วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0100
บทที่ 32 เมืองทะเล, ความฝันของโจรสลัด (4)
* * *
เมืองที่ถูกลืม ไม่ได้ถูกสร้างใต้ทะเลมาตั้งแต่ต้น
แต่เกิดจากการกัดกร่อนของกาลเวลา
เมืองที่ถูกสร้างบนพื้นดิน มิอาจต้านทานอำนาจของกระแสน้ำทะเล
ยักษ์สตรีลืมตาขึ้นและมองไปรอบตัว เธออาจจดจำสภาพของเมืองในยุครุ่งโรจน์ไม่ได้ แต่ก็มั่นใจว่าสิ่งนั้นไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว
ใบหน้าของดีโอเน่ ยักษ์ผู้เคยทำสงครามเคียงข้างมนุษย์เมื่อนานมาแล้ว เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโหยหา
วาฬที่ถูกกอดไว้ในอ้อมแขน ค่อยๆ ม้วนหางและคลายตัวออกจากอกยักษ์
ฝูงวาฬว่ายมาลอยอยู่เหนือศีรษะยักษ์ ประหนึ่งดีใจที่เจ้าของลืมตาตื่น
วาฬตัวที่หลุดจากอ้อมแขนว่ายวนไปรอบๆ ยักษ์ด้วยท่าทางมีความสุข
การหายใจเริ่มกลับมาติดขัดอีกครั้ง
ลิลี่ตระหนักได้ว่า นี่คืออำนาจการข่มขวัญ
ยักษ์คือนิรันดร์ชนเฉกเช่นมังกร — ข้อเท็จจริงที่ไม่เคยถูกบันทึกในเอกสารใด
บรรยากาศอาจคล้ายคลึง แต่ก็แตกต่างจากขณะเผชิญหน้ามังกร
กิโฮเต้พยายามข่มอำนาจของตนไว้ มังกรที่เคยเป็นผู้ปกครองมายาวนานย่อมทราบวิธีขัดเกลาความน่าเกรงขาม
ทว่า กับยักษ์แล้วไม่ใช่ อำนาจของพวกมันทั้งเกรี้ยวกราดและป่าเถื่อนไม่เหมือนกับมังกร
แค่มองก็แทบจะหยุดหายใจ นัยน์ตาสั่นเทา ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ถึงจะไม่รู้ว่าต้องหนีไปที่ไหนหรือหนีด้วยเหตุผลอะไร แต่ใจก็ยังอยากหนี
ในเวลาเดียวกัน คังซอนฮูจับมือลิลี่แนบแน่นโดยไม่ละสายตาจากยักษ์
อาการตื่นเต้นของลิลี่หยุดลงเมื่อเธอหันไปมองคังซอนฮู
คังซอนฮูยังคงมองตรงไปที่ยักษ์
เขาไม่กลัวยักษ์
คังซอนฮูรู้จักชื่อยักษ์ตนนี้
ทางยักษ์ก็มองมาที่คังซอนฮูประหนึ่งรู้จักกัน
ลิลี่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
ไม่อยากเชื่อว่ายักษ์และปุถุชนจะมองหน้ากันอย่างเป็นมิตร ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าเมืองโบราณจะมองคังซอนฮูด้วยแววตาอบอุ่น
ไม่มีสิ่งใดยอมรับได้
ดีโอเน่ก้มมองคังซอนฮูพลางกล่าว
「…ในยามได้มองเจ้า ข้ารู้สึกโหยหาอย่างไม่มีเหตุผล」
“เธอรู้จักฉัน?”
ดีโอเน่ส่ายหน้า
「ระฆังร็อคเบลล่าผุกร่อนความทรงจำของข้า」
ดีโอเน่มองไปรอบตัว
「…และกาลเวลาผุกร่อนเมืองของข้า」
ดีโอเน่เงยหน้า
ความเศร้าหลั่งไหลเข้ามาในดวงตาที่เพิ่งเปิดออก
หลังจากมวลอารมณ์แล่นผ่านดวงตาดีโอเน่ เธอข่มความรู้สึกและฝืนตัวเองให้กลับมาเยือกเย็น
「เพราะจดจำเจ้าไม่ได้ ความรู้สึกโหยหาจึงทำให้หัวใจข้าเจ็บปวด」
ดีโอเน่กอดวาฬอีกครั้ง วาฬที่ว่ายแทรกอยู่ระหว่างเส้นผมถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขน
「ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ แต่คงมีเหตุผลอยู่แน่… ใต้ดินของเมืองนี้มี ‘ศิลาธรณี’ ทางเข้าชั้นใต้ดินอยู่ใต้บัลลังก์ที่ข้ากำลังนั่ง 」
ลิลี่หันไปมองคังซอนฮู
คังซอนฮูมีศิลาสุริยันอยู่แล้ว และศิลาธรณีก็อยู่ใต้ดินของเมืองนี้
หรือว่าหินก้อนนั้น คือต้นเหตุที่ทำให้ทรายปริมาณมหาศาลไหลย้อนกลับขึ้นไปบนห้วงลึก?
