864 - คนที่ไม่คาดคิด
864 - คนที่ไม่คาดคิด
บูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายเจิดจ้า และอสูรหัวเงินทั้งสามโจมตีพร้อมกัน พวกมันทั้งหมดอ้าปากและพ่นเปลวไฟสีเงินออกมา กำแพงหินที่อยู่รอบๆ กลายเป็นหินหนืดและระเหยไปในอากาศทันที
“ร้อน!”
เย่ฟ่านผงะ สิ่งมีชีวิตที่ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนแรกของเซียนเทียมยังต้องกลายเป็นเถ้าถ่านเมื่อพบเจอกับเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้
ไม่มีพลังวิเศษหรือเต๋าใดๆ จะสามารถหยุดพวกมันได้ และสมบัติที่อยู่ต่ำกว่าระดับปราชญ์ก็เช่นกัน
“โฮก!”
พวกมันพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความเร็วที่ทัดเทียมกับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ เปลวไฟที่พวกมันพ่นออกมาร้อนแรงราวกับไอร้อนของภูเขาไฟและถ้ำโบราณทั้งหมดกำลังละลายอย่างรวดเร็ว
บูม!
เย่ฟ่านโบกมือหนึ่งครั้งเพื่อสั่งให้สายฟ้าฟาดไปข้างหน้า สายฟ้าที่ใหญ่โตราวกับเสาค้ำยันสวรรค์ทำลายอุโมงค์ใต้เหมืองให้แหลกสลายเป็นฝุ่นผง
ในสายตาของสิ่งมีชีวิตสีเงินนี้มีความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด พวกมันค่อยๆถอยหลังกลับไป ทัณฑ์สวรรค์คือศัตรูของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายอย่างพวกมันมาตั้งแต่ยุคโบราณ
“โฮก!…”
สิ่งมีชีวิตสีเงินอีกสองตัวตะโกนราวกับเสียงฟ้าร้อง โลกใต้ดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใครๆ ก็นึกภาพถึงความแข็งแกร่งของพวกมันได้
เย่ฟ่านหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เขากำลังแย่งอาหารจากปากเสือ อย่างไรก็ตามต่อให้เมียตายมากกว่านี้เขาก็ไม่คิดจะถอยหลังกลับ เพราะนั่นหมายถึงความเป็นและความตายในอนาคตของเขาเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีพลังและน่ากลัวจริงๆ หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้นไปเกรงว่าเขาคงยากที่จะเอาตัวรอดได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่ฟ่านก็พุ่งพยายามไปข้างหน้าโดยต้องการจะใช้สายฟ้าเหล่านี้แก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
“โฮก!…”
ในที่สุดอสูรโบราณสามตัวก็คำรามออกมาด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ภัยพิบัติที่กำลังมาถึงทำให้พวกมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยหลังกลับ
แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่พวกมันก็หวาดกลัวต่อสายฟ้ายิ่งกว่าสิ่งใด หากสายฟ้าเหล่านี้สัมผัสร่างกายของพวกมันแม้เพียงเล็กน้อยรับรองว่าเนื้อหนังของพวกมันจะต้องแหลกสลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน
โลกนี้มีกฎเกณฑ์ของมันเอง ในเมื่อเจ้าตายไปแล้วหากคิดจะคืนชีพกลับมาย่อมเป็นสิ่งที่ขัดกับกฎของสวรรค์ ดังนั้นการดำรงอยู่ของพวกมันจึงถือเป็นสิ่งที่สวรรค์เกลียดชังมากที่สุดในโลก
สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสามคำรามด้วยความโกรธแค้นอีกครั้งก่อนจะถอยห่างออกจากบ่อไขกระดูกอย่างจำใจ
“สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีลักษณะคล้ายอสูรโบราณ แต่พวกมันเชี่ยวชาญในการดูดกลืนพลังงานหยางของมนุษย์ ถ้ามันหนีไปเกรงว่าตัวข้าต่างหากที่จะเป็นคนพบเจอกับหายนะ”
