Ep.412 - สังหารรองขุนนาง
1/2
Ep.412 - สังหารรองขุนนาง
เมฆหมอกสีดำมาเยือน
ขุนนางเล็กทั้ง 18 ตนมารวมกัน
จิ้งจอกสามยืนอยู่ท่ามกลางขุนนางเล็ก สีหน้าท่าทีของมันขุ่นมัว ในใจตึงเครียดวิตกกังวล ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เขามองไปยังกลุ่มเซนทอร์ในห้องโถง
ในบรรดาพวกมัน มีหัวหน้าเซนทอร์ที่ดูน่าเกรงขาม ร่างอีกฝ่ายกำยำและตัวโตกว่าเซนทอร์ตนอื่นๆ ในมือถือขวานรบ เกือบทั้งตัวถูกปกป้องด้วยเกราะหนา และทั้งหมดสว่างไสวไปด้วยชั้นแสงพลังงานสีฟ้า
เป็นคาเล็ม!
มันคือหนึ่งในรองขุนนางแห่งเมืองธารทะเลทราย!
คาเล็มมีพลังรบอ่อนแอกว่าคาลิมัวก็จริง แต่เมื่อเทียบกับขุนนางเล็กเหล่านี้แล้ว ไม่มีใครสามารถสู้มันได้
ปัจจุบันมันอยู่ในเลเวล 14 ครอบครองมรดกขั้น 3 ที่สมบูรณ์กว่าสามอาชีพ สวมอุปกรณ์สีฟ้ากว่า 6 - 7 ชิ้นบนตัว ซึ่งนี่มากพอแล้วที่จะรับมือขุนนางเล็ก 4 พร้อมกัน
เช่นนั้นหากมนุษย์เล่า? มนุษย์จะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้หรือไม่?
เกรงว่ามนุษย์ที่สามารถต่อกรกับมันได้ ในแคว้นเดียวดายคงมีเพียงผู้เดียว!
คาเล็มสั่งการด้วยน้ำเสียงแก่กล้าและเย่อหยิ่ง “ความอดทนของท่านขุนนางใหญ่มีจำกัด พวกเจ้ามีเวลาอีกหนึ่งวัน ใครที่ยังลังเล ก็อย่าโทษว่าเมืองธารทะเลทรายไม่ไว้หน้า!”
ในใจบรรดาขุนนางเล็ก ส่วนใหญ่ล้วนขุ่นเคือง
เรื่องขัดแย้งระหว่างเมืองธารทะเลทรายกับสี่เมืองมนุษย์ พวกเขาไม่ต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย แต่ตัดสินจากสถานการณ์ตอนนี้ ดูท่าคงเป็นไปไม่ได้
พกเขาถูกจับมาที่นี่ในฐานะตัวประกัน เช่นนี้แล้วมีหรือจะปฏิเสธ?
คาลิมัวกำลังพยายามใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ขุนนางเล็กในอาณาเขตของตัวเองอ่อนแอลง!
เรื่องที่คล้ายกับเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย แม้ขุนนางเล็กจะไม่พอใจ แต่เมื่อเผชิญกับพลังอันท้วมท้นของเมืองธารทะเลทราย ทั้งหมดที่สามารถทำได้คือกลืนที่อยากพูดลงคอและเก็บมันไว้ในท้องเท่านั้น
คาเล็มไม่สนใจท่าทีที่เหล่าขุนนางเล็กแสดงออกมา “จงจำไว้ พวกเราให้พวกเจ้าเป็นขุนนางได้ นั่นหมายความว่าพวกเราสามารถยึดตำแหน่งขุนนางของพวกเจ้ากลับคืนได้ตลอดเวลาเช่นกัน การภักดีต่อเมืองธารทะเลทราย การภักดีต่อจ้าวสงครามคาลิมัว คือหน้าที่ของพวกเจ้า และเป็นหน้าที่ของ ...”
ยังพูดไม่ทันจบ ข้างนอกก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ฝูงชนในห้องโถงตกใจ มีหลายตนสะดุ้งโหยง
“แย่แล้ว!” ขุนนางเมืองรังอินทรีย์รีบเข้ามารายงานอย่างตื่นตระหนก “จู่ๆก็มีมอนสเตอร์จำนวนมากปรากฏขึ้นในเมือง!”
