861- ปราชญ์โบราณคนที่สอง
ตอนที่ 861 ปราชญ์โบราณคนที่สอง
เมฆสีดำทะมึนค่อยๆ กระจายหายไป แสงจันทร์ส่องผ่านหมู่เมฆลงมา บนเนินเขาไร้การเคลื่อนไหว เงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เย่ฟ่านค่อยๆ เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ทีละก้าว ต้นสนโบราณต้นนี้มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่พันปี ลำต้นเป็นโพรงขนาดใหญ่เพราะมันกำลังจะตายแล้ว
ที่โคนต้นไม้มีหินสีน้ำเงินแวววาวยาวไม่เกินเจ็ดศอกซึ่งยาวเท่ากับร่างของนักพรตชรา และมีลักษณะที่ค่อนข้างพิเศษ
“ข้านอนเหน็บหนาวอยู่ที่ใต้ต้นสน บนเนินเขาแห่งนี้ไม่มีวัน ไม่มีเวลา ไม่รู้เดือน ไม่รู้ปี...”
เย่ฟ่านตกตะลึง?
เขาเดินไปที่ด้านหลังของวัดเต๋าเล็กๆ มาถึงหลุมฝังศพสีเหลืองและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เฝ้าสังเกตดูอีกครั้ง
ภายใต้ดินเหลืองนั้น เสื้อคลุมของนักพรตที่ขาดรุ่งริ่งยังคงอยู่ที่นั่น ปิ่นปักไม้เก่าๆ ก็ยังคงวางตะแคงข้างอยู่ในหลุม
“เป็นไปได้อย่างไร…?” เย่ฟ่านรู้สึกว่ามีอย่างไม่สมเหตุสมผลในใจ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามได้แปรสภาพเป็นเต๋าไปแล้วและไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไป แต่ทำไมเขาถึงปรากฏตัวออกมาให้เห็นในตอนนี้?
มันคงจะเป็นภาพลวงตา เมฆดำปรากฏขึ้น นักพรตชราปรากฏตัว แล้วก็หายไปอย่างลึกลับ
“มันไม่ใช่ผนึกของสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ เพราะข้าได้ยินเสียงจริงๆ” เย่ฟ่านกลับมาที่ด้านหน้า เดินวนบนภูเขาเตี้ยๆ คิดทบทวนบางอย่าง
ค่ำคืนนั้นเงียบสงัด ยกเว้นเสียงร้องของนกกลางคืนเป็นครั้งคราว ไม่มีเสียงพิเศษใดๆ และเขาก็ไม่รู้สึกถึงลมหายใจของคนแปลกหน้าง
เขาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่มีวิธีแก้ปัญหา ในที่สุดเขาทำได้เพียงนั่งสมาธิต่อไปเรื่อยๆ เย่ฟ่านเชื่อว่าไม่ว่านักพรตชราจะเป็นผู้แข็งแกร่งแบบไหน คนคนนั้นคงไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขา
เย่ฟ่านอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่นี่เวลาครึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา เขานั่งอยู่หน้าวัดเต๋าทุกวัน ทำความเข้าใจเต๋าอย่างเงียบๆ
ดินแดนแห่งนี้บริสุทธิ์ใกล้ชิดธรรมชาติ ห่างไกลจากความเร่งรีบและความวุ่นวาย ทิวทัศน์โดยรอบงดงามราวกับภาพวาดด้วยหมึกอันวิจิตรงดงาม
ในบางครั้งคนตัดไม้จะร้องเพลงเสียงดังในตอนกลางวัน และบางวันนายพรานก็ไล่ล่าสัตว์ป่าจากส่วนลึกของภูเขา เขาสามารถสัมผัสและชื่นชมสิ่งเหล่านี้ได้
“ดินแดนแห่งเต๋าเป็นดินศักดิ์สิทธิ์ของโลก หากนิกายที่ยิ่งใหญ่รู้เรื่องนี้ก็จะเข้ายึดครองทันทีและจัดตั้งค่ายกลอันยิ่งใหญ่ทำให้เป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามา”
ผ่านไปอีกวัน ค่ำคืนกำลังมาเยือน ยอดภูเขาทั้งลูกก็มืดสนิท ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีสายฟ้าพาดผ่านตามด้วยเสียงคำรามของพายุลูกใหญ่ ไม่นานนักฝนก็เทลงมาอย่างหนัก
มีม่านฝนกั้นระหว่างฟ้ากับดิน เย่ฟ่านยืนอยู่ในวิหารของวัดเต๋าและมองตรงไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน บางครั้งฟ้าแลบก็แวบผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แต่ในชั่วพริบตาเขาก็เห็นโลกที่สว่างไสว
“บูม”
ทันใดนั้น แสงสีเงินมากกว่าร้อยดวงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทะลุผ่านท้องฟ้าสงสู่พื้นดิน ฝ่าสายฝนที่ไม่รู้จบและภูเขาในม่านน้ำก็สว่างขึ้นทันที
แต่แล้วดินแดนแห่งนี้ก็ตกสู่ความมืดมิดไร้ขอบเขตอีกครั้ง สายฟ้าหายไป มีเพียงสายฝนเท่านั้นที่เทลงมา และแสงที่สว่างสดใสเหล่านั้นหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“บูม”
สายฟ้าเส้นใหญ่กระแทกลงมาด้านล่างในบริเวณที่เย่ฟ่านนั่งอยู่ สายฟ้าเส้นนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อเขาโดยตรง แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีเจตจำนงบางอย่างอย่างแน่นอน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...”