เย่ฟ่านหยิบหม้อปราณปัฐพีต้นกำเนิด และนำไขกระดูกอันล้ำค่าจำนวนสามสิบหกหยดใส่ลงไป หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้มีค่ามากมายอย่างยิ่งสำหรับเขา
ไขกระดูกมังกรแต่ละหยดเปรียบเสมือนไข่มุกราตรีเล็กๆ ที่เบ่งบานด้วยความเปล่งประกายจากสวรรค์ แม้จะมองจากด้านนอกเขาก็ยังเห็นลวดลายเต๋าที่อยู่บนร่างกายของมังกรอย่างชัดเจน
“นี่เป็นจิตวิญญาณของมังกรที่แท้จริง หนึ่งหยดมีค่าเท่ากับต้นกำเนิดบริสุทธิ์หลายแสนจิน”
แน่นอนว่านี่เป็นการประเมินขั้นต่ำที่สุด หากนำออกไปประมูลจริงๆเกรงว่าราคาของมันคงไม่หยุดเพียงเท่านี้
ในบ่อไขกระดูก แสงและหมอกยังคงรวมกันอย่างหนาแน่น ปราณมังกรล้นออกมาตลอดเวลา นี่คือทางเข้าของรากบรรพบุรุษและไขกระดูกของมังกรจะปรากฏที่ทางเข้าในทุกๆครั้ง
“ไม่ มันไม่ง่ายเหมือนทางเข้าธรรมดา”
ไขกระดูกมังกรมีน้อยมากและเป็นของหายากในโลก สามารถพบได้แต่ครอบครองไม่ได้ แน่นอนว่าในโลกนี้ยังมีใครกระดูกที่ล้ำค่ากว่านี้มาก มันเป็นสิ่งที่เทียบได้กับยาเซียนซึ่งไม่ปรากฏขึ้นบนโลกหลายหมื่นปีแล้ว
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของไขกระดูกและยังต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการศึกษาพวกมันให้รู้แจ้ง
รากบรรพบุรุษที่อยู่ด้านหลังของไขมังกรเหล่านี้คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด พวกมันคือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง เพียงแต่อันตรายที่แฝงอยู่ด้วยนั้นแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้
“ในอดีตอันไกลโพ้น อาจมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดที่นี่…”
เย่ฟ่านเข้าใจทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีซากศพมนุษย์มากมายก่ายกองอยู่ที่ปากทางเข้า นั่นแสดงให้เห็นว่าเคยมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อแย่งชิงสมบัติที่ล้ำค่าบางอย่าง
คนที่ตายเหล่านั้นก็คือยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างต่ำ และไขกระดูกที่เขาพบเจอในตอนนี้คือสิ่งที่อสูรโบราณเหล่านั้นดึงออกมาจากร่างกายของพวกเขา
“เกรงว่าอสูรทั้งสามตนนี้อาจจะเป็นวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตอยู่ที่นี่เช่นกัน”
เย่ฟ่านถอนหายใจและออกจากโลกใต้ดิน ในอดีตต้องมีสงครามที่ทำให้โลกแตกสลาย ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ได้รับสมบัติอันล้ำค่าไป เหตุการณ์ผ่านมานานมากแล้วมันเป็นเรื่องยากที่เขาจะแกะรอยได้
ในเวลานี้สายฟ้าเริ่มอ่อนลง เย่ฟ่านไม่กล้าอยู่ที่นี่นานนักเขาเร่งเร้าพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพื่อหลบหนีออกจากเหมืองโบราณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ชั่วยามต่อมา ประตูมิติได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันเปิดออกอย่างเงียบๆและร่างที่ทรงพลังได้พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปทุกทิศทางพร้อมกับคำรามด้วยความโกรธว่า
“มันอยู่ที่นี่”
ยอดฝีมือของนิกายหยินหยางและสมาชิกตระกูลเซียวปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน พวกเขาทั้งสี่คนล้วนเป็นผู้สูงสุดที่แข็งแกร่ง
“คราวนี้อย่าปล่อยให้มันรอดไปได้”
ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนข่าวร้ายโจมตีพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เย่ฟ่านบุกทะลวงอีกครั้ง และตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาอยู่ในขอบเขตเดียวกันกับผู้สูงสุดแล้ว
“หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เพลงว่าภายในเวลาสามปีเขาคงจะเหยียบย่ำเข้าสู่ขอบเขตแรกของเซียนเทียมได้ เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่สำหรับพวกเรา…”
พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง หากพวกเขารู้ว่าเย่ฟ่านจะน่าสะพรึงกลัวถึงขนาดนี้ พวกเขาคงไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเด็กน้อยนี่ตั้งแต่แรก
“จักรพรรดิเถิงแห่งดินแดนเหนือ”
บนท้องฟ้าชายวัยสามสิบที่สวมชุดเกราะสีทองคนหนึ่งกำลังกวาดสายตามองทุกทิศทาง เขาคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งจากตระกูลจินนั่นเอง
“เด็กน้อยนั่นหนีไปแล้ว อาจารย์สั่งให้เรามาตัดศีรษะของเขา แต่ผ่านมาสามเดือนแล้วเรายังไม่สามารถจับเจ้าหนูนี้ได้”
ไม่นานหลังจากนั้น เย่ฟ่านก็กลับไปที่วัดเต๋าเล็กๆ บนเนินเขาหลังจากผ่านไปครึ่งเดือน อาณาจักรแปลงมังกรระดับสี่ของเขาก็มีเสถียรภาพอย่างสมบูรณ์
ในเวลาพลบค่ำภาพเหตุการณ์ในอดีตของนักพรตเฒ่ายังคงปรากฏขึ้นอีกครั้ง เย่ฟ่านไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก นักพรตชราผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่าเขาเกินไป ดังนั้นต่อให้เขาพยายามศึกษามากกว่านี้ก็ยากที่จะได้รับสิ่งที่มีประโยชน์
“นั่นคือ…”
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ใต้ต้นสนโบราณ เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนหลับตาเพื่อสัมผัสกับพลังของสวรรค์และพิภพ
จักรพรรดิน้อยผู้โหดเหี้ยม “ฮั่วอวิ๋นเฟย”
และสิ่งที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ตอนนี้แน่นอนว่ามันเป็นคัมภีร์อสูรกลืนสวรรค์นั่นเอง
ในอดีตฮั่วอวิ๋นเฟยถูกเย่ฟ่านเปิดโปงใบหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ผ่านมาสองปีที่แล้ว เขาหายตัวไปอย่างสมบูรณ์และไม่เคยมีใครพบหน้าเขาอีก
“เขามาที่จงโจวและปรากฏตัวที่นี่จริงๆ!”
เย่ฟ่านรู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก ในตอนแรกเขาคิดว่านักพรตชราไม่เหลืออะไรไว้เลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้มากที่ฮั่วอวิ๋นเฟยจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างไปก่อนเขา
“ตระกูลไช่อยู่ที่ไหน?” ฮัวอวิ๋นเฟยพูดกับตัวเองใต้ต้นไม้โบราณ พร้อมกับหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
เย่ฟ่านถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากได้ยินคำพูดนี้ อีกฝ่ายยังไม่ได้รับเก้าญาณวิเศษลึกลับ
แต่แล้วหัวใจของเขาก็ทรุดลงอีกครั้ง หากฮั่วอวิ๋นเฟยมาเร็วกว่าเขาถึงสองปี มันก็ยากที่จะบอกว่าตระกูลไช่จะถูกค้นพบแล้วหรือไม่
“เขามีเคล็ดวิชาอสูรกลืนสวรรค์ และตอนนี้เขาอาจได้รับเก้าญาณวิเศษลึกลับอีกด้วย”
เย่ฟ่านขมวดคิ้ว เกือบสามปีผ่านไปเขาไม่รู้ว่าศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวคนนี้จะเติบโตขึ้นแค่ไหนแล้ว
“ข้าจะต้องไปตามหาตระกูลไช่ ถ้าเขาไปถึงที่นั่นก่อนมันจะกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับฆ่าอย่างแน่นอน”