ตอนที่ 2 ติงหนานหรงที่บิดเบี้ยว
[อันที่จริง ติง หนานหรง นั้นงดงามมาก]
[ถ้านางแต่งตัวเล็กน้อยและสวมชุดสั้น ๆ นางจะเซ็กซี่มากจนเสวี่ยเมิ่งหานที่เป็นหญิงงามอันดับ1แห่งเมืองเสวี่ยจะเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อยๆ ต่อหน้านาง]
ติงหนานหรงใจเย็น
หลังจากที่รอมานานและไม่เห็นการตัวอักษรปรากฏขึ้นอีก นางจึงเริ่มวิเคราะห์
“การปรากฏตัวของบันทึกนี้ดูเหมือนวิชาที่เกี่ยวข้องกับมิติ”
“แต่ประมุขเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมวิญญาณ เขาไม่รู้วิชามิติ”
“แล้วบันทึกนี้มันส่งมาหาข้าได้ยังไง”
ติงหนานหรง งง
นางพยายามทำสั่งการด้วยความคิด และบันทึกประจำวันก็หายไปอย่างน่าประหลาดใจ
เมื่อนางคิดอีกครั้ง บันทึกประจำวันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แปลกจริงๆ!
นางไม่เข้าใจที่มาของมันจริงๆ นางจึงตัดสินใจจะถามตรงๆ
เมื่อนางเตรียมเรียกหา เจียงมู่ นางมองเสื้อคลุมและชุดสีม่วงของนางโดยไม่รู้ตัว
ภายใต้กระโปรงเสื้อคลุมสีม่วงที่ฟูฟ่องของนางนั้นนุ่มฟูมาก มันน่าเกลียดจริงๆเหรอ?
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งนางก็ค่อย ๆ ถอดมันออก….
[อารมณ์ +1]
[รูปลักษณ์ +1]
[รางวัล: ร่างกายที่แกล้งทำเป็นโดนทุบตี]
[คำอธิบายของรางวัล: ท่านจะแกล้งทำเป็นถูกทุบตี เมื่อถูกโจมตี ยกเลิก 50% ของความเสียหาย]
หลังจากสิ้นเสียงระบบ
เจียงมู่ รู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังลึกลับ
เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น
“ยกเลิกความเสียหาย 50%?”
“สุดยอด!”
เจียงมู่ มีความสุขมากจนเกือบจะกระโดดขึ้น
ในโลกแฟนตาซีนี้ เขามีชีวิตอยู่จนถึงที่สุดก่อนสิ้นใจตาย ในฐานะตัวร้าย เขาต้องแสร้งว่าถูกทุบตีหรือถูกเฆี่ยนตี และตอนนี้ ด้วยร่างกายที่สามารถหักล้างความเสียหายได้ 50% เขาไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทุบตีหรือร้องไห้
และในอนาคตเขาไม่จำเป็นต้องอาบยาแล้ว
ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาส่วนตัวได้มากเท่านั้น
นอกจากนี้ยังช่วยนิกายหวู่โหยวให้ได้รับโอสถวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น
ตัวตนของ เจียงมู่ คือประมุขของ นิกายหวู่โหยว
เมื่อสามปีที่แล้ว พ่อและแม่ของเขาได้นำศิษย์ 90% ของนิกายหวู่โหยวไปยังเทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อหยุดการบุกรุกของสัตว์อสูร
เป็นผลให้มีเพียงพ่อและแม่ของเขาเท่านั้นที่รอดชีวิตในขณะที่ผู้เข้าร่วมที่เหลือถูกกำจัดออกไปทั้งหมด
แต่หนึ่งปีที่ผ่านไป พ่อแม่ทั้งสองเสียชีวิตเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับ
แน่นอนว่า เจียงมู่ สืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดาของเขาในฐานะประมุขของ นิกายหวู่โหยว
อย่างไรก็ตาม เขาเคยชินกับความเกียจคร้านและหยิ่งผยอง และไม่รู้ว่าจะพัฒนานิกายอย่างไร ด้วยเหตุนี้ เหล่าศิษย์จึงหนีไปทุกวัน และนิกายก็ทุดโทรมมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ต้องขอบคุณการคุ้มกันของผู้ดูแลส่วนตัวที่ทรงพลัง ติงหนานหรง ที่อยู่เคียงข้างเขา
ไม่เช่นนั้น เขาผู้หล่อแต่ไร้ประโยชน์คงถูกคนวางอุบายฆ่าตายไปนานแล้ว
ในขณะที่ เจียงมู่ กำลังคร่ำครวญเกี่ยวกับชีวิตของเขา
ประตูห้องถูกเปิดออก
“ท่านประมุข อ่างยาพร้อมแล้ว โปรดไปที่ห้องอาบน้ำ”
ที่ประตู ติงหนานหรง ยืนเงียบ
นางแต่งตัวในรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
นางมีทรงผมแมงกะพรุนที่มีเปียสองเส้น สวมชุดกระโปรงสายเดี่ยวสีม่วงและรองเท้าปักลายแบบเก่าของนางถูกแทนที่ด้วยรองเท้าแตะสีม่วง
ผิวขาวครีม เส้นโค้งมนของร่างกาย และขายาวเซ็กซี่ล้วนแสดงออกมาและเย้ายวนจนสุดขีด
"อึก!"
ดวงตาของ เจียงมู่ เบิกกว้างในขณะที่เขามองดูและเกือบมีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก
แต่ยิ่งไปกว่านั้น หนังศีรษะของเขารู้สึกตื่นตระหนก
หลังจากที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เจ็ดสิบครั้ง เขาก็รู้บุคลิกของติงหนานหรอย่างชัดเจมาก
แม้แต่จำนวนเส้นขนบนร่างกายของนางก็นับได้
ตามบุคลิกขอ ติงหนานหรง แม้ว่านางจะถูกฆ่า แต่นางก็ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้!
อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้
ตัวตนของติง หนานรอง …. บิดเบี้ยว?
อย่า!
ถ้าบุคลิกบิดเบี้ยว เนื้อเรื่องก็จะเพี้ยนไปด้วย! นี่เป็นรอบสุดท้ายแล้ว!
“หรงเอ๋อ เจ้าไม่ได้ป่วยใช่ไหม? ไม่ เจ้าสบายดีไหม”
“ไม่ป่วย ท่านประมุข ข้าดูดีไหม”
ติงหนานหรง เดินไปทาง เจียงมู่, รองเท้าของนางขยับ, กระโปรงของนางกระพือ, ความมั่นใจของนางพลุ่งพล่านเบา ๆ
" ดูดี …. ดูดีตูดข้าสิ! มันน่าเกลียด กลับไปเปลี่ยนชุด เร็วเข้า!”
ตอนนี้ การแสดงออกของเจียงมู่บิดเบี้ยวราวกับมีอาการท้องผูกหลายสิบวัน
เขารู้ว่า ติงหนานหรง ผู้โดดเดี่ยวไร้ความปรานีและไม่ค่อยพูดมาก ไม่เคยให้ความสนใจกับสิ่งภายนอกมากนักและไม่เคยคิดที่จะถามว่านางดูดีหรือไม่
เพราะเขากลับชาติมาเกิดหลายครั้งเกินไปเลยส่งผลต่อบุคลิกของนางหรือเปล่า?
มันเป็นไปไม่ได้!
ติงหนานหรง ไม่ฟังคำพูดของ เจียงมู่
นางขยับไปข้างหลังเจียงมู่อย่างความเร็ว
เจียงมู่สัมผัสได้เพียงลมโชยที่พัดเข้าจมูกของเขา ร่างกายของเขาเบา นางอุ้มเขาบินออกจากห้องและมาถึงโรงอาบน้ำในสองสามก้าว
“ท่านประมุข วันนี้ ……”
ติงหนานหรง อยากจะเปิดปากถามตรงๆ
เขาส่งบันทึกประจำวันมาให้นางดูอย่างไร? ทำไมเจ้าถึงพูดว่าร้ายข้า? เจ้าอยากตายเหรอ?
แต่ผลก็คือนางไม่สามารถอ้าปากได้!
ราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นกำลังปิดปากของนาง!
นางพยายามอีกหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม!
นางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงคาดเดา
นี่คือพลังแห่งสวรรค์!
ดังคำกล่าวที่ว่า อำนาจสวรรค์ต้องไม่เปิดเผย
ดังนั้นนางจึงไม่กล้าสอบสวนเพิ่มเติม
“ท่านประมุข จะกลับมาตอนเย็นและพาท่านไปงานเลี้ยงวันเกิดของท่านเสวี่ยเมิ่งหาน”
หลังจากพูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไป ทิ้งให้เจียงมู่มองตามแผ่นหลังที่เซ็กซี่และเย้ายวน
"ได้"
เจียงมู่ รู้สึกสับสนเล็กน้อย
แม้ว่าติงหนานหรงจะดูไม่ถูกต้อง แต่อย่างน้อยตอนนี้โครงเรื่องก็ไม่บิดเบี้ยว
ตัวเขากำลังดำเนินตามแผนเดิม อาบยาเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง รอการถอนหมั้นในตอนเย็นและโดนต่อยที่หน้า
เจียงมู่ ถอดเสื้อผ้าและกระโดดลงไปในอ่างยา
เมื่อเรียกบันทึกประจำวันของเขา เขาเขียนอะไรบางอย่างแบบสุ่มๆ
[ให้ตายสิ นางทำให้บิดาผู้นี้กลัวแทบแย่]
[ ติงหนานหรง แม่บ้านชราคนนี้ นางอยู่ในช่วงติดสัดเหรอ]
(หมายถึงหญิงสูงอายุที่ไม่เคยมีเซ็กส์ เลยถูกตราหน้าว่าเป็น " แม่บ้านชรา")
[จู่ๆ ก็แต่งตัวเซ็กซี่ นางกำลังพยายามยั่วยวนข้าเหรอ? ไม่ นี่เป็นโลนิยายที่พังทลาย นี่เป็นการกลับชาติมาเกิดใหม่ครั้งสุดท้ายแล้ว ข้าต้องไม่ทำให้โครงเรื่องพัง!]
[ขอบคุณล่วงหน้า.]
– ในห้องนอนของ ติง หนานรอง
นางเปลี่ยนกลับเป็นเสื้อคลุมและชุดสีม่วงหลวม ๆเหมือนเดิม เพราะนางไม่คุ้นเคยกับการโชว์ไหล่และขา
จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงบางอย่างในใจ
ดังนั้นนางจึงเรียกบันทึกประจำวันออกมา
เมื่อนางเห็นเนื้อหาที่อัปเดต ร่างกายของนางก็ราวกับถูกฟ้าผ่า
กลับชาติมาเกิด?
นี่คือโลกนิยาย?
เป็นไปได้ยังไง!
ติงหนานหรงคิดว่าเจียงมู่เป็นบ้าไปแล้ว เขาคงไม่สามารถยอมรับการตายของพ่อแม่ของเขาและความเสื่อมถอยของนิกายได้
และเนื้อหาของบันทึกประจำวันที่ตามมา
มันทำลายโลกทัศน์ทั้งสามของนางอย่างสิ้นเชิง!