(ฟรี)บทที่ 265 แปดสิบล้าน!
ด้วยการโน้มน้าวใจของทุกคนและการตกลงของหลินหยวน เกอหยวนซานก็ยกกระดาษฟางขึ้น
ทุกคนตะลึงเมื่อเห็นกระดาษฟาง
หลินหยวนเขียนอักษรตัวสะกด
มันค่อนข้างไม่เป็นระเบียบและฉวัดเฉวียน
ในการเขียนอักษรตัวสะกด ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความยุ่งเหยิงเพราะมันบ่งบอกถึงความรู้สึก
คนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับอักษรตัวสะกดไม่เข้าใจสิ่งที่หลินหยวนเขียน
แต่ถึงกระนั้น การเขียนของหลินหยวนบนกระดาษฟางยังคงได้รับความสนใจและทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาจากไปได้
แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษร ก็ไม่สามารถละสายตาจากงานเขียนของหลินหยวนได้
พวกเขารู้สึกว่าตัวอักษรของหลินหยวนนั้นดีมาก
แม้แต่หยูซานชานก็สัมผัสถึงมันได้และจ้องมองอย่างว่างเปล่า
เธอยังอยากจะตะโกนว่า 'โอ้ชิท! เขียนได้ดีมาก!'
แม้ว่าบางคนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หลินหยวนเขียน แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาลดความชื่นชมและรู้ว่างานเขียนของหลินหยวนนั้นดีมาก
เขามีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษร โดยเฉพาะรูปแบบอักษรตัวสะกด มันทำให้เขาดูน่าทึ่งขึ้นไปอีก
“อักษรตัวสะกดนี้น่าทึ่งจริงๆ! การเปลี่ยนแปลงที่สลับซับซ้อน สีที่ซีดจาง แพรวพราว แต่สม่ำเสมอ ทำให้ผู้คนคิดอย่างลึกซึ้ง!”
“เขียนได้ดี! เขียนได้ดีจริงๆ”
ผู้ชื่นชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรเหล่านี้ไม่ตระหนี่ในคำพูดและยกย่องอย่างจริงใจ
แม้ว่าหลินหยวนจะอายุน้อยกว่าพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถดูถูกหลินหยวนได้ เพราะถึงแม้ว่าหลินหยวนจะอายุน้อย แต่ทักษะการประดิษฐ์ตัวอักษรของเขานั้นดีมาก
ในฐานะผู้ชื่นชอบการประดิษฐ์ตัวอักษร ทุกคนต่างยอมรับ
หลินหยวนไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของพวกเขา
หลังจากที่ทักษะการประดิษฐ์ตัวอักษรของเขาไปถึงระดับพระเจ้าแล้ว ตัวอักษรที่เขาเขียนนั้นเกิดจากผสมผสานจุดแข็งทั้งหมดของนักประดิษฐ์ตัวอักษรที่มีชื่อเสียง
ลายเส้นของเขาน่าทึ่งและน่าหลงใหลจริงๆ
จี้เฉียนที่สงบนิ่งและสง่างามอยู่เสมอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นอักษรตัวสะกดของหลินหยวน
ดวงตาคู่สวยของเธออดไม่ได้ที่จะเบิกกว้างด้วยความแปลกใจและเป็นประกายราวกับอัญมณี
‘ลายเส้นที่มีความต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงที่สลับซับซ้อน... งานเขียนนี้แทบจะเทียบได้กับผลงานของนักประดิษฐ์ตัวอักษรชื่อดังอย่าง จางซู, เหว่ยซู, ....’ จี้เฉียนคิด
จี้เฉียนชอบและศึกษาอักษรตัวสะกด
การได้เห็นตัวอักษรตัวสะกดของหลินหยวนนั้น เธอตกใจมากกว่าคนอื่นๆ
ตอนแรกเธอคาดเดาได้ว่าทักษะการประดิษฐ์ตัวอักษรของหลินหยวนคงจะไม่ด้อยไปกว่าเธอ แต่นี่มันกลับยอดเยี่ยมและทรงพลังเกินไป
จี้เฉียนคิดว่าทักษะการประดิษฐ์ตัวอักษรของเธออยู่ในขั้นดีมากแล้ว
และจี้เฉียนมั่นใจว่าภายในห้าปีเป็นอย่างมาก เธอจะสามารถไปถึงระดับปรมาจารย์ได้
แต่เมื่อเทียบกับระดับของหลินหยวน ช่องว่างนั้นใหญ่เกินไป
หลินหยวนเป็นปรมาจารย์ด้านการประดิษฐ์ตัวอักษรหรือเปล่า?
