บทที่ 402 หนึ่งพัน
บทที่ 402 หนึ่งพัน
“ฝุ่บ”
เจียงหยวนที่เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใด ร่างกายของเขาได้สั่นไหวไปมาพร้อมกับหมัดของเขาที่ถูกส่งออกไป จนบังเกิดเสียงแรงลมกระโชกที่ฟังดูแปลกหู
หลังจากนั้นก็ได้บังเกิดลมพายุลูกใหญ่โดยที่มีร่างกายของเจียงหยวนอยู่บนยอดพายุ และด้วยแรงลมนี้เองทำให้เจียงหยวนพรุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
*ตึงงงง*
เสียงกระแทกได้เกิดขึ้นอย่างดังลั่น
เจียงหยวนได้กำหมัดของตนกระแทกเข้าใส่หมียักษ์
“กรรรรร”
ในตอนนี้ หมียักษ์ ค่อยๆลอยละล่องออกไปโดยที่ยังไม่มีท่าทีที่จะล่วงหล่น
หลังจากเก็บหมัดของตนมาแล้ว เจียงหยวนก็ได้ยักไหล่ทีหนึ่ง หมัดของเขาที่ใช้เมื่อครู่นี้มันเต็มไปด้วยคลื่นพลังที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ดังนั้นแล้ว แม้มันจะดูเหมือนว่าเป็นหมัดธรรมดาเพียงหนึ่งหมัด แต่เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเจ้าหมียักษ์นั่นโดนเขาต่อยไปกี่หมัดในชั่วพริบตานั่น
หลังจากโดนหมัดของเจียงหยวนไปแล้ว คลื่นพลังมากมายได้กระแทกเข้าใส่อวัยวะภายในของมันอย่างนับไม่ถ้วน จนเรียกว่า ไม่เหลือชิ้นดีได้เลยสักส่วนเดียว
“อั๊ยยะ”
ชายผมเผ้ารกรุงรังอุทานออกมาอย่างดังลั่น นั่นก็เพราะหมัดของเจียงหยวนมีอานุภาพมากกว่าที่เขาคิดนัก
เป็นตอนนี้ที่เจียงหยวนได้ปรากฏอยู่ที่ด้านข้างของหมียักษ์ ก่อนที่จะหงายมือของตนขึ้นมา พร้อมกับบังเกิดคลื่นพลังสีดำที่ค่อยๆหลั่งไหลมารวมไว้
-ระบบ กลืนกิน-
“ดิ้ง กลืนกินคลื่นพลังขุมนรกอเวจี คลื่นพลังขุมนรกอเวจีในร่างของท่านแข็งแกร่งขึ้น เคล็ดวิชาลับกลายร่างนรกอเวจีของท่านแข็งแกร่งขึ้น”
เมื่อได้ยินเสียงของระบบในห้วงจิตสำนึกของเขา เจียงหยวนก็ได้ขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย นั่นก็เพราะเขาค่อนข้างจะผิดหวังที่คลื่นพลังนรกอเวจีที่เขาไดรับไปนั้นไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นสักเท่าไหร่
-ดูเหมือนว่าข้าต้องการมากกว่านี้สินะ-
เจียงหยวนพยักหน้ารับกับตนเอง
หลังจากนั้น เขาก็ได้ตัดอุ้งตีนหมี แล้วเดินกลับไปหาชายผมเผ้ารกรุงรัง
“เจ้าจะทำอะไรงั้นรึ”
ชายผมเผ้ารกรุงรังนิ่งอึ้งไปในทันทีเมื่อเห็นฉากนี้
เจียงหยวนที่เดินไปถึงชายผมเผ้ารกรุงรังก็ไม่ได้พูดตอบอะไร เขาเพียงแค่วาดมือไปยังเบื้องหน้า ก่อนที่จะมีหม้อใบยักษ์และตะแกรงย่างปรากฎ
“เจ้าจะทำอะไรกันแน่เนี่ย”
ชายผมเผ้ารกรุงรังเริ่มถามคำถามเดิมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะ เขาแม้จะพอคาดเดาได้ว่าเจียงหยวนต้องการจะทำอะไร แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้าทำกับสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้ลง
ในยุคโบราณ เหล่าผู้คนแม้จะกินของดีแบบนี้เป็นกิจวัตร แต่ด้วยยุคสมัยที่พลังวิญญาณลดน้อยถดถอยลงไปเช่นนี้ นี่ก็ไม่ได้ต่างไปจากสมบัติล้ำค่าแต่อย่างใด
“แน่นอนว่าย่อมต้องทำหม้อไฟ ดีไม่ดี หลัวซินจะตื่นขึ้นมาหลังจากได้กลิ่นเนื้อนี่หลังจากข้าทำเสียด้วยซ้ำ และนั่นจะทำให้นางไม่ต้องการยาล้ำค่าเหล่านั้นอีกเป็นแน่”
เจียงหยวนอธิบายออกมาอย่างเก้กังๆ ก่อนจะยักไหล่ให้ชายผมเผ้ารกรุงรังด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เอ่ออออ”