ใบหน้าของคาเล็มหมองลง
เมืองนี้เป็นเขตปลอดภัย
แล้วจะมีมอนสเตอร์มาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร? มันจะแปลกเกินแล้ว!
มันไม่เสียเวลาถาม หยิบขวานรบด้ามยาว รีบออกไปข้างนอกทันที
เมืองรังอินทรีย์ในค่ำคืนอันมืดมิด เวลานี้ได้ยินเสียงการต่อสู้จากทุกทิศทาง
มีมอนสเตอร์จริงๆ? แต่ไม่เป็นไร จำนวนค่อนข้างน้อย!
คาเล็มเปิดใช้งานสกิลสอดแนมวงกว้างอย่างรวดเร็ว
แต่ผลที่ค้นพบกลับน่าตะลึงพรึงเพริด
ปรากฏว่ามีมอนสเตอร์ราวๆ 20 - 30 ตัวกระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ มอนสเตอร์เหล่านี้มีสายพันธุ์ต่างกัน
มีทั้งนกประหลาดที่บินอยู่บนท้องฟ้า
มีทั้งงูประหลาดที่เลื้อยคลานอยู่บนพื้น
มีทั้งไส้เดือนยักษ์ที่มุดลงไปใต้ดิน
มีกระทั่งปลาหมึกยักษ์หน้าตาประหลาดปรากฏขึ้น
ซึ่งมีบางตัวคาเล็มไม่เคยได้เห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อนเลย แต่ละตนดูน่าเกลียดมาก ตัวอย่างเช่นปลาหมึกมาดวงตานับไม่ถ้วนอยู่บนหนวด และเกือบทุกหนวดมีความสามารถในการโจมตีทางจิต
“นี่มันคล้ายกับมอนสเตอร์แห่งขุมนรก?”
คาเล็มเคยได้ยินตำนานของแดนขุมนรกมาบ้าง
แดนขุมนรกเป็นหนึ่งในดินแดนมากมายในโลกวิญญาณ
มันคือหนึ่งในแดนอันลึกลับ อันตราย กว้างใหญ่ และยากจะหยั่งรู้ ว่ากันว่าในแดนขุมนรก ไม่ว่าจะเป็นชาวพื้นเมืองหรือมอนสเตอร์ แทบไม่มีใครเคยได้สัมผัสพวกมันมาก่อน
นี่คือสถานที่แห่งความโกลาหลและอันตรายถึงขีดสุด
กระทั่งตัวตนระดับทวยเทพ ก็ยังไม่สามารถเข้ายึดแดนขุมนรกได้
การโจมตีทางพลังจิต!
นี่คือความสามารถที่มีอยู่ทั่วไปของอสูรนรก!
อีกทั้งพลังรบของอสูรนรก 20 - 30 ตัวในที่นี้ทรงพลังมาก!
ส่วนใหญ่แล้วพวกมันอยู่ในระดับเจ้าถิ่นเลเวล 15 และจู่ๆกลับปรากฏตัวขึ้นภายในเมืองรังอินทรีย์และโจมตีเมืองโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆล่วงหน้า ผลลัพธ์คือเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่
สมุนทหารของเมืองรังอินทรีย์เป็นเพียงชนชั้นยอดเลเวล 10 เท่านั้น และยิ่งไม่ได้รับคำสั่ง ก็เป็นการยากที่จะร่วมมือกันอย่างสามัคคี
หลังจากอสูรนรกเลเวล 15 ปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็เริ่มอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งการโจมตีทางจิตมีผลเป็นวงกว้าง ในเวลาแค่สองสามนาที จึงมีทหารได้รับบาดเจ็บกว่าร้อยนาย
“บัดซบ!”
“รีบออกไปฆ่าพวกมัน!”
“ต้องกำจัดพวกมันให้หมด!”
คาเล็มเป็นตนแรกที่กระโจนออกไป แต่ในตอนนั้นเอง
อสูรกระทิงนรกขนาดมหึมาที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนตรงเข้ากระแทกคาเล็มจากเบื้องหลัง
แต่ด้วยพลังรบอันแก่กล้าของคาเล็ม แน่นอนว่าสามารถตอบสนองได้ทันการ
แต่ขณะที่เตรียมจะหลบ หางทั้งแปดของอสูรกระทิงนรกพลันกางออก กระหน่ำโจมตีทางจิตครอบคลุมตัวคาเล็ม ตรึงร่างมันไว้
ท่ามกลางเสียงอึกทึก อสูรกระทิงตัวมหึมาพุ่งเข้าชนคาเล็ม ผลักฝ่ายหลังถอยไปไกลกว่า 100 เมตร ชนเข้ากับตึกหลังใหญ่
ไอ้ทุเรศ!
มอนสเตอร์ตัวนี้มันมาจากที่ไหนกัน!
คาเล็มเปิดใช้งานสกิลของตัวเอง เปลี่ยนร่างเป็นขุนนางเลือดปีศาจในทันที
เห็นได้ชัดว่าตัวมันก็มีมรดกของขุนนางคลั่ง
ขวานรบตัดกวาดออกไปอย่างรวดเร็ว สับอสูรกระทิงนรก ระเบิดแรงปะทะอันน่าสะพรึง พริบตาเดียวอสูรกระทิงกระเด็นไปไกลกว่า 20 เมตร
และยังสร้างความเสียหายแก่ตึกรามตามรายทางเป็นจำนวนมาก
คาเล็มสยายปีก บินจากพื้นดินสู่อากาศ เหวี่ยงขวานใหญ่ลงจากเบื้องบน คมขวานราวกับอัดแน่นไปด้วยลาวาและเปลวเพลิงนับไม่ถ้วน ดั่งอุกกาบาตร่วงหล่น สับอสูรกระทิงที่ยังไม่มีเวลาทันจะได้ลุกยืน!
บรึ้มมม!
พื้นเมืองรังอินทรีย์แตกเป็นเสี่ยงๆ เสาไฟปะทุออกมาจากมัน อาคารโดยรอบพังทลาย
แม้อสูรกระทิงจะมีพลังรบในระดับเจ้าถิ่น แต่มันก็ไม่สามารถทานทนต่อการโจมตีของสกิลขั้น 4 ได้
ปัง!
อสูรกระทิงสลายเป็นพลังงาน เหือดหายไปภายใต้คมขวานที่ลุกโชนของคาเล็ม
ไม่ดรอปไอเท็ม?
ไม่ดรอปแต้มวิญญาณ?
หรือนี่จะเป็น ... มอนสเตอร์อัญเชิญ!
แต่ใครกันที่มีความสามารถอันทรงพลังเช่นนี้ มีผู้ที่สามารถอัญเชิญอสูรนรกได้มากมายขนาดนี้อยู่ในแคว้นเดียวดายด้วยหรือ?
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ตัวตนธรรมดาแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม การอัญเชิญมอนสเตอร์จำนวนมากในครั้งเดียว ราคาและต้นทุนที่คนผู้นั้นจ่ายไปคงไม่น้อย --นี่ไม่ใช่แค่การสร้างความโกลาหลเล็กๆแก่เมืองรังอินทรีย์!
‘ผู้อยู่เบื้องหลังมีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น!’
คาเล็มเพิ่งคิดได้ เงาดำพลันปรากฏออกมาจากทุกทิศทาง หมาป่าดำตัวยักษ์ที่มีดวงตาสีแดงก่ำกระโจนเข้าหามัน
หมาป่าดำเหล่านี้สมควรมีพลังรบในระดับเจ้าถิ่นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอสูรนรก เหมือนจะอ่อนแอกว่ามาก
แต่จะยังไงก็ช่าง ต้องรีบกำจัดมอนสเตอร์ที่เข้ามาเกะกะก่อน!
คาเล็มกุมขวานรบ ปลดปล่อยหนึ่งในสกิลอันทรงพลัง ระเบิดมันจากตัว โจมตีออกไปในทุกย่างก้าว
‘มอนสเตอร์หมาป่าดำ’ ถูกฆ่าตายในสองกระบวนท่า
แต่ในจังหวะนั้นเอง จู่ๆคาเล็มก็สัมผัสได้ว่ามีกรงเล็บตะปบลงบนหลังตน!
