(ฟรี)บทที่ 270 ให้ฉันจับมือคุณไว้
หยูชานชานต้องการหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่หลินหยวนหยุดเธอไว้
“เดี๋ยวก่อน! เดินคนเดียวมันอันตราย”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลินหยวน หยูชานชานก็หันศีรษะและมองหลินหยวนด้วยความเกลียดชัง
ในความเป็นจริง นอกจากไปหาภรรยาของเธอแล้ว หยูชานชานยังต้องการให้หลินหยวนและจี้เฉียนมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง
แม้ว่าหลินหยวนจะรังแกเธออยู่เสมอ แต่หลินหยวนก็ยังเขียนบทกวีให้เธอเช่นกันในวันนี้
หลินหยวนรู้เจตนาของหยูชานชานโดยธรรมชาติ
แม้ว่าก้างขวางคอหายไปจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หลินหยวนยังคงรู้สึกไม่สบายใจที่หยูชานชานจะต้องเดินกลับหอพักคนเดียว
ท้ายที่สุดตอนนี้มันดึกและมืดมากแล้ว หยูชานชานไม่เหมือนกับจี้เฉียนที่สามารถเอาชนะผู้ชายหลายสิบคนได้อย่างไม่มีปัญหา
หยูชานชานเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอ
แม้ว่าเขาจะสนใจจี้เฉียนมาก แต่หลินหยวนก็ยังไม่ถึงจุดที่จะลืมน้องสาวของตัวเอง
ดังนั้นหลินหยวนจึงพูดกับหยูชานชานว่า “มันดึกแล้วและไม่ปลอดภัยสำหรับเธอที่จะเดินคนเดียว แม้ว่าเธอจะไม่สวยเท่าจี้เฉียน แต่ฉันก็ยังกังวลเล็กน้อย”
“ไม่เป็นไร! ลูกพี่ลูกน้อง คุณควรไปส่งเฉียนเฉียน!” หยูชานชานโบกมือของเธอ
“ฉันไม่ว่าที่เธอจะไปนอนกับภรรยาของเธอ แต่เราจะไปส่งเธอที่นั่นก่อน” หลินหยวนกล่าว
หลินหยวนหันไปหาจี้เฉียนหลังจากพูด
จี้เฉียนก็พยักหน้าเช่นกัน: “ใช่ ชานชาน ฉันคงจะกังวลถ้าเธอออกไปตามลำพัง พี่หลินหยวนกับฉันจะไปส่งเธอที่หอพัก”
“ก็ได้” หยูชานชานทำได้เพียงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยังมีความสุขมากและรู้สึกประทับใจที่พวกเขายืนยันว่าจะส่งเธอไปที่หอพักของภรรยา
โดยเฉพาะหลินหยวน แม้ว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะรังแกเธอและบีบแก้มเธอตลอดทั้งวัน แต่เขาก็ยังห่วงใยเธอ
หลินหยวนได้ละทิ้งความงามที่ยิ่งใหญ่อย่างจี้เฉียนและยืนยันที่จะไปส่งเธอ เธอคิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก
เมื่อคิดเช่นนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเผยความสุขบนใบหน้า
“แต่ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะเห็นหน้าภรรยาของฉันใช่ไหม? ไหนคุณบอกว่าจะไม่ตามจีบน้องสะใภ้ของตัวเองไง?” หยูชานชานผู้มีความสุขมองหลินหยวนอย่างสงสัยในเวลานี้
หลินหยวนบีบใบหน้าเล็กๆของเธอและพูดว่า: “เธอพูดถูกแล้ว ไปกันเถอะ”
หยูชานชานเดินไปข้างหน้าด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
หลินหยวนและจี้เฉียนก็เดินไปพร้อมกับหยูชานชาน
จี้เฉียนมองไปที่หลินหยวนสองสามครั้งในขณะที่พวกเขากำลังเดิน
เธอประหลาดใจกับพฤติกรรมของหลินหยวน
ทั้งหลินหยวนและจี้เฉียนรู้ว่าหยูชานชานต้องการให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง
แต่สิ่งที่ทำให้จี้เฉียนประหลาดใจก็คือหลินหยวนไม่เห็นด้วยโดยทันที แต่กลับยืนยันว่าจะไปส่งหยูชานชาน
พฤติกรรมแบบนี้น่าประทับใจมาก
【ติ๊ง! ความชื่นชอบของจี้เฉียน +1! รางวัล 100 คะแนนโต้กลับ!】
เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในใจของหลินหยวน
หลินหยวนยิ้มเล็กน้อย
เขาวางแผนที่จะไปส่งหยูชานชานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เป็นเรื่องดีที่จี้เฉียนชอบการกระทำของเขา
เช่นเดียวกับที่หยูชานชานพูด หอพักของภรรยาเธออยู่ไม่ไกลจากประตูมหาวิทลัย
หลังจากหลินหยวนและจี้เฉียนเดินไปกับหยูชานชานประมาณสี่ถึงห้านาที พวกเขาก็มาถึงที่หมาย
“ขึ้นไปได้แล้ว เข้านอนแต่หัวค่ำและอย่าลืมส่งข้อความถึงฉันเมื่อเธอไปถึงที่นั่น มิฉะนั้นฉันจะบอกแม่ของเธอว่าเธอไม่ได้กลับห้องของตัวเองตอนกลางคืน” หลินหยวนยิ้ม
“โอเคๆ ฉันรู้แล้วน่า พี่ชายนี่น่ารำคาญจริง” หยูชานชานโบกมือของเธอ
“นี่!” หยูชานชานยื่นใบหน้าเล็กๆไปใกล้หลินหยวน
“???” หลินหยวนและจี้เฉียนพบว่าการเคลื่อนไหวกะทันหันของหยูชานชานดูแปลกประหลาด
“คุณชอบจับหน้าฉันมากที่สุดไม่ใช่เหรอ? นี่เป็นรางวัลสำหรับการมาส่งฉันที่นี่ คุณจับมันได้”
“ฮ่าๆๆ!”
