ตอนที่ 16 - บทบรรเลงที่สมบูรณ์แบบ
3/3
ตอนที่ 16 - บทบรรเลงที่สมบูรณ์แบบ
มองไปตามเสียง ปรากฏว่าเป็นชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆหยินเฉียนหยุน คนๆนี้ใส่เสื้อยืดราคาถูก แต่สีหน้าท่าทีกลับดูกำเริบเสิบสาน
และรอยยิ้มบนใบหน้าเขา เมื่อเข้าตาคนอื่น มันให้ความรู้สึกถึงการประชดประชัน น่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้เต่านี่มาจากไหน? กล้าดียังไงมาประเมินฝีมือเปียโนของคนอื่น?”
“น่าสนใจดีนี่ ฉันรู้ว่าพวกเต่าไม่มีความเข้าใจในเสียงเปียโน แต่ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะเป็นข้อยกเว้น”
“ไม่มีความรู้ก็คือไม่มีความรู้ เขาโพล่งออกมาแบบไม่ยั้งคิด ช่างไร้สาระสิ้นดี”
“ไอ้ลูกเต่าไสหัวออกไปจากที่นี่ อย่ามาทำให้สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อน!”
สาวๆเริ่มพากันขับไล่เขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง มองเจียงฮ่าวด้วยความรังเกียจ ร่วมกันโห่ประณามเขา
“เธอเป็นใครกัน? ห้องนี้ไม่ใช่ที่ๆใครๆก็เข้ามาตามใจชอบได้!” อาจารย์หลางก้มหัวลง พอเห็นรองเท้าแตะที่เจียงฮ่าวสวม ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความโกรธ “ถ้าแต่งตัวไม่ดีก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่ เปียโนคือศิลปะที่หรูหรา ไม่ใช่อะไรที่ขอทานฟังแล้วจะเข้าใจ ออกไปซะ!”
เจิ้งเหว่ยก็โกรธมากเช่นกัน ไอ้เปรตที่ไหนกล้าดูถูกตัวเขา?
แต่พอเห็นหน้าเจียงฮ่าว หัวใจเขากระตุกวูบ!
เป็นเจ้าหมอนี่!
ทักษะปืนและการขับรถอันยอดเยี่ยมของเจียงฮ่าวสะท้อนเข้ามาในหัวเขา เมื่อคืนเจิ้งเหว่ยแทบไม่ได้นอน ในหัวเอาแต่คิดวิธีนับร้อยนับพันในการฆ่าเจียงฮ่าว
แต่พอเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากเขา
บุคลิกของเจ้าหมอนี่ดูดุร้ายและหยาบคาย แล้วเขาจะรู้เรื่องเปียโนได้อย่างไร?
‘ที่เขาเข้ามาพร้อมกับหยินเฉียนหยุนอาจเป็นเพราะมีความสัมพันธ์กับตู้หยูเฟย? งั้นก็ดี จะได้เปิดเกมแก้แค้นเรื่องเมื่อวานอีกรอบ!’
ใบหน้าเขินอายของหยินเฉียนหยุนก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน หันไปมองเจียงฮ่าวแล้วพูดว่า “นายไม่ซาบซึ้งไปกับมันก็ไม่เป็นไร แต่เราไม่ควรดูหมิ่นความสามารถของคนอื่น พรสวรรค์ของประธานน่าทึ่งจริงๆ”
เจียงฮ่าวส่ายหัวพลางยิ้มเยาะ กล่าวว่า “พรสวรรค์แบบนี้น่ะหรอน่าทึ่ง? ฉันเล่นได้ดีกว่าเขาเยอะ!”
“วาจาใหญ่โต!”