ขณะลิลี่ครุ่นคิด คังซอนฮูมองหน้ายักษ์
จากนั้นก็นั่งลง
“คุยกันก่อนไหม? ให้ถือว่าพวกเราเพิ่งเคยพบกัน”
ดีโอเน่ก้มมองคังซอนฮู
「ข้าเป็นยักษ์ เจ้าไม่กลัวหรือ」
“ทำไมถึงต้องกลัวคนที่พูดจารู้เรื่องและเป็นมิตร? ขอถามอะไรสักข้อสิ”
ดีโอเน่ทำเพียงก้มมอง
“ทำไมเธอถึงยังอยู่ในเมือง? ไม่ได้ถูกผนึกหรือพันธนาการไว้สักหน่อย”
「……」
ดีโอเน่ตอบคำถามไม่ได้
ทำไมเธอถึงยังอยู่ในเมือง?
ทำไมถึงยังนั่งทนทุกข์อยู่ที่นี่ แม้ระฆังร็อคเบลล่าจะดังผ่านไปหนแล้วหนเล่า?
คำถามที่ไม่คาดคิดทำให้ดีโอเน่ตกอยู่ในอาการสับสน
เธออยู่ที่นี่ทำไม?
วี๊—!
ในเวลาเดียวกัน วาฬส่งเสียงร้อง
ราวกับจะช่วยดึงความทรงจำดีโอเน่กลับมา
ดีโอเน่พยายามเค้นคำตอบ
「โลกด้านบนไม่มีความหมายต่อข้า เพราะยุคสมัยนี้ไม่มีความหมายต่อข้า」
“แต่ว่า…”
ถึงตรงนี้ แวมไพร์ที่กำลังยืนตัวสั่นโพล่งขึ้น
แวมไพร์ยังขจัดความกลัวไม่ได้ แต่ก็ฝืนรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
“ท่านไม่ควรอยู่ในสภาพนี้ตลอดไป… ไม่ใช่หรือ?”
ดีโอเน่หันมามองลิลี่ด้วยสายตาอยากรู้
“ผู้ที่อุทิศตัวเองเพื่อปกป้องบางสิ่ง สมควรได้รับการตอบแทนที่เหมาะสม เหตุใดท่านถึงยังอยู่ที่นี่? ทำไมไม่ออกไปตามหาอิสรภาพ?”
คังซอนฮูเงยหน้าอีกครั้ง
วี๊!
วาฬเหนือศีรษะมีจำนวนมากกว่าในตอนแรก
ระหว่างนั้น ลิลี่ยังคงรวบรวมความกล้าเพื่อพูดต่อ
“ท่านปักหลักอยู่ที่นี่จนถึงที่สุด แม้จะเป็นยักษ์ แต่ท่านมิได้ชั่วร้ายเช่นยักษ์ตนอื่น ท่านเอาชนะธรรมชาติของยักษ์ได้”
「…ความรุ่งโรจน์เลือนหายไปนานแล้ว อย่างน้อยก็ไม่มีอยู่ในยุคสมัยนี้」
“เอลโรคร่าเบลล่าดังแล้ว ยุคทองกำลังเริ่มต้นขึ้น”
เป็นครั้งแรกที่สีหน้าดีโอเน่แปรเปลี่ยน
เธอพยุงร่างกายขึ้นพลางกล่าว
「เจ้าของบัลลังก์ทองคำหวนกลับมาแล้ว? 」
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ยุคสมัยที่ท่านเฝ้ารอมาถึงแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ออกไปเผชิญแสงสว่าง ยุติความเจ็บปวดที่ไร้ความหมายและเพลิดเพลินไปกับหน้าที่ของตัวเอง”
「……」
“ท่านสมควรได้รับสิ่งนั้น”
ระหว่างกำลังร่ายยาว ลิลี่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป
อาจเป็นเพราะเธอมิอาจทนดูผู้ที่อุทิศตัวเองเพื่อปกป้องบางสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชะตากรรมหรือความเชื่อ ไม่ได้รับรางวัลตอบแทนที่เหมาะสม
คังซอนฮูฟังบทสนทนาเงียบงัน สายตายังคงแหงนมอง
วี๊!