เมื่อมองไปที่ความไร้เดียงสาปนโง่เขลาของหยูชานชาน หลินหยวนและจี้เฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้
หลินหยวนสัมผัสใบหน้าของหยูชานชานโดยไม่บีบ หยูชานชานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หยูชานชานคิดว่าถ้าเธอพูดแบบนี้หลินหยวนจะไม่กล้าบีบใบหน้าของเธออย่างแน่นอน
แต่ความคิดของหยูชานชานนั้นถูกเขียนไว้เต็มใบหน้า
ดังนั้นหลินหยวนจึงบีบใบหน้าของเธออย่างแรง
"อ๊ะ!" หยูชานชานกรีดร้องขณะที่เธอถูกบีบอย่างแรง
หยูชานชานดูไม่เชื่อ “ทำไมคุณไม่เคยอ่อนโยนกับฉันเลย?”
หลินหยวนยิ้มและพูดว่า: “ขึ้นห้องได้แล้ว ฉันยังต้องไปส่งเฉียนเฉียน หอพักอาจจะปิดในไม่ช้านี้”
หยูชานชานที่กำลังจะขึ้นไปถึงกับอ้าปากค้าง ตาของเธอสว่างขึ้นทันใดและชี้ไปที่ด้านหลังพวกเขาพร้อมกับพูดว่า “พี่ชาย! ดูสิ! มีโลลิฝาแฝดแสนสวยอยู่ที่นั่น!”
หลินหยวนและจี้เฉียนต่างหันไปมอง และเป็นความจริงที่มีสาวงามสองคนซึ่งสูงเท่ากันกำลังเดินอยู่บนถนน แม้ว่าแสงจะสลัวและเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน แต่ก็ดูออกได้ว่าเป็นคนสวย พวกเธอตัวค่อนข้างเล็กจึงนับได้ว่าเป็นโลลิ
(T/N: โลลิ(loli) หมายถึงเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนอายุน้อยหรือค่อนข้างตัวเล็ก)
หยูชานชานถึงกับน้ำลายไหลออกมา
“พวกเธอดูน่ารักมาก พวกเธอควรจะเป็นเด็กใหม่หรือไม่ก็นักเรียนมัธยมปลาย” หยูชานชานกล่าวอย่างตื่นเต้น
หลินหยวนพยักหน้า: “คงจะเป็นแบบนั้น”
หยูชานชานพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันอยากจะเข้าไปคุยกับพวกเธอจริงๆ! แค่คิดว่าได้กอดพวกเธอไว้ในอ้อมแขนทั้งสองข้างหัวใจของฉันก็เต้นแรงแล้ว!”