“พูดได้หน้าไม่อาย ดูจากมือที่เหมือนกับขนอิฐแบกปูนทุกวันของนาย กล้าพูดว่าเล่นเปียโนเก่ง? ช่างไม่รู้จักละอาย”
“ก็ไม่ได้อยากดูถูกหรอกนะ แต่จากชุดที่นายใส่ ต่อให้ขายบ้านก็ไม่มีปัญญาซื้อเปียโนได้”
คนที่เรียนเปียโนได้ โดยปกติแล้วฐานะทางการเงินของครอบครัวต้องอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เวลานี้ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเจียงฮ่าว แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเหยียบย่ำเขาให้จมใต้ฝ่าเท้า
“นาย ...”หยินเฉียนหยุนพูดไม่ออก สุดท้ายถอนหายใจแล้วส่ายหัว
ความประทับใจดีๆที่มีต่อเจียงฮ่าวก่อนหน้านี้ตกต่ำลงมากในคราเดียว ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายขี้อวดคุยโว โดยเฉพาะคนที่ทำเหมือนวัวไม่รู้จักประมาณตน มันยิ่งน่ารังเกียจ
อย่างไรก็ตาม ถึงยังไงหยินเฉียนหยุนเป็นคนจิตใจดี ดังนั้นไม่รังเกียจเจียงฮ่าวเพียงเพราะเขาทำแบบนี้ เธอรีบขอโทษเจิ้งเหว่ยและทุกคนแทน “เพื่อนร่วมชั้นของฉันเพิ่งเข้าเรียนวันนี้วันแรก บางทีเขาอาจยังไม่รู้กฏ หวังว่าทุกคนจะยกโทษให้เขา ฉันจะพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้ ขอโทษจริงๆ”
ว่าจบ เธอก็เอื้อมมือไปคว้าเจียงฮ่าวและลากตัวเขาออกไป “นายมากับฉันเร็ว ถ้ายังคุยกับพวกเขามากกว่านี้ ไม่ใช่แค่นายเสียหน้า แต่ฉันยังจะพลอยเสียหน้าไปด้วย”
“ดูถูก ประธานเจิ้งแล้วคิดจะออกไปดื้อๆ? มองโลกในแง่ดีไปหน่อยแล้ว!”
ทันใดนั้นนักเรียนหญิงคนหนึ่งวิ่งออกไปล็อคประตู ชี้หน้าเจียงฮ่าว “นายบอกว่าเล่นเปียโนได้ไม่ใช่หรอ? งั้นตอนนี้ก็เล่นให้พวกเราดูซะ พวกเราถึงจะยอมปล่อยนายออกไป!”
“นั่นสิ นายไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งหรอกหรอ? คงไม่หนีไปง่ายๆหรอกนะ” อาจารย์หลางส่งเสียงฮึในลำคอ ก่อนเบนสายตามองหยินเฉียนหยุนแล้วส่ายหัวด้วยความผิดหวัง ทอดถอนหายใจ “หยินเฉียนหยุนถึงเธอจะยอมลดค่าตัวเอง แต่ก็ไม่ควรไปปะปนกับคนแบบนี้ มันมีแต่จะบ่อนทำลายตัวเอง”
“อาจารย์หลาง ...” สีหน้าของหยินเฉียนหยุนซีดลงเล็กน้อย อดกระทืบเท้าตัวเองไม่ได้ พูดอย่างเสียใจว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะนาย คุยโวโอ้อวดทำไม แล้วแบบนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
เจิ้งเหว่ยแสยะยิ้ม มองเจียงฮ่าวแล้วเอ่ยว่า “ทำเป็นพูดจาใหญ่โต ตอนนี้กลับหลบหลังผู้หญิง?”
“ฮ่า ฮ่า” เจียงฮ่าวหัวเราะ ค่อยๆผลักหยินเฉียนหยุนออกไปข้างๆ และก้าวมาข้างหน้า
“ก็แค่เปียโนไม่ใช่หรอ? คิดว่าฉันเล่นมันไม่ได้รึไง?”
“ว่าไงนะ?”
ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นพวกเขาก็ส่ายหัวและเยาะเย้ย “ฉันเดาว่านี่เป็นครั้งแรกที่นายได้เห็นเปียโน แล้วยังต้องการจะเล่นมันอีก ซื่อบื้อแท้ๆ!”
“ลูกผู้ชายกล้าพูดก็ต้องกล้าทำ” อาจารย์หลางกล่าว
“นายรีบถอนคำพูดเร็ว ไม่งั้นมีแต่จะต้องอับอายมากขึ้น!” ใบหน้าน้อยๆของหยินเฉียนหยุน กลายเป็นสีแดง ก้าวไปข้างหน้าและเกลี้ยกล่อมเจียงฮ่าว
“วางใจเถอะ เชื่อมือฉัน” เจียงฮ่าวยิ้ม ตบมือเล็กๆของเธอ ส่งสายตาที่เปี่ยมความมั่นใจ
ไม่รู้ทำไม แต่พอเห็นหน้าตาแบบนั้น หยินเฉียนหยุนกลับรู้สึกวางใจโดยไม่รู้ตัว ยืนโง่งมอยู่ในสถานที่เดิม
ดวงตาของเจิ้งเหว่ยสาดแสงเป็นประกาย ก้าวออกมาและยิ้ม “งั้นก็เอาสิ แสดงให้พวกเราดู”
เจียงฮ่าวทำหน้าที่ของเขา ท่ามกลางสายตาเยาะเย้ยของฝูงชน ก้าวเข้าหาเปียโนอย่างรวดเร็ว
“หยุดก่อน!” อาจารย์หลางร้องเตือน กล่าวว่า “เปียโนตัวนี้คือหนึ่งในเปียโนที่มีค่าที่สุดในของโรเงรียนเรา มูลค่าของมันเหนือกว่าที่นายจะจินตนาการถึง ต่อให้ทุ่มทรพัย์สินทั้งครอบครัวก็จ่ายไม่ไหวแน่นอน จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายทำมันพัง?”