วาฬร้องอีกครั้ง
ดีโอเน่ครุ่นคิด
ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?
ขณะพยายามนึกทบทวน ดีโอเน่เริ่มคลำเจอความรู้สึกในวันเก่า
เท่านี้ก็เพียงพอ
「ข้า…」
ดีโอเน่พยายามดื่มด่ำความรู้สึกขณะนั้น
「ข้าปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับเมือง… เมืองนี้คือความหมายเพียงหนึ่งเดียวในการดำรงอยู่ เป็นวิญญาณของข้า เป็น…」
หนึ่งประโยคที่ยังหลงเหลือในความทรงจำ และถูกส่งผ่านมาถึงยุคทองใหม่
ประโยคนั้นแล่นเข้ามาในหัว
「เพราะนั่นคือแสงอันเร่าร้อนของข้า」
นั่นคือเหตุผล
“เธอนึกเสียใจไหม?”
คำถามของคังซอนฮูไม่ซับซ้อน ‘เธอเสียใจกับทางเลือกของตัวเองหรือไม่’
ดีโอเน่ตอบได้ทันทีอย่างมั่นใจ
“ไม่เลย”
ได้ยินคำตอบ คังซอนฮูลุกขึ้นยืน
จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นใต้ดินใต้บัลลังก์ดีโอเน่ และกลับขึ้นมาใหม่พร้อมกับศิลาธรณี
วี๊!
วาฬร้องอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็จงทำหน้าที่ของเธอ ช่วยปกป้องเมืองนี้ต่อไป”
「ที่นี่ไม่ใช่เมืองอีกแล้ว แต่เป็นซากปรักหักพัง ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้ข้าปกป้องอีก แต่เจ้ากลับยังบอกให้ข้าปกป้อง… กำลังดูแคลนกันอยู่หรือ? 」
ขณะพูดเช่นนั้น ดีโอเน่ค่อนข้างขุ่นเคืองใจ คล้ายกับถูกอีกฝ่ายนำความลับออกมาเปิดเผย
คังซอนฮูดูจะชอบการตอบสนอง
“แน่ใจนะว่าที่นี่ไม่มีอะไรเหลือ?”
ตอนแรกดีโอเน่ไม่เข้าใจว่าคังซอนฮูหมายถึงอะไร
แต่เมื่อมองไปรอบตัว เธอเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่เห็น
ฝูงวาฬที่มารวมตัวกันเพื่อปลอบประโลมดีโอเน่
ไม่มีเหตุผลให้พวกมันต้องรับใช้เธอ
ประภาคารเหนือผิวน้ำ — ดีโอเน่ไม่หลงเหลือความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับการสร้างมัน
ไม่สิ เธอสร้างของแบบนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ตอนแรกที่เห็นประภาคาร ฉันเริ่มเอะใจว่ามันไม่สมเหตุสมผล เมืองนี้ไม่จำเป็นต้องมีประภาคาร มันเชื่อมต่อกับมหาสมุทรราวกับอยากให้ใครบางคนหาพบ”
「แล้วเป็นฝีมือของผู้ใด? 」
“เมือง… เมืองนี้เคลื่อนไหวเพื่อเธอ”
ดีโอเน่มองไปรอบๆ เมือง
ซากเมืองที่เสื่อมโทรมและเต็มไปด้วยปะการัง ความรุ่งโรจน์ในอดีตไม่หลงเหลืออีกต่อไป
ดีโอเน่เชื่อว่าความรุ่งโรจน์สูญสิ้นไปหมดแล้ว
นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
“เฉกเช่นที่เธอรักเมืองนี้ มันก็รักเธอ เมืองนี้ไม่ยอมแพ้เพราะเธอไม่ยอมแพ้”
ดีโอเน่ยังไม่เข้าใจว่าชายคนนี้กำลังพูดถึงอะไร
「ทำไมถึงคิดแบบนั้น」
คังซอนฮูยังคงแหงนหน้ามอง
จนกระทั่งดีโอเน่แหงนตาม
วี๊!