เย่ฟ่านยืนอยู่หน้าหน้าต่าง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเห็นนักพรตชราอีกครั้ง ชายคนนั้นยังคงอยู่ในชุดเสื้อคลุมของนักพรตที่ขาดรุ่งริ่ง มีปิ่นไม้พังๆ ปักอยู่ที่มวยผมเช่นเดิม
ในเวลานี้ ชายชรานั่งสมาธิบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฝนตกหนัก อ้าปากหายใจเข้า และแสงไฟนับพันดวงหายเข้าไปในปากของเขาทันที
“บูม”
ฝนยังคงเทลงมาอย่างหนักเหมือนน้ำตก น้ำขังตามแอ่วเล็กๆ มีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่งในสายฟ้าแลบและเสียงคำรามของท้องฟ้ายังคงดังก้องสวรรค์พิภพอยู่อย่างนั้น
“ด้วยสายฟ้ามากมายมหาศาลเช่นนี้มันแทบจะกลายเป็นทัณฑ์สวรรค์แล้ว…” เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เย่ฟ่านประหลาดใจก็คือนักพรตชราคนนั่นก็ยังคงทำแบบเดิม เขาอ้าปาก สูดลมหายใจ และสายฟ้านับพันก็หายไปในทันที ทั้งหมดพุ่งเข้าปากของเขา
“นี่มัน…ไม่ถูกต้อง”
สีหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังจากเผชิญทัณฑ์แห่งสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาก็มีความสามารถในการดึงดูดสายฟ้าเหล่านี้มาเสริมพลังให้กับตัวเองเช่นกัน
อย่างไรก็ตามวิธีการของชายชราน่าสะพรึงกลัวเกินไป เขาถึงกับกินสายฟ้าหลายพันเส้นลงไปในท้อง นี่ยังเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่อีกหรือ?
เหนือจินตนาการ ไม่เหลือแม้ร่องรอยของฟ้าร้องฟ้าผ่า มันถูกดูดเข้าไปในร่างกายด้วยปากของเขา ไม่เหมือนการดูดซับแต่เหมือนการกลืนกิน
“บูม”
ที่ด้านบนสุด มีเจดีย์โบราณปรากฏขึ้น และสายฟ้าที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ซึ่งเย่ฟ่านเคยเห็นในอดีตก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว
“นี่มันทัณฑ์สวรรค์ระดับใดกันแน่?” เย่ฟ่านไม่อยากเชื่อเลยว่าระดับของภัยพิบัตินี้จะสูงส่งเหนือจินตนาการขนาดนี้
เขาได้เห็นเจดีย์ลอยฟ้าที่ก่อตัวขึ้นจากสายฟ้า และมีสิ่งมีชีวิตเดินออกมาจริงๆ เขารู้จักอสูรสายฟ้าเหล่านี้แต่หากเขาได้เผชิญหน้ากับพวกมันรับรองว่าตัวเขาต้องตายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
อย่างไรก็ตาม นักพรตชราก็ยังคงเหมือนเดิม เขาปล่อยให้ทะเลทรายฟ้าหลั่งไหลลงมา เมื่อรวบรวมได้จำนวนหนึ่งเขาก็ดูดกลืนลงไปในท้องโดยไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย
“นี่… ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”
เย่ฟ่านรู้สึกขนลุก เมื่อเขาต่อสู้กับภัยพิบัติ สายฟ้าเกือบทั้งหมดได้หายสาบสูญไประหว่างสวรรค์และปฐพี แต่ชายชราคนนี้ไม่ได้ปล่อยมันไป เขาดูดซับมันไว้ทั้งหมด
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย โดยเฉพาะเจดีย์บนท้องฟ้าที่สร้างจากสายฟ้าแห่งสวรรค์ เย่ฟ่านเชื่อว่าภัยพิบัตินี้ต้องไม่ใช่ภัยพิบัติระดับผู้สูงสุดอย่างแน่นอน และระดับของมันต้องเหนือกว่านั้นมาก
นักพรตชราปรากฏตัวขึ้นจที่ด้านหน้าของวิหารเต๋าที่พังทลาย สายฟ้าที่ไม่สิ้นสุดในปากของเขาทุเรียนให้เป็นอาหารเพื่อบำรุงร่างกายที่เหี่ยวย่นของเขา
เย่ฟ่านตกตะลึง นักพรตชราผู้นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ เขาเปลี่ยนภัยพิบัติเหล่านั้นให้กลายเป็นอาหารหรือ?