เจียงฮ่าวยิ้มยักไหล่ เอยว่า “ตอนแรกอยากให้เล่น พอจะเล่นบอกไม่ให้เล่น ตกลงจะเอายังไง?”
“ฉันมีวิธี” เจิ้งเหว่ยแทรกขึ้น หัวเราะเย็นชา “ดูจากการแต่งตัวแล้ว ยังไงนายก็จ่ายค่าเปียโนไม่ไหว ถ้านายเล่นเปียโนเป็นก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ ฉันจะเป็นคนออกค่าเสียหายให้เอง โดยที่นายต้องก้มหัวให้ฉันสามครั้ง แล้วเดินคุกเข่าทั่วสถาบันจินหลิง!”
“ไม่มีทาง!” ไม่รอให้เจียงฮ่าวตอบ หยินเฉียนหยุนรีบหยุดทันที ใบหน้าสวยๆของเธอดูเคร่งเครียด มองเจิ้งเหว่ยด้วยความไม่พอใจ พร้อมกล่าวว่า “ประธานเจิ้ง คุณเป็นถึงประธานสภานักเรียน จะสร้างเรื่องยุ่งยากให้นักเรียนธรรมดาไปทำไม?”
เจิ้งเหว่ยหัวเราะ กล่าวว่า “เพื่อนร่วมชั้นหยิน เธอก็เห็นตอนที่เขาดูหมิ่นฉัน ยิ่งไปกว่านั้นฉันสัญญาว่าจะช่วยเขาชดใช้ค่าเปียโน นี่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายเลย”
“ไม่ต้องกังวล”
เจียงฮ่าวยังคงพูดคำนี้ แล้วนั่งลง
สำรวจมองเปียโนเบื้องหน้า เจียงฮ่าวอดถอนหายใจไม่ได้ “ของแค่นี้ สมควรเรียกว่าล้ำค่าด้วยหรือ?”
ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นตัวแทนของประเทศไปยังเยอรมนี ทางเยอรมนีไว้ใจเจียงฮ่าวให้เขาเป็นผู้ขนส่งเปียโนที่แพงที่สุดในโลก Besistan ‘Louis XV’
มันคือเปียโนที่ต้องใช้กว่า 140 ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ และกินเวลาถึงสามปีจึงจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ มีมูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญ
เมื่อเทียบกับเจ้านี่แล้ว เปียโนที่ทุกคนในห้องกล่าวว่าล้ำค่า ไม่ต่างอะไรจากเศษเหล็ก
“ฮึ่ม! เจ้าคนตาไม่ถึง!” ใบหน้าของอาจารย์หลางกลายเป็นสีฟ้า สาปแช่งด่าทอออกมา
เปียโนตัวนี้ทางโรงเรียนซื้อให้เธอโดยเฉพาะเพื่อให้เป็นสมบัติของชมรม และสามารถนำมันออกไปประกวดแข่งขันได้ แต่คนจนตรงหน้ากลับเรียกมันว่า ‘ของแค่นี้’ ช่างอุกอาจนัก!
นักเรียนหลายคนก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน กระทั่งหยินเฉียนหยุนยังดูผิดหวังเล็กน้อยยามมองเจียงฮ่าว เธอถอนหายใจเบาๆ
“หยุดพูดไร้สาระ รีบเล่นซักที!” เจิ้งเหว่ยหัวเราะอย่างเย็นชา
“ถ้าทำไม่ได้ ก็รีบลุกขึ้นมาในตอนที่ยังมีโอกาส จะได้ไม่ต้องขายหน้าที่นี่”
“ถูกต้อง ยิ่งนั่งอยู่หน้าเปียโนนาน นายก็ยิ่งดูน่าสมเพช!”
คนรอบๆกล่าวประชดประชัน
เจียงฮ่าวถอนหายใจยาว สะบัดสองมือไปข้างๆเหมือนนักเปียโนก่อนเริ่มแสดง
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ฝุ่นผงที่เกาะบนมือเขาปลิวหายไป จากนั้นทั้งมือและแขนค่อยๆเคลื่อนลงเบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา
ต่อมา มือทั้งสองข้างพรมลงบนแป้นเปียโน
ตึง ตึง ตึง!