ในขณะที่ชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังกำลังนิ่งอึ้ง เจียงหยวนก็เริ่มลงมือทำอาหารท่ามกลางห้วงนรกอเวจีแห่งนี้
นี่ทำให้ ชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรัง รู้สึกราวกับว่าเจียงหยวนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเทียบกับยุคสมัยไหน
เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่หลุดเข้ามาที่นี่ คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่หาหนทางหลุดรอดออกไป ไม่ใช่มานั่งทำอาหารเช่นนี้
“ทำไมกันเล่า อาหารฝีมือข้าอร่อยนา ท่านไม่อยากจะลองลิ้มมันสักหน่อยเหรอ”
เจียงหยวนพูดพลางบังคับพลังวิญญาณให้กลายเป็นมีดแล้วค่อยๆกรีดเฉือนไปยังท้องของหมียักษ์
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงมือทำอาหารโดยไม่ได้ใช้กระบี่ก่อร่างของตน ด้วยเรื่องนี้ กระบี่ก่อร่างของเขาก็ควรที่จะพอใจได้ว่าตนเองมีเกียรติขึ้นมาได้บ้างแล้วกระมัง
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เจียงหยวนก็ได้ทำหมีนรกอเวจีตุ๋นเสร็จเรียบร้อย
ในขณะเดียวกัน อุ้งตีนหมีย่างก็เสร็จไล่ตามมาอย่างไม่ห่างช่วง
ชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังในตอนนี้จับจ้องไปยังฉากเหตุการณ์นี้พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างไม่ขาด เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไม่ได้กินเนื้อย่างกับเนื้อตุ๋นมานานแค่ไหนแล้ว แน่นอนว่าการกระทำของเจียงหยวนไม่ได้ต่างไปจากการยั่วน้ำลายของชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังแม้แต่น้อย
“นี่ของท่าน”
เจียงหยวนที่เห็นก็ไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวแต่อย่างใด เขาได้ยกอุ้งตีนหมีให้ชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังข้างหนึ่งพร้อมกับถ้วยที่ใส่เนื้อตุ๋นอยู่ข้างในไปวางตรงหน้าของเขา แน่นอนว่าส่วนที่เหลือเขาคิดจะเก็บไว้กินคนเดียว
เมื่อเห็นแบบนี้ ชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังได้จับจ้องไปที่อุ้งตีนหมีขนาดใหญ่ยักษ์ราวกับความสูงของคนสิบคนยืนต่อกันแล้ว เขาได้กลืนน้ำลายไปอีกอึกสุดท้าย ก่อนจะทำการสูดกลิ่นของมันที่หอมฉุยเข้าไปอย่างสุดปอด
“กินสักทีเถอะน่า”
เจียงหยวนที่เห็นก็อดที่จะยักไหล่อย่างยียวน ก่อนที่จะกัดลงไปบนอุ้งตีนหมีของเขา
เมื่อชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังได้เห็นฉากนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะเหนียมอายอีกต่อไป นั่นก็เพราะตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกินอาหารในห้วงนรกอเวจีแห่งนี้ไม่ได้ต่างไปจากกฎข้อห้ามร้ายแรงที่เขาเองก็ไม่อาจจะกระทำให้เกิดขึ้นได้
ต่อให้จะเป็นตัวเขาเองจะเป็นผู้ลงมือเข่นฆ่าหมีอเวจีตัวนี้เองก็ตาม
และนี่เองทำให้ ทั้งสองต่างก็เติมท้องที่ว่างป่าวของตนไปจนเต็ม
ถึงแม้ว่าเจียงหยวนและชายหนุ่มผมเผ้ารกรุงรังนั้น ต่างก็สามารถที่จะทำการสกัดพลังวิญญาณมาเสริมสร้างร่างกายของตัวเองได้โดยตรง แต่หากเป็นไปได้ พวกเขาย่อมทำการดูดซับพลังวิญญาณผ่านการกินเสียมากกว่า
เพราะว่าพวกเขาต่างก็รู้สึกว่ามันรู้สึกเสียดายที่จะพลาดช่วงเวลาที่น่าดื่มด่ำเช่นนี้