ฝูงวาฬที่มารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
วาฬด้านบนกำลังเรียงตัวเป็นอักษรรูน
“คำศัพท์ที่พวกเขาเขียน ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน… มันเป็นศัพท์ที่ไม่เคยมีอยู่”
「คำศัพท์ที่ไม่เคยมีอยู่? 」
เกิดขึ้นกับภาษารูนได้ด้วยหรือ?
ภาษารูนถูกสร้างขึ้นใหม่ได้?
ดีโอเน่แหงนมองด้วยสายตาสับสน
เป็นไปตามที่อีกฝ่ายพูด เธอไม่เข้าใจอักษรรูนเหล่านี้
“ต้องใช้เวลาสักพักกว่าฉันจะอ่านออก… เกือบไม่เข้าใจแล้วเหมือนกัน”
คังซอนฮูใช้มีดฝานผิว ‘ศิลาธรณี’ ออกเป็นแผ่นบางๆ
เศษผิวหล่นลงพื้น
คังซอนฮูนำเมล็ดพันธุ์ป่าออกจากเสื้อ
ลิลี่มองดูฉากดังกล่าว เมื่อเมล็ดพันธุ์ป่าตกลงบนเศษผิวศิลาธรณี รากอ่อนเล็กๆ งอกออกมารัดพันเศษผิวเอาไว้
ลิลี่ทราบดี เมล็ดพันธุ์ป่านี้จะเติบโตไปเป็นอะไร
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของคังซอนฮู
“ลิลี่”
“…อื้อ”
“เธออยากให้ยักษ์ตนนี้ได้พบเจอแสงสว่างข้างนอกใช่ไหม”
“…ข้าอยากให้ยักษ์เป็นอิสระ”
คังซอนฮูเงยหน้า
“ดีโอเน่”
ยักษ์เพียงก้มมองลงมา
“เธออยากเป็นผู้พิทักษ์เมืองนี้ต่อไปใช่ไหม”
「…เพราะนั่นคือแสงอันเร่าร้อนของข้า」
คังซอนฮูเงยหน้า
ภาษารูนที่วาฬกำลังแสดงให้เห็น ไม่ใช่รูปแบบ ‘แบน’ ที่สามารถวาดลงบนพื้น
ภาษารูนที่วาดโดยฝูงวาฬ คือรูนสามมิติที่งดงามเหนือพรรณนา
เมืองที่ได้รับความรักจากยักษ์เป็นระยะเวลานานเทียบเท่านิรันดร์ กำลังหาโอกาสตอบแทนบุญคุณ
อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ยักษ์ที่รักตนต้องผิดหวัง
เจตจำนงของยักษ์กลายเป็นเจตจำนงของเมือง
เจตจำนงของเมือง พร้อมแล้วที่จะให้กำเนิดปาฏิหาริย์
「…นี่มัน」
ดีโอเน่รับรู้ถึงพลังของรูนที่ฝูงวาฬสร้างขึ้น — พลังของนิรันดร์ชน
「เป็นไปไม่ได้…」
“เป็นไปได้สิ ในเมื่อเธออุทิศชีวิตด้วยความยากลำบาก เหมือนกับที่ลิลี่พูด ดีโอเน่คู่ควรกับรางวัลที่เหมาะสม”
「แค่พูด ใครก็พูดได้」
ดีโอเน่ไม่เข้าใจว่า เหตุใดมนุษย์ถึงกล้าพูดอย่างมั่นใจ
มนุษย์คนนี้คงเอาแต่ไล่ตามความเพ้อฝัน
หรือมนุษย์คนนี้ จะมัวจมอยู่กับความฝันจนมองไม่เห็นความจริง?
