมา เจ้ากลับไปช่วยข้ารวบรวมข้อมูลเดี๋ยวนี้” เย่ฟ่านกล่าว
ไม่นานหลังจากนั้น เย่ฟ่านออกมาที่ด้านนอกของสำนักฉีซื่อและรออย่างเงียบๆ ที่หน้าภูเขาและพูดกับตัวเองว่า
“ออกมาหนึ่งข้าจะฆ่าหนึ่ง ออกมาสองข้าจะฆ่าทั้งคู่”
แม้ว่าสำนักฉีซื่อจะมีรัศมีไม่ถึงพันลี้ แต่ก็งดงามมาก มันรวบรวมวิญญาณบรรพบุรุษของสิบทิศและเป็นดินแดนที่บริสุทธิ์สูงสุดแห่งหนึ่งของจงโจว
เย่ฟ่านรออยู่ข้างนอกสองสามวัน เขาเห็นคนผ่านไปมาเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่พบหยางเซิ่งและเหยียนอวิ๋นหรานเลย ในตอนนี้เป้าหมายของเขามีประมาณสิบเอ็ดคน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีคนที่แข็งแกร่งจากจงโจว หนานหลิง และซีม่อโจมตีหลี่เหอซุยและทำให้หลี่เหอซุยอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนเหล่านี้ต้องได้รับการลงโทษอย่างหนัก
เย่ฟ่านรอเป็นเวลาสามวัน และในที่สุดก็เห็นเป้าหมายปรากฏขึ้น ซึ่งทับซ้อนกับชายคนหนึ่งบนม้วนภาพ แต่เขาไม่ได้ลงมือทันที
วันที่สี่ผังป๋อส่งข้อความถึงเขาว่าโอกาสใกล้มาถึงแล้ว ลูกศิษย์ในสำนักกำลังจะออกไปทำการทดสอบ
“เอาล่ะ ใช้โอกาสนี้ฆ่าพวกมันทั้งหมด” เย่ฟ่านกล่าวเบาๆ แขนเสื้อของเขาเหยียดออก และเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ห้าวันต่อมาคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากสำนักฉีซื่อ ผู้นำคือเหยียนอวิ๋นหรานเขานับว่าเป็นสัตว์ประหลาดคนหนึ่งในสำนัก
“อสูรที่ต้องฆ่าคืองูเฒ่าที่บ่มเพาะมาเก้าร้อยปีแล้ว แม้ว่าจะยังไม่แปลงร่าง แต่ก็มีความแข็งแกร่งระดับสวรรค์ชั้นแรกของเซียนเทียมนับว่ารับมือได้ยากมาก”
งูเฒ่าตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่าห้าพันลี้ ซากโครงกระดูกทั้งของมนุษย์และอสูรกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง หลังจากเก้าร้อยปีสิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็ได้บรรลุเต๋าในที่สุด
มันใช้วิถีของราชาอสูรและไม่ได้พยายามที่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ เมื่อเร็วๆ นี้มันได้สร้างหายนะบางอบ่าง สำนักฉีซื่อจึงออกคำสั่งให้ศิษย์ที่แข็งแกร่งเหล่านี้ออกไปจากการ
ในขณะนี้กลุ่มที่ออกไปปฏิบัติภารกิจอยู่ห่างจากสำนักฉีซื่อไปมากกว่าสี่สิบลี้ และด้านหน้าพวกเขาเป็นทุ่งโล่ง มีหินมากมายบนที่ราบและค่อนข้างรกร้าง
“นี่คืออาณาเขตของเย่เจ๋อเทียนใครจะคิดว่าเขาคือเย่ฟ่าน แต่น่าเสียดายที่เขาพลาดโอกาสและไม่สามารถฆ่าเราก่อนหน้านี้ได้”
“ข้าไม่คิดว่าเขาจะอยู่ได้นาน ไม่กี่วันมานี้เขาได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับหวังเถิงผู้เป็นที่โปรดปรานของเหล่าทวยเทพ เขาจะไม่มีจุดจบที่ดี”
“น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถฆ่าเขาด้วยมือของข้าได้ ข้ายังไม่สามารถกำจัดความเเจ็บปวดเมื่อถูกทำให้ขายหน้าในตอนนั้น”
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ลงมาจากฟากฟ้า ไม่มีการผันผวนที่น่าสะพรึงกลัว และไม่มีพลังงานที่แข็งแกร่ง แต่มันทำให้ใจของผู้คนสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มอายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปีสวมชุดสีม่วงยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นใคร เจ้าต้องการจะทำอะไร”
“ฆ่าพวกเจ้าให้หมด” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้คนมากมายส่งเสียงหัวเราะอย่างขบขัน “ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีใครกล้ายืนหยัดต่อสู้กับคนที่โดดเด่นมากมายเพียงลำพัง”
คนเหล่านั้นล้วนมาจากห้าภูมิภาคหลัก และพวกเขาเป็นผู้สืบทอดของนิกายอันยิ่งใหญ่ และบรรดาคนรุ่นเดียวกันทั้งหมดมีเพียงเย่ฟ่านเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว
“เขาคือเย่ฟ่าน” เหยียนอวิ๋นหรานพูดขึ้นทันที
“ใช่แล้ว เขาเป็นทรราชแห่งดินแดนรกร้างตะวันออก” หยางเซิ่งก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาบรรยากาศรอบตัวก็เงียบสนิท และบรรดาผู้ที่ส่งเเสียงหัวเราะเมื่อสักครู่นี้ต่างก็กลืนน้ำลายอย่าเงียบๆทันที
เย่ฟ่านเยาะเย้ย สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาปกคลุมทุกคนไว้อย่างแน่นหนาและเขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเย็นชา
“ข้าไม่เคยมีความแค้นกับพวกเจ้าด้วยซ้ำ ทำไมถึงกล้าลงมือกับหลี่เหอซุย” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เย่ฟ่าน เจ้าเป็นศัตรูของทุกคนในโลก ในเมื่อเจ้าหายไปย่อมต้องเป็นสหายเจ้าที่ต้องรับกรรมแทน” ชายคนหนึ่งกล่าว
“เจ้าเป็นนักบวชจากทะเลทรายตะวันตกหรือ? เจ้าไม่มีความเมตตาแบบพระนักบวช และเจ้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าแทนพุทธองค์” เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้า
“บังอาจ!” นักบวชหัวโล้นคำรามด้วยความโกรธ
ด้วยผู้คนมากมายที่รวมตัวกันคนอื่นๆ ก็ไม่กลัวอีกต่อไป ทุกคนพร้อมที่จะต่อสู้ และพวกเขาต่างก็เรียกอาวุธศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องตัวเอง
เหยียนอวิ๋นหรานยืนอยู่แถวหน้า ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเผชิญหน้ากันเย่ฟ่านทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไปนานกว่าครึ่งปี ดังนั้นเขาจึงค้นหาโอกาสแก้ตัวอยู่เสมอ
“เย่เจ๋อเทียน วันนี้เจ้ากล้าสู้กับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?”
“ไม่!”
เย่ฟ่านปฏิเสธอย่างเด็ดขาดและทำให้ใบหน้าของเหยียนอวิ๋หรานเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเย่ฟ่านดูหมิ่นเขาอย่างแท้จริง