“โอเคๆ หยุดเพ้อฝันแล้วขึ้นไปนอน” หลินหยวนผลักและเร่งให้หยูชานชานขึ้นไป
จากนั้นหลินหยวนก็หันหลังและเตรียมส่งจี้เฉียนกลับไปที่หอพักของเธอ
เมื่อพวกเขาหันกลับไป แฝดโลลิก็หายตัวไปแล้ว แต่หลินหยวนไม่ได้สนใจมากนัก
หลังจากที่พวกเขากลับไปที่รถ หลินหยวนก็ขับรถพาจี้เฉียนไปที่ประตูหลังของมหาวิทยาลัย
ประตูด้านหลังมีขนาดเล็กกว่าประตูหน้า แต่ประตูหลักก็ปิดเหมือนกันกับด้านหน้า มีเพียงประตูเล็กๆสำหรับคนเดิน
หลินหยวนเปิดประตูรถและให้จี้เฉียนออกมา “เฉียนเฉียน ฉันจะพาเธอกลับไปส่งที่หอพัก”
"ตกลง" จี้เฉียนพยักหน้า
พวกเขาเข้าไปในประตูเล็กๆนั้น และนี่ก็ดึกแล้ว ผู้คนจึงเบาบางมาก
มีเพียงแสงสลัวที่สะท้อนอยู่บนพื้น สายลมหนาวพัดพาใบเมเปิ้ลให้ปลิวไสว
หลินหยวนมองไปที่จี้เฉียนเป็นครั้งคราวตอนที่กำลังเดิน
แม้แสงจะสลัว เขาก็ยังเห็นถึงความงามของเธอ ผมยาวถึงเอวของเธอปลิวไสวไปตามสายลม
ด้วยคิ้วพระจันทร์เสี้ยว ดวงตาที่สวยงามและชุดเดรส ความงามของเธอราวกับนางฟ้าในภาพวาด
จี้เฉียนก็มองไปที่หลินหยวนเป็นครั้งคราวโดยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
ทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ แต่บรรยากาศไม่อึดอัด
จี้เฉียนเป็นฝ่ายนำทาง
หลินหยวนไม่เคยมาแถวนี้เลย
หลังจากผ่านถนนที่มีแสงสลัว จี้เฉียนก็พาหลินหยวนเดินขึ้นไปบนบันไดหิน
บันไดหินดูเก่า แตก และแคบเล็กน้อย ตรงนี้แทบไม่มีแสงใดๆเลย มีแสงจันทร์เพียงเล็กน้อยที่สะท้อนบนหญ้าสีเขียวและตะไคร่น้ำ
จี้เฉียนอธิบายว่า: “ถ้าคุณกลับไปที่หอพักจากประตูหลัง คุณจะต้องผ่านตรงนี้ พื้นที่แถวนี้ไม่ได้ถูกซ่อมแซมมานานแล้ว เนื่องจากมีคนไม่มากนักที่ผ่านทางนี้ แม้ว่าหลอดไฟจะเสียหายก็ไม่มีใครมาซ่อมมัน”
"โอ้" หลินหยวนพยักหน้า
บันไดค่อนข้างสูง ประมาณเกือบๆร้อยขั้น ขั้นบันไดมีขนาดเล็กมาก มันสามารถรองรับได้ครั้งละหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นและไม่มีไฟส่องสว่าง
แต่อาจเป็นเพราะผู้คนเบาบาง จึงมีคู่รักหลายคู่ที่เดินจับมือกันบนบันไดหิน
ถ้าขึ้นบันไดหินพร้อมกันจะเบียดกันมาก
หลินหยวนจึงเดินนำหน้าจี้เฉียนไปหนึ่งขั้น
บันไดหินค่อนข้างลื่นและอันตรายในการเดิน
ดังนั้นหลินหยวนจึงหันไปหาจี้เฉียนและกล่าวว่า “เฉียนเฉียน ขั้นบันไดค่อนข้างลื่น ให้ฉันจับมือคุณไว้”
ขั้นบันไดค่อนข้างลื่นและอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้นคำพูดของหลินหยวนจึงไม่แปลกมากนัก
ได้ยินสิ่งที่หลินหยวนพูด จี้เฉียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและดวงตาของเธอก็ขยับสองสามครั้ง
แต่หลังจากนั้นประมาณหนึ่งวินาที จี้เฉียนก็ยังคงตอบเบาๆว่า: “โอเค”
หลินหยวนไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาในตอนแรกของจี้เฉียน
สิ่งที่เขาถามเป็นการยั่วยวนใจโดยเฉพาะ
มีเหตุผลอันสมควรที่ผู้คนจะจับมือกันขณะเดินบนบันไดเหมือนกับที่คู่รักทำ
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของจี้เฉียนและหลินหยวนนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจับมือกันจริงๆ
เหตุผลที่หลินหยวนริเริ่มที่จะพูดก็คือเขากำลังทดสอบว่าจี้เฉียนรู้สึกอย่างไรกับเขาหลังจากที่ความชื่นชอบของเธอเพิ่มขึ้นมาถึงจุดนี้
ถ้าคนอื่นขอให้จี้เฉียนจับมือกัน เธอคงจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
จี้เฉียนมีคะแนนค่าความชื่นชอบมากกว่ายี่สิบแต้มสำหรับหลินหยวนแล้ว
แต่หลินหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่จี้เฉียนเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่าจี้เฉียนจะคิดอีกสองหรือสามวินาที
ท้ายที่สุดแล้วจี้เฉียนไม่ชอบการสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่น
แต่หลินหยวนก็เข้าใจในทันที
หลินหยวนกำลังทดสอบจี้เฉียน และจี้เฉียนก็กำลังทดสอบตัวเองเช่นกัน
จี้เฉียนไม่ปฏิเสธว่าหัวใจของเธอถูกกระตุ้นโดยหลินหยวนหลายครั้ง แม้เธอจะไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะเธอชอบเขา
หลังจากการไตร่ตรองเล็กน้อย หลินหยวนก็จับมือจี้เฉียนโดยทันที
**********