คังซอนฮูกล่าว
“ถึงเวลาทำให้เป็นจริงแล้ว”
คังซอนฮูใช้นิ้วที่สวมแหวนชี้ขึ้นฟ้า อักษรรูนถูกยิงจากมือตรงไปยังฝูงวาฬ
อักษรรูนที่ฝูงวาฬสร้าง ผสานเข้ากับรูนกระตุ้นจากคังซอนฮูจนเกิดเป็นปาฏิหาริย์
เมล็ดพันธุ์ป่าฝังรากลึกลงใต้พื้นทะเล
ลึกลงไป ลึกลงไปเรื่อยๆ
จนเกือบถึงตำแหน่งที่มีร่างของเทพนอนบรรทม
ลำต้นคอยค้ำจุนเมืองเอาไว้
พลังงานที่หล่อเลี้ยงต้นไม้มาจาก พลังของศิลาธรณี รวมถึงพลังเวทปริมาณมหาศาลของยักษ์ที่ทำให้ท้องทะเลส่องแสงสีม่วง
ฝูงวาฬทยอยแหวกว่ายออกไป แต่อักษรรูนที่ถูกกระตุ้นการทำงานยังคงส่องแสงในจุดเดิม
“ข้างบนนั่น… มีผู้คนที่ฉันอยากให้เธอคอยปกป้อง”
การสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้น
“จงกลายเป็นผู้พิทักษ์คนใหม่ของพวกเขา”
* * *
เหล่าเบดูอินที่ใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ กำลังเดินทางผ่านเกลียวคลื่นทราย
ความตายของคราเค่นทำให้เส้นทางการค้าที่เคยถูกตัดขาด กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
นี่คือโอกาสทวงคืนความมั่งคั่งที่สูญเสียไปนาน
ฮามูดีกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออก บนเรือเต็มไปด้วยสินค้า
ตอนนี้สัตว์ประหลาดที่ยึดครองห้วงลึกก็หายไปแล้ว ถึงคราวกลับมาค้าขายกับอาณาจักรเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือตามเดิม
ขณะคิดแบบนั้น เขายิ้มออกมาเอง
“ห…หัวหน้า!”
หนึ่งในสมาชิกสมาคมการค้าที่กำลังกวาดทรายบนดาดฟ้า ตระหนักถึงความผิดปกติและส่งเสียงเรียกฮามูดี
“มีอะไร?”
“เรือไม่โคลงเคลงไปหน่อยหรือ?”
“เรือก็ต้องโคลงอยู่แล้วนี่”
“ใช่ว่าข้าจะเพิ่งเคยขึ้นเรือ การสั่นแบบนี้มันออกจะ…”
ทันใดนั้น
ฉ่า———!
มวลไอน้ำก้อนใหญ่ผุดขึ้นจากปากห้วงลึกที่อยู่ไกลออกไป
กลุ่มไอน้ำก้อนมหึมาลอยสูงเสียดท้องฟ้า จนอดคิดไม่ได้ว่า ฉากตรงหน้าดูราวกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด
ม่านไอน้ำลอยสูงบดบังดวงอาทิตย์ และตกโปรยปรายมาเป็นฝนน้ำเค็ม
ใบหน้าฮามูดีขาวซีดทันที ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการเลวร้าย
“คราเค่น…?”
คราเค่นกลับมามีชีวิต? ฮามูดียังไม่ลืมว่าวีรบุรุษของพวกตนเดินทางลงไปในห้วงลึก
หรือว่าวีรบุรุษจะต่อสู้กับคราเค่นตามลำพังและพ่ายแพ้? จากนั้นมันก็ขึ้นมาบนโลกด้วยความแค้น?
ขณะคิดแบบนั้น
“นั่นอะไร? ยักษ์”
“ไม่ใช่… นั่นมันเมือง”
“มีน้ำอยู่ในห้วงลึกด้วย?”
สมาชิกสมาคมการค้าลืมหน้าที่ของตนและเอาแต่ยืนเหม่ออยู่บนดาดฟ้า
ไม่มีใครมองตรง แม้กระทั่งฮามูดีก็ไม่กล้าพอที่จะแบกรับแรงกดดัน
ซ่า—!
น้ำตกขนาดมหึมาที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน โปรยปรายลงในห้วงลึกอย่างต่อเนื่อง
ฉากน้ำตกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเมืองที่ถูกค้ำจุนด้วยต้นไม้ปริศนา
ใจกลางเมืองมีบ่อน้ำพุใหญ่
ราวกับต้นไม้คอยสูบน้ำจากด้านล่างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เมืองปริศนาผงาดขึ้นจากปากห้วงลึก
ฮามูดีมองเห็น
ใจกลางเมืองมียักษ์สตรีผู้เลอโฉม กำลังกวาดสายตาไปรอบตัว
แม้จะไกลจนเห็นได้ไม่ชัด แต่ดูเหมือนยักษ์ตนนั้นจะกำลังน้ำตาคลอเบ้า
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel