ตอนที่ 8 ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าข้า
[วันที่ 6 มีนาคม มีแดดออก]
[อารมณ์ของข้าเหมือนกับเสียงนกที่ร้องเพลงบนต้นไม้ ผ่อนคลายและมีความสุขมาก]
[วันนี้ข้าไม่ต้องเลียสุนัขโง่เสวี่ยเมิ่งหาน มันเยี่ยมมาก.]
[แต่เมื่อคืนนางทำให้บิดากลัวแทบตาย บุคลิกของสุนัขโง่คนนี้บิดเบี้ยงเล็กน้อย]
[เกือบทำให้แผนการถอนหมั้นต้องยกเลิก]
????
“สกุลเจียง เจ้ากำลังมองหาความตาย!”
“เจ้าเป็นสุนัขโง่ ทั้งตระกูลเจ้าเป็นสนัขโง่!”
เสวี่ยเมื่งหาน โกรธมาก นางเขวี้ยงเสื้อสีเขียวมรกตออกจากเตียง
นางเพิ่งตื่นและสวมเสื้อได้เพียงครึ่งเดียวและนางก็รู้สึกถึงบางอย่างขึ้นมา
หลังจากเรียกบันทึกประจำวัน สิ่งแรกที่นางเห็นคือเจียงมู่เรียกนางว่าสุนัขโง่
นั่นทำให้นางโกรธมาก
[แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่เป็นไรแล้ว แผนการถอนหมั้นเสร็จสมบูรณ์อย่างราบรื่นและกลับมาเป็นปกติ]
[ ตามเนื้อเรื่องดั้งเดิม วันนี้หลิงอ่าวเทียน จะสอบสวนเหตุการณ์การทำลายหมู่บ้านตระกูลหลิงเมื่อ 5 ปีที่แล้ว]
[ดังนั้น เสวี่ยเมื่งหาน จึงพาเขาไปที่ ตำหนักเดือนมืด เพราะ ตำหนักเดือนมืดเป็นหน่วยข่าวกรองที่ทรงพลังมาก]
“ผายลม!”
“เหล่าเหนียงจะไม่พาเขาไป!”
(เหล่าเหนียง แปลว่า หญิงชรา เป็นคำเรียกแทนตัวเองของผู้สูงอายุ เหมือนเหล่าจื๊อ)
เสวี่ยเมื่งหาน โกรธมากจนนางผลอยหลับทันที [ฮิๆ เมื่อพูดถึงตำหนักเดือนมืด เจ้าของๆมันคือแม่มดเฒ่า]
[แม้ว่านางจะอายุ 290 ปีแล้ว แต่รูปร่างและหน้าตาของนางยังคงงดงามราวกับน้ำลูกท้อลุก ที่ยังสามารถคั้นน้ำออกมาได้ โลกแฟนตาซีช่างมหัศจรรย์จริงๆ]
ตำหนักเดือนมืด
ภายในห้องชั้นเจ็ด
หญิงงามที่สวมกระโปรงสีฟ้ากำลังนอนอยู่ข้างนางบนเตียงอย่างเกียจคร้าน
สว่นโค้งเว้าที่สวยงามราวกับสามารถทุบเตียงได้
ในขณะนี้ มือหยกของนางกำลังโบกอยู่ในอากาศ
และนางก็พึมพำกับตัวเองว่า“ข้าเป็นน้องคนสุดท้อง...”
[หลังจากที่หลิงอ่าวเทียนได้เห็นหญิงแม่มดเฒ่านางนี้ เขาก็ตะลึงในความงดงามของนางและตกหลุมรักนางทันที มันเป็นรักแรบพบเหมือนกับเสวี่ยเมิ่งหาน]
[ใช่ รักแรกพบ บางทีนั่นอาจเป็นคุณลักษณะพิเศษของพระเอกก็ได้]
[ในเวลาต่อมา หญิงชราปีศาจเฒ่าก็ค่อยๆ ค้นพบข้อดีของหลิง โอเถียน และตกหลุมรักเขาด้วย]
[แต่แม่มดเฒ่านางนี้ก็โง่นัก นางคิดว่า หลิงอ่าวเทียน เก่งเกินไป นางจึงแนะนำ หลิงอ่าวเทียน ให้หลานสาวของนางรู้จัก และพยายามที่จะจับคู่พวกเขา]
[ในเวลาต่อมา นางพบว่าหลิงอ่าวเทียนหมกมุ่นอยู่กับตัวนาง ดังนั้นนางจึงจงใจหลีกเลี่ยงเขา และด้วยเหตุนี้ นางจึงถูกเผ่าอสูรสังหาร ช่างน่าเศร้าจริงๆ]
[หลานสาวของนางเศร้าโศกเพราะการตายของนางและถูกหลิงอ่าวเทียนฆ่าในที่สุด โศกนาฏกรรมที่โง่เขลา ]
[ให้ตายสิ ผู้เขียนเรื่องนี้มีน้ำมันหมูอยู่ในสมองรึเปล่า?]