ขณะพายุสายฟ้าหายไปแล้วเหลือเพียงฝนที่ยังคงตกหนัก เย่ฟ่านไม่ได้เคลื่อนไหว เฝ้าดูนักพรตชราอย่างเงียบๆ เขากลัวว่าหากส่งเสียงอีกฝ่ายจะหายตัวไปเหมือนครั้งที่แล้ว
“ทะเลกลายเป็นฝุ่นในฤดูใบไม้ร่วง ผมสีเหลืองของนักพรตจะอยู่ในความเศร้าโศก ความฝันจะคงอยู่นานนับพันปี ที่ใดเป็นเส้นทางอมตะที่ขรุขระ ...”
นักพรตชรานั่งสมาธิบนหินสีน้ำเงิน นิ่งเฉย ผสานตัวตนให้เข้ากับท้องฟ้าและสายฝนยามค่ำคืน ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ หยาดฝนตกลงมาบนร่างกาย แต่ไม่ทำให้ตัวของเขาเปียกเลย
นี่คือปราชญ์โบราณอย่างแน่นอน เย่ฟ่านตกใจมาก เขารู้สึกว่าเขาอาจได้พบกับปราชญ์ตัวจริง
เขาคิดว่ามีเพียงชายชราผู้บ้าคลั่งเป็นคนเดียวที่เป็นปราชญ์โบราณในโลกนี้
“ผู้อาวุโส...”
เขาเดินเข้าไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก และส่งเสียงเรียกเบาๆ อย่างให้เกียรติ แต่ชายชราไม่ขยับ ดวงตาของเขาปิดลงเช่นเดิม นิ่งสนิทเหมือนก้อนหิน
เย่ฟ่านพยายามสัมผัสอย่างระมัดระวัง และพบว่านักพรตชราร่างผอมบางกำลังนั่งอยู่บนหินสีน้ำเงินใกล้ๆ เขา แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของชายชราคนนี้เลย
“ไม่ มันไม่ใช่ร่องรอยของจิตวิญญาณ เขาไม่มีตัวตน…” เขาตกใจ เพราะตอนนี้ดวงตาของชายชราเปิดขึ้น เหมือนภาพธรรม
ทันใดนั้นชายชราก็ลุกขึ้นเดินตรงมาทางนี้ เย่ฟ่านตกใจแต่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ หากเขาต้องการจะเคลื่อนไหว ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้
“ชู”
นักพรตชราเดินตรงไปที่วัดเต๋า ร่างกายของเขาค่อยๆกลืนเข้ากับอากาศก่อนจะหายสาบสูญไปในทันที
“ไม่ใช่คนจริงๆ เขา... ตายแล้ว” เย่ฟ่านอยู่ในความงุนงง
หลังจากนั้น เขาได้ตรวจสอบเนินเขาแห่งนี้ ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก และพบหินแม่เหล็กจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหมือนเหมืองเหล็กแห่งหนึ่ง
“อืม เข้าใจแล้ว...”
อันที่จริง ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงการไหลกลับมาของอดีต มันสามารถวนกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งได้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการ