ตอนที่ 13 คำสั่งของข้าคือที่สุด
โถงเงียบจนน่าขนลุก
พอมองไปที่หัวบนพื้น ใบหน้าทุกคนก็เปลี่ยนสี ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ใบหน้านี้คุ้นเคยนัก
มันไม่ใช่ใครนอกจากซือเหมิง!
ไม่กี่อึดใจก่อน เขายังยืนเชิด
ซือเหมิงคือผู้บ่มเพาะแก่นทองคำ ด้วยกายมารอสูรเลือด กายเนื้อของเขาถูกหล่อหลอมจนแกร่ง และพลังก็เหนือกว่าใครในอาณาจักรเดียวกัน!
แม้แต่ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ เขาก็คือคนที่แข็งแกร่ง!
เขาจะตายได้ไง?
และ…
ซูสือกลับมาได้ไง?
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทุกคนก้าวถอย
ตอนนี้ บางคนทำลายความเงียบและถาม“ท่านแม่ทัพซู กะ เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
ซูสือพูด“ซือเหมิงพยายามแหกกฏโดยการทำร้ายข้า และร่วมมือกับคนสนิทของเขา ทั้งสองจึงโดนข้าประหาร”
“ประหาร?”
พอได้ยินเสียงสบายๆของเขา ฝูงชนก็ตัวสั่น!
แต่ในเวลาเดียวกันก็มีผู้สงสัย
ซูสือจะฆ่าซือเหมิงได้จริง?
“ซูสือ พี่ชายข้าคือรองแม่ทัพของเมืองเฟิงซา เจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าเขาคิดฆ่าเจ้า?”
ชายแข็งแกร่งยืนขึ้นและถามเสียงดัง
ชายหุ่นใหญ่คนนี้คล้ายกับซือเหมิง
ตอนนี้ หมัดของเขากำแน่น ดวงตาแดงก่ำ ขณะที่กัดฟัน
เหมือนอยากจะกินเขาทั้งเป็น
ซือจิน
น้องชายของซือเหมิง
แม้ฐานบ่มเพาะจะไม่ดีเท่าซือเหมิง เขาก็อยู่อาณาจักรก่อตั้งรากฐานขั้นปลายแล้ว และถือเป็นนักรบชั้นยอดในเมือง
“หลักฐาน?”
ซูสือชี้หัวบนพื้น“นี่ยังไม่ใช่หลักฐาน?ถ้าเขาไม่พยายามทำร้ายข้า ข้าจะฆ่าเขาทำไม?”
ซือจินแค่นเสียงเย็น“นั่นแค่คำพูดฝ่ายเดียว มีใครสามารถพิสูจน์มันได้?”
ซูสือถาม“ไม่มีใครพิสูจน์ได้แล้วไง?”
“พี่ชายข้าคือผู้บ่มเพาะแก่นทองคำ ส่วนเจ้าก็แค่ผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐาน ไม่มีทางที่เจ้าจะสู้พี่ชายข้าได้แน่”
“สองสามวันมานี้เจ้าหายหัวไปไหน?ทำไมเจ้าไม่โดนจ้านชิงเฉิงฆ่า?”
“ถ้าเจ้าไม่อธิบายให้ชัด ข้าก็มีทุกเหตุผลให้สงสัยว่าเจ้าสมคบคิดกับคนนอกและฆ่าพวกเดียวกัน!’
ซือจินยืนขึ้น
โดยไม่พูดถึงสิ่งที่ซือเหมิงทำ เขาใส่ร้ายซูสือตรงๆ
ดวงตาทุกคนสว่างวาบ
ดวงตาของซูสือหรี่ลง“การที่ข้าจะทำอะไร ข้าต้องคอยอธิบายเจ้าด้วย?”
หนังหัวซือจินชาด้าน กระดูกสันหลังเย็นเฉียบ ทั้งตัวเปียกชุ่ม
เขาเกิดความกลัว
“ข้าจะรายงานเรื่องนี้แก่สำนัก และจากนั้นสำนักจะตัดสินเองว่าอะไรถูก อะไรผิด!’
จากนั้น เขาก็กำลังจะออกไป
ความรู้สึกไม่ดีผุดในใจเขา และสัญชาตญาณก็บอกเขาว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นี่นาน!
ซูสือไม่หยุดเขา แต่กลับมองอย่างขบขันน
พอซือจินเดินไปถึงประตู ประตูก็ปิดเสียงดัง
ไม่ว่าเขาจะออกแรงผลักแค่ไหน มันก็ไม่ขยับ
“ซูสือ เจ้าทำอะไร?”
“ซือเหมิงสารภาพก่อนตายว่าเจ้าคือคนที่ร่วมมือกับเขาและตามกฏของสำนัก เจ้าจะโดนประหารด้วย!”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เจ้ากำลังพูดปด!”
ซือจินสับสนและโกรธ“คำพูดปากเปล่าของเจ้าไร้หลักฐาน เจ้าต้องแสดงหลักฐาน!ต่อให้เจ้าสงสัยข้า เจ้าก็ได้แต่รายงานไปยังสำนัก เจ้าไม่อาจลงโทษข้าได้เอง มันไม่ตรงตามกฏ!”
เสียงของซูสือเย็นชา“ในเมืองเฟิงซา มีแต่กฏของข้าเท่านั้น!”
“เจ้า..”
ซวบ!
เสียงแหวกอากาศดังและซือจินก็ยืนนิ่งกับที่
เส้นสีแดงปรากฏบนคอเขา และเลือดก็พุ่งกระฉูดเหมือนน้ำพุ และเขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดัง
ลมหายใจของเขาขาดหายทันที!
ฝูงชนตาเหลือก
ซือจินยังเป็นผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานขั้นปลาย แต่เขาไม่มีพลังจะต่อต้านเลย!
จากนั้น ทุกสายตาก็หลบเลี่ยง ไม่มีใครกล้ามองซูสือ
“ซือจินวางแผนกบฏและถูกแม่ทัพฆ่าเอง มีใครจะบ่นไหม?”
“ไม่ขอรับ”
“ซือจินสมควรตายแล้ว”
ทุกคนร้องพร้อมกัน
ตอนนี้ที่แม้แต่ซือเหมิงยังตาย ใครจะกล้ายั่วโมโหซูสือ?
“ดี ตอนนี้ตำแหน่งรองแม่ทัพว่างชั่วคราว พวกที่สนใจสามารถมาคุยกับข้าได้”
“นอกจากนี้ พวกเจ้าควรจำไว้ให้ดีว่าในเมืองเฟิงซา คำสั่งของข้าถือเป็นที่สุด”
หลังพูด ซูสือก็ลุกและเดินออกไป ตามด้วยไป่ชิง
โถงกลายเป็นเงียบสงัดอีกครั้ง
ศพที่นอนบนพื้นยังคงตราตรึงใจพวกเขา
หลังผ่านไปนาน บางคนก็กระซิบ“ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนแม่ทัพซู..เป็นคนละคน?”
พลังของเขายากจะหยั่งถึง โหดเหี้ยมและแม้แต่ท่าทางก็ยังหยิ่งยโสมาก
แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้หัวใจทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เมืองเฟิงซากำลังจะยิ่งใหญ่!”
..
คนสองคนเดินออกประตู
ไป่ชิงถามอย่างวิตก“นายท่าน การฆ่าคนเช่นนี้ไม่เป็นอะไรแน่หรือ?”
ซูสือพูด“ถ้าเจ้าไม่ถอนหญ้า พอลมฝนมา มันก็จะโตใหม่ ไม่ว่าซือจินจะลุกขึ้นมาไหม ข้าก็จะไม่ปล่อยเขาไปอยู่ดี”
“สำหรับคนอื่น ไม่ต้องห่วง”
“วิถีมารคือการปกครองด้วยความกลัว เมื่อพวกเขากลัว พวกเขาถึงเข้าใจว่าพลังคืออะไร!”
ไป่ชิงมองเขา รู้สึกว่านายท่านของนางต่างไปจากเดิม
แต่ต่างตรงไหนไม่อาจบอกได้
พอมองใบหน้าหล่อของซูสือ นางก็ส่ายหัว ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป และยิ้ม
ไม่ว่ายังไง นายท่านก็จะเป็นนายท่านของข้าไปตลอด!
และตอนนี้ ในหูของซูสือ เสียงระบบดังขึ้น
[เมืองเฟิงซามีอำนาจมากขึ้น ส่งผลต่อโครงเรื่องต่อไป ได้รับสิบแต้ม!]
“สิบแต้ม?!”