[ป้าและหลานสาว นี่เป็นละครระดับเทพที่เราสามารถติดตามชมได้ ทำไมนายถึงเขียนให้ตาย ทำไมไม่ถือมันไว้ดีๆกันล่ะ]
[นายสมควรเดินบนถนนคนโสดแล้ว]
"จริงๆ …."
"ข้าควรทำอย่างไรดี …."
ใบหน้าของสาวงามกระโปรงสีฟ้าเป็นกังวล
ทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เจวียนเอ๋อกังวลมากเช่นกัน
"นายหญิง …."
เจวียนเอ๋อ อยากจะเปิดปากถาม
แต่เมื่อเห็นหญิงงามขมวดคิ้วอย่างเศร้าๆ และเหมือนนางกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
นางจึงไม่กล้าส่งเสียงมารบกวนนาง
[ไม่ ข้าเป็นตัวร้าย ทำไมข้าถึงสนใจต้องสนใจการตายของนางเอกด้วย]
[ต่อให้พวกนางไม่ตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า มันมีโอกาสที่พวกนางจะตกหลุมรักตัวร้ายเช่นข้าหรือ?]
[คือ วันนี้ข้าไม่อยู่ในโครงเรื่อง ไม่ต้องทำงาน ไปหาทำอะไรสนุกๆดีกว่า]
[ข้าควรไปที่ไหนดี?]
[ในฐานะประมุข ข้าควรตรวจสอบการฝึกของศิษย์หญิงในนิกายหรือควรไปที่ศาลา หลี่ฮวา เพื่อฟังเพลงและแสวงหาเต๋า?]
[ในฐานะแระมุขที่ดีแลซื้อตรง ข้าไม่ควรรังควานศิษย์หญิง ดังนั้นข้าควรไปที่ศาลา หลี่ฮวา ดีกว่า]
[นิกายมีศิษย์หนีออกไปทุกวัน ดังนั้นถ้าข้าทำอะไรไร้สาระกับสาวกหญิง นิกายอาจจะปิดตัวลง]
[อืม ตามโครงเรื่อง นิกายจะไม่ปิดตัวลง มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ]
[เพราะข้าจะมีภรรยาชื่อฮั่นอวี่ฉิ ลูกรักแห่งนิกายซวนหยาง]
[หลังจากที่นางแต่งงานกับข้าและกลายเป็นภรรยาของประมุข นางเข้าควบคุมทุกอย่างในนิกายหวู่โหยวและนิกายค่อยๆพัฒนาขึ้นในภายหลัง]
– ด้านหลังภูเขานิกาย ข้างหน้าผา
ติงหนานหรง นั่งเงียบ ๆ บนม้านั่งหิน ฟังเสียงนกร้องบนต้นไม้ข้างหลังนาง ดวงตาของนางมองดูพระอาทิตย์ขึ้น
ทันใดนั้น หัวใจของนางก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง และนางก็เรียกบันทึกประจำวันของนางออกมา
“นิกาย หวู่โหยว จะไม่ล่มสลาย…. มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ …..”
เมื่อนางเห็นเนื้อหา สายตาของนางก็ค่อยๆ เผยความเย็นชา
นางเต็มใจยอมเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของเจียงมู่เพื่อดูการล่มสลายของนิกายหวู่โหยวอย่างช้าๆด้วยตาของนางเองก่อนที่จะฆ่า เจียงมู่ ด้วยมือของนางเอง
แต่ตอนนี้บันทึกประจำวันบอกว่า นิกายหวู่โหยวจะพฒนาขึ้นในอนาคต?
สิ่งนี้ขัดกับความตั้งใจดั้งเดิมของนางอย่างสิ้นเชิง
“ฮั่นอวี่ฉิง….”
เมื่อมองดูชื่อนี้ หัวใจของ ติงหนานหรง ก็ถูกเติมเต็มด้วยเจตนาฆ่า และรัศมีปราณอันทรงพลังของนางก็กระจายออกมา ทำให้นกในต้นไม้ตกใจและบินหนีไป
[วันนี้ ฮั่นอวี่ฉิง จะออกจากนิกายซวนหยางและมุ่งหน้ามาที่นิกายหวู่โหยว]
[ให้ตายสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นโรคจิต มาโซคิสต์ แลมักทำร้ายตัวเองอยู่บ่อยๆ….]
[เอ่อ ลืมไปเถอะ อย่าพูดถึงนางเลย]
[วัยเด็กที่น่าสังเวช]
—นิกายซวนหยาง
หอพักศิษย์หญิง ภายในห้อง
ศิษย์หญิงที่แสนวดงามผู้ที่มีแผลเป็นผีเสื้อที่แก้มกำลังอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ
ในมือข้างหนึ่งนางถือบันทึกประจำวันส่วนตัวของ เจียงมู่ และอ่านด้วยความสนใจอย่างมาก
ส่วนอีกมือยังคงลูบร่างกายของนาง
ถ้าเจียงมู่อยู่ที่นี่ เขาจะห็นว่าหน้าท้อง เอว มือและขา และหลังที่นางสัมผัส ….. ล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นหนาทึบและน่าเกลียด!