หรือเขาอาจจะอยู่สูงกว่าระดับปรมาจารย์ด้วยซ้ำ!
ส่วนที่ว่าระดับสูงขนาดไหน จี้เฉียนก็ไม่สามารถบอกได้
เธอรู้เพียงว่าต่อให้เธอไปถึงระดับปรมาจารย์แล้วก็ยังยากที่จะเขียนรูปแบบการประดิษฐ์ตัวอักษรเช่นนี้
จี้เฉียนมองไปที่ดวงตาของหลินหยวนอย่างแปลกใจ
ในด้านที่เธอเก่งมาก หลินหยวนแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มากกว่าครั้งแล้วครั้งเล่า มันน่าเหลือเชื่อมาก
เธอดึงความคิดของเธอที่เกิดจากความตกใจในความสำเร็จของหลินหยวนกลับคืนมา
จี้เฉียนอ่านคำที่เขียนโดยหลินหยวนในรูปแบบอักษรตัวสะกดที่ดูฉวัดเฉวียน
“หมอกและฝน... เรือหลายสีในบ่อน้ำ หมอกควันเพียงผิวเผิน...” จี้เฉียนท่องบทที่หลินหยวนเขียนซ้ำหลายครั้งและตระหนักถึงความหมายของมันทันที
“เรือหลายสีในบ่อน้ำ หมอกควันเพียงผิวเผิน”
池(จี้)ในตอนต้น และ 浅(เฉียน)ในตอนท้าย
[T/N: 池(จี้) = บ่อน้ำ, 浅 (เฉียน) = ผิวเผิน]
คำเหล่านี้รวมกันเป็นชื่อเธอ
หลินหยวนเขียนบทกวีนี้ให้เธอ
เปลือกตาของจี้เฉียนกะพริบหลายครั้งติดต่อกันและหัวใจของเธอก็เต้นแรง
แม้ว่าจะไม่มีความผันผวนอย่างชัดเจนที่ภายนอก
แต่ดวงตาของจี้เฉียนก็มองหลินหยวนเปลี่ยนไป
เดิมทีหยูชานชานที่ด้านข้างไม่รู้ว่าหลินหยวนเขียนเกี่ยวกับอะไร
เธอรู้เพียงว่าหลินหยวนเขียนได้ดีมาก
แต่หลังจากได้ยินจี้เฉียนพึมพำ เธอก็เข้าใจความหมายของบทกวีที่หลินหยวนเขียนขึ้น
“เรือหลายสีในบ่อน้ำ หมอกควันเพียงผิวเผิน... เรือหลายสีในบ่อน้ำ หมอกควันเพียงผิวเผิน...” หยูชานชานกล่าวสองสามครั้ง
จากนั้นเธอก็ถามจี้เฉียนว่า “เฉียนเฉียน ลูกพี่ลูกน้องของฉันเขียนเกี่ยวกับเธอหรือเปล่า?”
"ใช่" จี้เฉียนพยักหน้า
หยูชานชานมองไปที่หลินหยวนทันทีและพูดว่า: “เฮ้! ลูกพี่ลูกน้อง คุณไร้ยางอายจริงๆ คุณหยอกล้อภรรยาของตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง! ไร้ยางอายเกินไป!”
ใบหน้าเล็กๆที่สวยงามของจี้เฉียนเปลี่ยนเป็นสีแดง มือของเธอกลายเป็นมีดและเคาะหัวของ หยูชานชานหลายครั้ง
คำพูดของหยูชานชานเหมือนกับการหยอกล้อทั้งหลินหยวนและจี้เฉียน ในขณะที่เธอมีความรู้สึกแปลกๆในหัวใจตอนนี้
เมื่อเห็นมือของจี้เฉียน หยูชานชานก็กุมศีรษะของเธอทันที
จี้เฉียนไม่ได้พูดต่อ เธอดึงมือกลับแล้วหันไปมองหลินหยวน
สำหรับการประดิษฐ์ตัวอักษรของหลินหยวน ผู้มีชื่อเสียงหลายคนในเจียงเป่ยที่ชื่นชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรก็ยกย่องเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ เกอหยวนซานยังไม่ได้พูดอะไร
เกอหยวนซานตริตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “เธอเก่งมาก หนุ่มน้อย เธอเขียนมันออกมาดีมาก ให้ฉันสรุปข้อสังเกตของฉันให้ฟัง การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้เต็มไปด้วยพลังจริงๆ...”
“ลายเส้นต่อเนื่องและโบยบินอย่างมีชีวิตชีวา เหมือนลมและฝน มังกรและงูที่บินได้ มันมีความบ้าคลั่งและรุนแรง...”
“กระดาษฟางดูเรียบง่ายและสงบ ด้วยการเขียนที่ราบรื่นและมีพลัง เต็มไปด้วยความงามและความสง่างาม...”
“เพียงดูงานเขียนของเธอก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกทึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลงานที่เขียนอย่างบ้าคลั่ง แต่ฉันเห็นเพียงความงามของมัน...”
“สุดยอด! มันน่าทึ่งจริงๆ!”
หลังจากพูดความคิดเห็นประโยคสุดท้ายของเขาต่องานของหลินหยวนแล้ว เกอหยวนซานก็หันศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่นให้หลินหยวนพร้อมกับกล่าวว่า “หนุ่มน้อย ฉันจะเรียกเธอว่าเสี่ยวหยวนก็แล้วกัน เดิมทีฉันตั้งใจจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ แต่หลังจากเห็นทักษะการประดิษฐ์ตัวอักษรของเธอแล้ว ฉันเกรงว่าทักษะของเธอจะดีกว่าฉัน เดิมทีฉันอยากจะแขวนงานเขียนของเธอไว้ที่ผนังข้างประตู แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันไร้สาระเกินไปหน่อยที่จะแขวนงานเขียนระดับนี้ไว้ตรงนั้น”
“ผู้เฒ่าเกอ คุณยกย่องผมเกินไป อันที่จริงแล้วผมชื่นชมคุณมาก”
คำพูดของหลินหยวนไม่เพียงเต็มไปด้วยความเคารพ แต่ยังดูอ่อนน้อมถ่อมตน
เกอหยวนซานโบกมือและพูดว่า “เธอรู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษร เธอไม่จำเป็นต้องปลอบใจตาแก่คนนี้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าช่องว่างระหว่างเรานั้นกว้างขนาดไหน”
“ตาแก่คนนี้ต้องการถามคำถามมากกว่าจะฟังคำปลอบโยนสำหรับเรื่องนี้ เธอวางแผนที่จะขายมันในราคาเท่าไหร่?”
“ตาแก่คนนี้ชอบสะสมงานเขียนเป็นอย่างมาก”
“สำหรับงานของเธอ เสี่ยวหยวน ฉันขอซื้อมันในราคา 80 ล้าน”
“เธออยากขายมันให้ฉันไหม?” เกอหยวนซานถามโดยตรง
แปดสิบล้าน!
เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ เกือบทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึง
**********
*เรื่องบทกวีนี่ไม่ไหวจริงๆ บางคำอาจแปลออกมาผิดความหมายได้ แต่เนื้อเรื่องยังคงเดิมแน่นอน