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!
สองมือประสานงานกันอย่างลงตัว บรรเลงท่วงทำนองอันเพอร์เฟ็ค ราวกับสายน้ำที่ไร้ซึ่งช่องว่าง แต่เต็มไปด้วยจังหวะและทำนองอันเป็นเอกลักษณ์
เพียงบรรเลงสองท่อน สีหน้าของทุกคนในห้องหยุดนิ่งทันใด
“นี่มันเพลงอะไร ทำไมถึงได้ดูคลุ้มคลั่งขนาดนี้?”
นักเรียนสาวคนหนึ่งอุทานออกมา แต่เมื่อมองไปยังอาจารย์หลาง กลับเห็นแค่ว่าหัวของอีกฝ่ายโงนเงนเบาๆ และตะโกนสวนกลับมา “หุบปาก!”
เสียงเปียโนดังขึ้นอีกสองสามครั้ง แล้วจู่ๆมันก็สูงขึ้น ระหว่างนั้นมีท่วงทำนองที่สลับทั้งขึ้นและลง คล้ายจู่ๆก็ปีนขึ้นไปบนยอดเขา แล้วทิ้งดิ่งลงมา ก่อนขึ้นไปบนยอดเขาอีกรอบ
เสียงสูง เสียงต่ำ ดังสลับกันอย่างทรงพลัง!
จังหวะที่รวดเร็ว รวบรัด ฉับไวดั่งสายฟ้าฟาด ว่องไวดั่งลมกรรโชก
มือของเจียงฮ่าวเหมือนกระสุนจากปากปืนกล ทิ้งไว้เพียงเงากลายเป็นภาพติดตา ในหลายๆท่วงท่ายากจะทำความเข้าใจ ในสายตาทุกคนเห็นแค่ว่ามือของเขากระโดดไปมาอย่างรวดเร็ว
แต๊ง แต๊ง ติ๊ง!
ดนตรีบรรเลง
เสียงเปียโนก้องกังวาน
แม้นักเรียนหลายคนจะไม่เคยเห็นผลงานระดับนี้กับตามาก่อน แต่ก็ยังตกอยู่ในสภาพอึ้งงัน
สีหน้าของอาจารย์หลางยิ่งมายิ่งแตกตื่น เหงื่อเย็นหยดจากหน้าผาก จ้องมองไปยังร่างที่กำลังเล่นเปียโนอย่างไม่เชื่อสายตา
‘เป็นไปได้ยัยไง ... เป็นไปได้ยังไงกัน! เขาทำได้ยังไง!’
“นี่คือโครเอเชี่ยน แรปโซดี้!” เธออุทาน
มันคือเพลงระดับโลก เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเนื่องจากความยากและแรงกดดันที่สูงในการเล่น
ทว่าเจียงฮ่าวสามารถเล่นมันได้อย่างชำนาญ แถมเสียงก็ไร้ที่ติ!
ต่อให้เป็นตัวเธอเอง ก็ไม่สามารถทำแบบเขาได้
ใบหน้าของเจียงฮ่าวเริ่มเคร่งขรึม แรงกดดันอันบ้าคลั่งถูกปลดปล่อยออกจากร่างกายของเขา
คล้ายมีภาพของดาบทองคำและม้าเหล็กปรากฏขึ้น บรรเลงการต่อสู้อันดุเดือดในอดีต ทั้งหมดกลมกลืนไปกับเสียงเปียโน
และทุกอย่างค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงจนผู้ฟังเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทัน เลือดลมเดือดพล่านไปกับมัน
ต่อหน้าทุกคน เจียงฮ่าวยังคงนั่งอยู่กับที่ ทว่ากลับให้ความรู้สึกเหมือนแม่ทัพในสนามรบที่กำลังถือพิณอันสง่างามในมือเขา ดีดท่วงทำนองอันกึกก้อง ตรงเข้าทำลายทัพศัตรู
เสียงสั่นคลอนวิญญาณ สั่นคลอนฟ้าดิน!
“นี่ ... นี่มันเป็นไปได้ยังไง!” หัวของเจิ้งเหว่ยเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ในปากบ่นพึมพำกับตัวเอง ส่วนคนอื่นๆจมไปกับเสียงบรรเลง ส่ายหัวไปมา
เคร้ง!
เสียงเปียโนหยุดลง รสชาติอันพบเจอได้ยากยิ่งจางหาย เรียกสติทุกคนกลับมา
อาจารย์หลางปากสั่นระริก เอ่ยสั้นๆว่า “นี่คือการเล่นเปียโนที่ไม่มีใครเทียบได้!”