ตอนที่ 3 ถอนหมั้น?
[อนิจจา เรื่องราวของติงหนานหรงอนาถกว่าข้าเสียอีก]
[ตอนที่นางยังเด็ก นางปลุก 'ร่างหยวนโดยกำเนิด' ซึ่งเป็นร่างฝึกตนที่หายากมาก และต่อมาถูกค้นพบโดยประมุขของนิกายเล็ก ๆ ]
[ประมุขนิกายคนนั้นมีความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของนางและต้องการใช้นางเป็นเตาหลอม ดังนั้นเขาจึงแอบฆ่าครอบครัวของนางทั้งหมดและจับนางไป]
ติงหนานหรง: “!!!”
[เมื่อนางอายุได้ 12 ขวบและโตเต็มที่ ประทุขนิกายก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวนาง แต่นางหนีไปได้ และต่อมานางก็กลับไปทำลายนิกายเล็กๆนั้น ด้วยตัวนางเอง]
[หลังจากการแก้แค้น นางพยายามฆ่าตัวตายเพราะนางสูญเสียครอบครัวและนางไม่สามารถหาความหมายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้]
[เหตุผลเดียวที่ทำให้นางมีชีวิตอยู่เคียงข้างข้าคือการเฝ้าดูความเสื่อมโทรมและการล่มสลายของนิกายหวู่โหย่วของข้า และสุดท้ายก็ฆ่าข้าด้วยมือของนางเอง]
ติงหนานหรง: “!”
[เหตุผลของนางก็ยังไร้สาระอยู่ดี เพียงเพราะว่าประมุขของนิกายเล็กๆ นั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของข้า ดังนั้นนางจึงตัดสินใจว่านิกายหวู่โหย่วของข้าก็เป็นผู้ที่มีความผิดเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่นางเต็มใจที่จะเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้า ปกป้องขยะเช่นข้าในขณะที่เฝ้าดูว่าข้าจะทำลายนิกายหวู่โหยวลงด้วยตัวเองอย่างไร]
เขารู้ได้ยังไง!!!
ไม่เคย... นางไม่เคยบอกใครเรื่องนี้!!!
มุมมองทั้งสามของติงหนานหรงถูกทำลายแตกเป็นเสี่ยงๆ
(มุมมองทั้งสาม คือ ทัศนะต่อโลก ทัศนะเกี่ยวกับชีวิต และค่านิยม)
การล่มสลายของนิกายเล็ก ๆ นั้นไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของนาง
และนางก็คยคิดที่จะฆ่าตัวตายจริงๆ
ตอนนี้การอยู่เคียงข้าง เจียงมู่และเฝ้าดูการล่มสลายของนิกายหวู่โหยวอย่างช้าๆ เป็นความหมายเดียวในชีวิตของนาง
ความลับทั้งหมดนี้เจียงมู่รู้ทุกอย่าง!
เป็นไปได้ไหมว่า…. มันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ นี่มันก็แค่…. โลกนิยาย?
โชคชะตาของข้า …. ถูกกำหนดไว้แล้ว?
ติงหนานหรงตกใจมากจนไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
จากนั้นนางก็ค่อยๆปรับตัว
นางวางบันทึกประจำวันลงและเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปที่เมฆสีขาวของนกกระเรียนที่โบยบินใต้หน้าผา เสียงร้องเพลงของพวกมันชัดเจนและดังกังวาน
ลมจากหน้าผาพัดสัมผัสใบหน้าที่สวยงามของนาง ขนกระโปรงหลวมของนางปลิวไสวตามสายลม และผิวของนางยังคงรู้สึกเย็นเยียบเล็กน้อย
ความเป็นจริงของความรู้สึกเหล่านี้ทำให้นางรู้
ในโลกนี้ นางติงหนานหรงมีจริง
ไม่ว่าอะไรจะเป็นอย่างไร
จุดประสงค์ของนางจะไม่เปลี่ยนแปลงเพียงเพราะเจียงมู่รู้เรื่องนี้
นอกจากนี้ เจียงมู่ไม่รู้ว่าบันทึกประจำวันของเขาถูกแอบดู
นี่ดูเหมือนค่อนข้าง…. น่าสนใจ?
เกี่ยวกับบันทึกประจำวันของเจียงมู่ ติงหนานหรงเริ่มให้ความสนใจอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเริ่มสนใจสิ่งต่างๆ หลังจากการแก้แค้นของนาง
มันคือมีความสุขที่ได้แอบดูความลับของคนอื่น
ยิ่งนางคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น
“แม่บ้านชราเหรอ” (หมายถึงหญิงสูงอายุที่ไม่เคยมีเซ็กส์ เลยถูกตราหน้าว่าเป็น " แม่บ้านชรา")
“ติดสัดเหรอ!”
นางมองลงไปที่ชุดสีม่วงที่ห้อยลง
แล้วก็ฉีกมันออก
***
ตอนกลางคืน
ในโรงอาบน้ำ.
มันเป็นวันที่เขาอายน้ำยาสมุนไพร แต่เจียงมู่ก็รู้สึกได้ถึงผลเพียงเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะยานั้นไม่ดี ตรงกันข้าม พวกมันทั้งหมดเป็นสมุนไพรระดับสูงสุดในนิกายหวู่โหย่ว
สาเหตุที่แท้จริงก็คือ ร่างของเขา.
มันได้รับการเสริมกำลังด้วย ': ร่างกายที่แกล้งทำเป็นโดนทุบตี'
“ข้ารู้สึกเหมือนตอนนี้ข้าสามารถทนมือทนเท้าได้เยอะมากขึ้น”
“แม้ว่าข้าจะแข็งแกร่งเหมือนติงหนานหรง ข้าก็ยังเป็นศพภายใต้การโจมตีอย่างเต็มกำลังของนาง”
เจียงมู่สวมชุดคลุมประมุขสีขาวหยกก่อรเปิดบันทึกประจำวันของเขา
และเริ่มลงมือเขียน.
[หลังจากนี้ข้าจะต้องแสดงฝีมือการถูกปฏิเสธ ข้าเก่งมากนะ]
[คราวนี้ ข้าควรพูดแบบไหนดี? และควรแสดงสีหน้ายังไง?
อืม ข้าไม่รู้ว่าข้าจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีเจ้า]
[หรือข้าควรจะพูดอย่างขมขื่น: “ระยะทางที่ไกลที่สุดในชีวิตไม่ใช่ชีวิตและความตาย แต่เป็นความจริงที่ว่าข้ายืนอยู่ต่อหน้าเจ้าแต่เจ้าไม่รู้ว่าข้ารักเจ้า”]
[หรือไม่พอใจ: “สามสิบปีในตะวันออก, สามสิบปีในตะวันตก, อย่ารังแกเด็กยากจน”]
[ว้า ฮ่าๆ]
หลังจากเขียน.
เสียงของระบบดังขึ้น
[ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ที่เขียนบันทึกประจำสำเร็จ]
[อารมณ์ +1]
[มูลค่ารูปลักษณ์ +1]
ครั้งนี้ไม่มีรางวัลอื่น เพิ่มอารมณ์และมูลค่ารูปลักษณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“วันนั้นควรจะเป็นครั้งแรกที่เขียนบันทึก ดังนั้นจึงได้รางวัลดีๆ ใช่ไหม?”
เจียงมู่ไม่ค่อยเข้าใจรูปแบบการให้รางวัลนี้มากนัก
แต่มันก็ไม่สำคัญ บันทึกประจำวัน แค่เขียนมัน ของรางวัลที่ควรมีจะไม่หนีไปไหน
– เมืองเสวี่ย
คฤหาสถ์เจ้าเมือง ลานสวนดอกไม้ด้านหลัง
“คุณหญิง ทาสมองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ”
“ลืมไปเถอะ ออกไปได้แล้ว”
เสวี่ยเมิ่งหานบอกสาวใช้ให้ออกไป
เมื่อมองไปที่บันทึกประจำวันส่วนตัวของเจียงมู่ในมือของนาง นางรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ความจริง
บันทึกประจำวันเล่มนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่มองเห็นและสัมผัสได้!
และเมื่อนางต้องการบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากบันทึกประจำวันให้สาวใช้
นางพบว่านางไม่สามารถเปิดปากได้เลย!
แม้ว่านางจะเขียนด้วยพู่กัน นางก็ไม่สามารถเขียนเลย!
ราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นกำลังปิดกั้นข้อมูลทั้งหมดในบันทึกประจำวัน!
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางก็นึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
ในท้ายที่สุด นางทำได้เพียงคิดอย่างถี่ถ้วนว่านั่นคือพลังจากสวรรค์
และหลังจากที่ได้เห็นเนื้อหาเกี่ยวกับตัวนางเองแล้ว นางก็ตกตะลึง
“ข้าเพิ่งตัดสินใจยกเลิกงานหมั้นวันนี้ ข้าไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงมู่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง!”
“เป็นไปได้ไหม นี่คือโลกนิยายจริงๆ เหรอ?”
“ระยะทางที่ไกลที่สุดในชีวิต….”
“อย่ารังแกเด็กยากจน….”
เมื่อนางเห็นคำเหล่านี้ หัวใจของเสวี่ยเมิ่งหานรู้สึกเหมือนจะประทับใจกับบางสิ่ง
นางไม่เคยนึกเลยว่าผู้ชายที่หมั้นหมายกับนาง จะเขียนปรัชญาเช่นนี้ได้
เป็นนางที่มองผิดไป
ขณะนี้บันทึกประจำวันได้รับการอัปเดตอีกครั้ง
[ พระเอก หลิงอ่าวเทียน น่าจะอยู่ในบ้านของเจ้าเมืองแล้ว]
[ฟะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าจำได้]
[เสวี่ยเมิ่งหานงอนเพราะนางไม่พอใจกับการหมั้นหมายของนางกับข้า และ หลิงอ่าวเทียนก็บังเอิญเดินผ่านลานบ้าน ดังนั้นเขาจึงขึ้นไปปลอบนางและพูดว่า “เมิ่งหาน แม้ว่าเจ้าจะน่ารักเวลาโกรธก็ตาม แต่เจ้าจะสวยที่สุดเวลาเจ้ายิ้ม”]
[จากนั้น เสวี่ยเมิ่งหานสุนัขโง่ตัวนี้ รู้สึกว่า หลิงอ่าวเทียนหล่อเหลาและอ่อนโยน และนางก็หน้าแดงทันที]
[ก่อนที่ หลิงอ่าวเทียนจะจากไป เขายังยิ้มอย่างชั่วร้าย: “รอยยิ้มของเจ้า ข้าจะปกป้องมันเอง” ผลที่ได้คือ เสวี่ยเมิ่งหานสุนัขโง่ตัวนี้หมกมุ่นอยู่กับมันและตกหลุมรักเขาทันที]
[ขาก ถุย! เลอะเทอะ ไร้สาระ บางทีนี่อาจเป็นความรัก]
???
แกนั้นเหละสุนัขโง่ แกนั้นแหละไอ้เด็กเหลือขอ!
เสวี่ยเมิ่งหานโกรธจัด
เรียกนางว่าเด็กเหลือขอยังไม่พอ แต่ตอนนี้นางถูกเรียกว่าหมาโง่และโดนด่าว่าเลอะเทอะไร้สาระ?
ในฐานะที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเสวี่ย ข้าจะตกหลุมรักเพียงแค่คำพูด1-2ประโยตได้อย่างไร?
เจ้ากำลังดูถูกใคร?
นางเตะบันทึกประจำวันออกไปด้วยความเกลียดชัง
ด้วยวิถีโค้งที่สวยงาม บันทึกประจำวันลอยไปถึงชายหนุ่มในชุดดำที่เดินผ่านมาและหายไปหลังจากผ่านเขาไป เด็กหนุ่มชุดดำมองไม่เห็นบันทึกประจำวันอย่างสมบูรณ์และกำลังเดินไปหาเสวี่ยเมิงหาน
เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ร่างสูง เดินอย่างมั่นคง และบรรยากาศที่กล้าหาญ
สิ่งที่น่าดึงดูดมากที่สุดคือดวงตาที่ลึกของเขาซึ่งดูเหมือนจะแสงแห่งความชั่วร้ายและเสน่ห์
หลิงอ่าวเทียน!
พระเอกของฮาเร็มของเทพการต่อสู้กับโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา โอกาสที่ไม่รู้จบ และฮาเร็มนับไม่ถ้วน!
“นายน้อยหลิง? มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
เสวี่ยเมิ่งหานเงยหน้าขึ้นและพยายามลดความโกรธของนางลง
พูดตามตรงสำหรับ หลิงอ่าวเทียนที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความมั่นใจ และแข็งแกร่ง เสวี่ยเมิ่งหานไม่ได้เกลียดเขา นอกจากนี้ เมื่อนางเจอปัญหาในเทือกเขาสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ ก็เป็นหลิงอ่าวเทียนที่ช่วยนาง และนางก็ได้พัฒนาความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาจากเหตุการณ์นั้น
หลิงอ่าวเทียนมาที่เสวี่ยเมิ่งหาน เขามองดูใบหน้าที่บวมของเสวี่ยเมิ่งหาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“เมิ่งหาน แม้ว่าเจ้าจะน่ารักเวลาโกรธก็ตาม แต่เจ้าจะสวยที่สุดเวลาเจ้ายิ้ม”
เสวี่ยเหมิงหาน: “!!!”