รอยแผลเป็นที่หนาแน่นและน่าเกลียดเหล่านี้มีทั้งที่เป็นลักษณะเหมือนเล็บ มีด และรอยคล้ายหนาม ….
มันช่างแตกต่างอย่างมากกับใบหน้าที่สวยงามของนาง
มันเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องที่สวยงามที่มีร่างกายที่ถูกทำลาย
“สำนักหวู่โหย่ว…”
“เจียงมู่… สามี…”
" ฮิฮิ…"
นางพึมพำและทันใดนั้นก็หัวเราะแปลก ๆ
เมื่อนางเห็น 'วัยเด็กที่น่าสังเวช' อยู่ท้ายบันทึกประจำวัน
ใบหน้าของนางเจ็บปวดเล็กน้อย
ในสมองของนาง ฉากในวัยเด็กของนางค่อยๆ ปรากฏขึ้น และร่างกายของนางก็เริ่มสั่นสะท้าน
ยิ่งภาพในวัยเด็กของนางชัดเจนขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายของนางก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ และน้ำในอ่างอาบน้ำก็เริ่มปั่นป่วนด้วยการสั่นด้วย
นางหยิบมีดออกมาอย่างติดนิสัยแล้วกรีดแขนของนางอย่างชำนาญ
กรีดอย่างช้าๆ.
กรีดทีละรอย
กรีดจากตื้นไปลึก
กรีดไปมา
เลือดสีแดงสดไหลอาบแขน ในไม่ช้าทำให้น้ำในอ่างถูกย่อมด้วยสีแดง
แขนของนางเป็นรอยกรีดบาดลึกจนเห็นกระดูกข้างใน
ความเจ็บปวดที่แทงทะลุหัวใจทำให้ฟันของนางสั่น ดวงตาของนางปิดลงครึ่งหนึ่ง การหายใจของนางเร็วขึ้นและเร็วขึ้น และหน้าผากของนางมีเหงื่อไหล
“โฮ่ โฮ่ โฮ่” ดังออกมาจากปากสีชมพูเล็กๆ ของนาง
ดูเหมือนว่านางกำลังเจ็บปวดและความจริงก็คือคุณสามารถพบผู้คนมากมายที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากมาย
[ติ๊ง ยินดีกับโฮศต์ที่เขียนบันทึกประจำวันสำเร็จ]
[อารมณ์ +1]
[มูลค่ารูปลักษณ์ +1]
[รางวัล: 'กายาบุรุษเหล็ก']
[คำอธิบายของรางวัล: ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าโฮสต์ เมื่อถูกโจมตี สะท้อนความเสียหาย 100% ของการโจมตีให้ฝ่ายตรงข้าม]
หลังจากที่สิ้นเสียงระบบ
เจียงมู่ รู้สึกว่ามีพลังลึกลับกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
เขารู้สึกถึงร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
"ยอดเยี่ยม !"
“มันเป็นสกิลที่แข็งแกร่งมาก!”
เจียงมู่ต่อยร่างกายตัวเอง เขารู้สึกเหมือนต่อยโดนเหล็ก
“สมมติว่าข้าได้รับความเสียหาย 100 แต้มจากคู่ต่อสู้”
“ข้าจะสะท้อนความเสียหาย100 แต้มคืนให้กับคู่ต่อสู้”
“บวกกับรางวัลที่ได้รับก่อนหน้านี้ 'ร่างกายแสร้งทำเป็นโดนทุบตี' จะหักล้างความเสียหาย 50 แต้ม”
“การป้องกัน 50% + สะท้อนความเสียหาย 100%”
“มันเหมือนวัวเหยีบลวด กระทิงมีสายฟ้า!” (หมายถึง แข็งแกร่งหรือมีอำนาจ ถ้าภาษไทยคือเสือติดปีก)
“ข้าจะหิ้วทองคำที่ฉลาดเช่นนี้ได้จากไหนอีก”
“เจ้าระบบทรราชจงเจริญ!”
เจียงมู่ พอใจมากกับรางวัลนี้
ในฐานะตัวร้าย เขามักจะถูกรังแกและถูกทุบตี
แม้แต่ติงหนานหรงก็ถูกทุบตีเขาจนร้องไห้
แต่ตอนนี้เขามี'กายาบุรุษเหล็ก'
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปสู้กับติงหนานหรงแบบตัวต่อตัว ให้นางได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของท่านประมุข แต่เขาก็ละทิ้งความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว
เพราะถ้าเขาทำให้นางขุ่นเคือง เขาอาจจะถูกฆ่าในทันที
“ไปที่ศาลาหลี่เพื่อฟังเพลงและแสวงหาเต๋าดีกว่า!”