หมาป่ายักษ์ในร่างวิญญาณปรากฏขึ้นและลอบโจมตีจากข้างหลัง สร้างดาเมจแก่คาเล็ม
คาเล็มไม่เสียเวลาคิด ระเบิดปราณสงครามคลั่งทันที ส่งผลให้แม้ศัตรูจะอยู่ในร่างวิญญาณ แต่ก็ยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก ปลิวกระเด็นออกไป
“จงตาย!”
คาเล็มเหวี่ยงขวานรบด้ามยาวหมายผ่าร่างศัตรูออกเป็นสองซีก
แม้มอนสเตอร์ที่ปรากฏขึ้นในเมืองรังอินทรีย์จะทรงพลังมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันอยู่ในระดับเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ - ซิลเวอร์เท่านั้น สำหรับชายผู้แข็งแกร่งอย่างคาเล็ม ไม่นับเป็นภัยคุกคาม
อย่างไรก็ตาม
ณ ขณะนั้น
คาเล็มคาดไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์พลิกผัน ชั้นม่านน้ำผุดขึ้นขวางคมขวานตน
คาเล็มคำรามทุบทำลายม่านน้ำโดยตรง
แต่เมื่อพวกมันแตกกระจาย อาวุธสองชิ้นพลันปรากฏขึ้นมาจากอากาศอันว่างเปล่า
อาวุธทั้งสองตรงเข้าต้านทานคมขวานของคาเล็มอย่างแรง ช่วยชีวิตหมาป่ายักษ์ที่เกือบถูกฆ่า
เป็นใครกัน?
ใครที่กล้าขวางข้า!
แต่การที่หยุดข้าได้ แสดงว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา!
เมื่อหน้าตาเจ้าของสองอาวุธปรากฏ คาเล็มก็สามารถระบุตัวเป้าหมายได้ทันที แม้จะไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการในคุกโบราณ แต่ด้วยข้อมูลที่รายงานมา ทำให้มันรู้ว่าคนเบื้องหน้าคือใคร
“เป็นเจ้า!? ที่แท้ทั้งหมดก็เป็นฝีมือเจ้า!”
“รู้ตัวตอนนี้ไม่คิดว่ามันสายเกินไปหรอ?” มุมปากของฮังอวี่ยกยิ้ม “รองขุนนางเมืองธารทะเลทรายใช่ไหม? วันนี้ฉันจะเชือดแกก่อน แล้วต่อไปก็ถึงตาคาลิมัว!”
“วาจาใหญ่โต!”
คาเล็มโมโหจัด มันกำลังจะโจมตี แต่ในตอนนั้นเองปราณสงครามคลั่งพลันระเบิดออกมาจากอีกฝั่ง เสมือนดั่งถูกกระแทกด้วยขุนเขา เกราะตามตัวคาเล็มแตกร้าวและมีบางส่วนพังทลาย
บัดซบ!
คาเล็มรู้ตัวแล้วว่าประมาทไป!
พลังรบของชายผู้นี้ ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตนเอง!
อีกฝ่ายจงใจรอให้สกิลสำคัญหลายอย่างของตนเข้าสู่ระยะคูลดาวน์ จากนั้นสบโอกาสจากช่องโหว่นี้เข้าโจมตี พลังรบของทั้งสองฝ่ายไม่ต่างกันมากนัก
ทำให้หากสู้กันในสภาพพร้อมทั้งคู่ คงไม่อาจระบุว่าฝ่ายใดจะชนะหรือพ่ายแพ้
หลังจากคาเล็มถูกปราณสงครามคลั่งในฉับพลัน มันใช้ประโยชน์จากการถูกผลักกระเด็น เตรียมถอนตัว ถอยกลับไปหาพรรคพวกตนอื่นๆ
“คิดหรือว่าจะหนีพ้น!”
“ค่ายกลล่าแสงและเงา!”
กระบี่นับไม่ถ้วนแหวกว่ายดั่งปลาในน้ำ เข้าพัวพันคาเล็มที่กำลังล่าถอยด้วยความเร็วสูง
เมื่อล้อมรอบตัวได้สำเร็จ ปราณกระบี่พลันระเบิดดั่งพายุทอร์นาโด ขังคาเล็มไว้ข้างใน
ปราณสงครามของคาเล็มยังอยู่ในสถานะคูลดาวน์ เวลานี้มันจึงทำได้เพียงปลดปล่อยเทคนิคเสริมการป้องกันที่เสริมมากับอุปกรณ์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงได้รับดาเมจมหาศาล
แล้วอีกอย่างเมื่อตกอยู่ภายใต้ค่ายกลกระบี่ สกิลการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงก็ใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน
ฮังอวี่รีบไล่ตามมันไป
เสี้ยวพริบตาที่ค่ายกลกระบี่จางหาย เขาเปิดใช้งานสังหารลมกรดต่อทันที!
คาเล็มถูกโจมตีติดต่อกันหกครั้งด้วยความเร็วถึงขีดสุด เกราะบนตัวมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ค่าพลังชีวิตลดน้อยลงเหลือหนึ่งในห้า
ข้อมูลที่รายงานมาดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง!
ชายผู้นี้ ... แกร่งกว่าที่คาดไว้มาก!
คาเล็มเปิดใช้งานคัมภีร์ล้ำค่า ฟื้นฟูค่าพลังชีวิตครึ่งหนึ่งในพริบตา แต่บัฟเชิงลบที่ได้จากกระบี่สามานย์และขวานปีศาจแมงป่องยังไม่สลายหาย มันไม่กล้าสู้แล้ว ในหัวมีแต่เรื่องหนี เพียงแค่ขอโอกาสให้ได้พักหายใจก่อน
สกิลเสริมจากในขวานรบถูกเปิดใช้งาน พายุหมุนขนาดใหญ่ก่อตัวและพัดผ่าน
ฮังอวี่ไม่ปล่อยให้คาเล็มได้มีโอกาสพักหายใจ เปิดใช้งานกายาเกราะ แบกรับแรงกระแทก ไม่ถอยแม้สักก้าวเดียว จากนั้นตามด้วยสกิลบลิงค์ กระโดดไปข้างหน้าคาเล็ม
ม่านตาคาเล็มหดลีบลง กระตุ้นสกิลป้องกันทันที
ฮังอวี่เร็วกว่าหนึ่งก้าว เปิดใช้งานปลดปล่อยสัจธรรม ล้างคูลดาวน์สกิลต่างๆในตัว และระเบิดปราณสงครามอีกครั้ง
ทำให้ก่อนที่สกิลป้องกันของคาเล็มจะแสดงผล มันได้ถูกปัดเป่าออกไป
คาเล็มยังไม่ทันทำอะไรต่อ สังหารลมกรดก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง!
คาเล็มเผชิญกับภาพติดตาโหมกระหน่ำเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง ความโกรธและตื่นตระหนกวาบเข้ามาในดวงตา
มันต้องการจะแก้สถานการณ์
แต่ฮังอวี่เร็วเกินไป!
ไม่ปล่อยให้มันได้มีโอกาสนั้นเลย!
-99!-106!-112!-118!-122!-126!
ค่าคุณสมบัติของฮังอวี่พุ่งสูงขึ้นในยามสวมชุดเซ็ทสีฟ้าทั้งตัว ดาเมจที่ทำได้น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
การป้องกันของคาเล็มยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ดาเมจยิ่งนานยิ่งสูง จนสุดท้ายพลังชีวิตถึงจุดสิ้นสุด ร่ำร้องอย่างไม่ยินยอม
รองขุนนางแห่งเมืองธารทะเลทรายล้มลง
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ฮังอวี่สามารถสังหารศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในเมืองนี้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเซนทอร์อีกหลายตนมาถึง ก็เห็นแค่ศพของหัวหน้าตัวเอง และไอเท็มดรอปทั่วพื้น
ใบหน้าของพวกมันดูหวาดกลัวมาก
เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำใจเชื่อ
รองขุนนางคาเล็มผู้ทรงพลังของพวกตน พ่ายแพ้ในเวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที!