ตอนที่แล้วอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 169 สาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 171 คนจากรัฐบาลแคลิฟอร์เนีย

อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 170 ต่อรองราคา


ตอนที่ 170 ต่อรองราคา

ฮาร์ดี้ยังมีรายการทีวีโชว์มากมายอยู่ในหัวของเขาที่ยังไม่ได้เอามันออกมาในครั้งนี้ เช่น 'เดอะทาเลนต์โชว์' และ 'มิลเลียนแนร์'

ยังไงรายการที่เขาพูดในวันนี้มันก็เยอะแล้ว และในยุคนี้รายการทีวีก็ยังไม่ค่อยโด่งดังเท่าไหร่

มันแทบจะไม่มีรายการดีๆ เลยด้วย

ส่วนรายการวาไรตี้ที่มีในตอนนี้ก็คือของ NBC และ CBS

ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้เชิญคณะดนตรีมาร้องเพลงและคณะเต้นรำมาแสดงให้ผู้ชมดูในรายการ

การดูแลสถานีโทรทัศน์และจัดรายการของบริษัทเขาในตอนนี้ส่งให้ฟ็อกซ์และเอ็ดเวิร์ดรับผิดชอบแล้ว

แต่แน่นอนว่าฮาร์ดี้ยังมีเรื่องต้องตัดสินใจอยู่เช่น การขนส่ง ตอนนี้บริการขนส่งด่วนยังห่างไกลเมื่อเทียบกับอนาคตข้างหน้า เพราะเมื่อการช้อปปิ้งทางโทรทัศน์ได้รับความนิยม การจัดส่งของมันจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องรอแก้

และมันยังมีสินค้าบางอย่างที่ไม่สามารถขายในทีวีช้อปปิ้งด้วย เช่นผัก ผลไม้ ซึ่งพวกมันมีมูลค่าต่ำเกินไปและถ้าขนส่งไม่เร็วพอมันก็จะเสียหาย

ดังนั้นเขาจะแก้ปัญหาพวกนี้อย่างไร?

ฮาร์ดี้นั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน และเขาก็ค่อยๆ ได้ไอเดียบางอย่าง...

ตัวอย่างก็คือเอสเตลอเดอร์ที่ตอนนี้มีเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าที่เมืองใหญ่ๆ มากกว่า 20 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกาและเมื่อลูกค้าที่ดูทีวีช็อปปิ้งโทรมาสั่งสินค้า เขาก็แค่ให้เจ้าหน้าหน้าที่ส่งรหัสออเดอร์ให้กับลูกค้าไปเก็บไว้

เมื่อลูกค้าไปที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ก็จะขอดูรหัสออเดอร์ที่ลูกค้าได้รับมาจากการโทรไปสั่งซื้อสินค้าทางทีวี

และเนื่องจากการช้อปปิ้งทางโทรทัศน์นั้นจะเป็นของการขายตรง ดังนั้นราคาสินค้าก็จะถูกกว่าหน้าเคาน์เตอร์ประมาณ 10% ถึง 20%

แล้วมันจะมีผลต่อการขายสินค้าผ่านเคาน์เตอร์หรือไม่?

มันจะต้องมีผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะตราบใดที่คุณโทรสั่งซื้อทางโทรทัศน์ เครื่องสำอางที่มีราคา 10 ดอลลาร์ ในตอนนี้คุณสามารถซื้อมันได้ในราคา แค่ 8 ดอลลาร์เท่านั้น

แถมในตอนนี้การโทรศัพท์ก็ไม่มีเรื่องยุ่งยากใดๆ

แล้วทำไมลูกค้าจะไม่ซื้อผ่านทางโทรทัศน์หรือซื้อของออนไลน์กันล่ะ?

ซึ่งในความเป็นจริงธุรกิจนี้ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร แต่ทีวีช้อปปิ้งจะช่วยเพิ่มยอดขายซะด้วยซ้ำ

เดิมเคาน์เตอร์สามารถขายเครื่องสำอางได้เพียง 10 กล่องต่อวัน แต่ถ้ามีทีวีช้อปปิ้งมันอาจจะขายได้ถึง 100 กล่องหรือ 200 กล่อง ถึงผลกำไรต่อชิ้นจะลดลง แต่ยอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน และผลกำไรที่ตามมาก็จะเพิ่มขึ้นตามเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตามวิธีการนี้สามารถใช้ได้กับสินค้าที่มีแผนกขายทั่วประเทศเท่านั้น

ซึ่งในอนาคตมันก็ต้องมีการสร้างระบบโลจิสติกส์และการขนส่งของเขาเอง

หรือเขาก็แค่ไปตั้งโกดังสินค้าขนาดใหญ่ในสถานที่ต่างๆ เหมือนกับ ‘วอลมาร์ต’

ฮาร์ดี้มีชื่อนี้อยู่ในใจนานแล้ว

มันเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มูลค่าตลาดมากที่สุดในยุคอนาคต

มีเงินสดและช่องทางขายจำนวนมาก

พร้อมกับจำนวนห้างสรรพสินค้าของวอลมาร์ตที่มากถึง 10,000 แห่ง และยังเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีจำนวนพนักงานมากที่สุดในโลก

โดยมีพนักงานมากถึง 2.2 ล้านคนในเวลาเดียวกัน

ซึ่งวอลมาร์ตนั้นก่อตั้งในปี 1962

และในตอนนี้เขามีงานที่ต้องทำเยอะเกินไป

เขาต้องรอให้บริษัทในมือของเขาตอนนี้มั่นคงก่อน และค่อยไปเข้าสู่ตลาดใหญ่นี้

......

ฮาร์ดี้ไปหาแอนดี้และพูดคุยเกี่ยวกับความคิดในการทำให้แอนดี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ้นสำหรับออกรายการ

"ในรายการนายต้องพูดถึงความรู้ทางการเงินสักอย่างก่อน แล้วค่อยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดหุ้นปัจจุบัน โดยวิเคราะหุ้นสักสองสามตัวก็พอ"

"ฉันอยากให้นายวิเคราะห์สถานการณ์ของบริษัทอื่นๆ ด้วย ว่ามันมีมูลค่าหรือความคาดหวังเรื่องการลงทุนในอนาคตหรือไม่"

แอนดี้ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

"แล้วการที่เราแสดงความเห็นหรือวิเคราะห์หุ้นเหล่านี้ มันจะส่งผลกระทบต่อหุ้นอย่างแน่นอน หุ้นที่มีการรีวิวดีราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นและหุ้นตัวไหนที่เรารีวิวไม่ดีราคาหุ้นตัวนั้นก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด"

"แสดงว่าวิธีนี้มันก็เท่ากับเราควบคุมราคาหุ้นทางอ้อมใช่ไหมบอส? และถ้าเราวางแผนไว้ล่วงหน้า เราก็จะทำเงินได้เยอะมาก"

‘นี้สิถึงจะเรียกว่ามืออาชีพ เขาช่างเข้าใจอะไรได้ง่ายจริงๆ’

ฮาร์ดี้ยิ้มและพูดว่า "นั่นแหละคือวิธีที่ฉันคิดไว้ เอาล่ะ ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ให้นายจัดการล่ะกัน"

"ไม่มีปัญหาครับบอส!" แอนดี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

"อีกอย่างหนึ่ง ฉันอยากให้นายดูกลุ่มบริษัทที่มุ่งเน้นผลิตสินค้าบริโภคและให้บริการสำหรับผู้คนในตลาดหุ้นมาด้วย เอาที่มันยอดขายไม่ดีแต่พอใช้งานได้มาก็พอ" ฮาร์ดี้กล่าว

"บอสต้องการทำอะไรกับมันเหรอ?"

"สถานีโทรทัศน์กำลังจะจัดทำรายการช้อปปิ้งทีวี และมันจะมีการโปรโมทสินค้าเหล่านั้นผ่านทีวีโดยตรง แน่นอนว่ามันจะมีผลต่อการประชาสัมพันธ์กับบริษัทเหล่านั้นมาก เพราะบางบริษัทไม่เป็นที่รู้จักดังนั้นยอดขายจึงไม่ดี และการมาขายที่ช้อปปิ้งทีวีก็จะทำให้สินค้ากลับมาเป็นที่นิยม แล้วราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้นก็จะพุ่งขึ้นสูงตามลำดับ" ฮาร์ดี้อธิบาย

แอนดี้เข้าใจแล้ว

มันก็เหมือนกับบาร์บี้และเพลย์บอย ที่พวกเขาเดิมทีก็ใกล้ล้มละลายและราคาหุ้นของพวกเขาก็ไม่ดีเท่าไหร่

แต่ตอนนี้บริษัททั้งสองได้เติบโตขึ้นอย่างมาก และราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นสูงอย่างก้าวกระโดด

ดังนั้นเขาก็แค่ขุดหาบริษัทจดทะเบียนถูกกฎหมายแบบเพลย์บอย และปั่นหุ้นทำเงินสักเล็กน้อยเพื่อนำไปซื้อบริษัทออกอากาศ

"ผมเข้าใจแล้วบอส และจะให้รายชื่อบริษัทจดทะเบียนกับบอสให้เร็วที่สุด" แอนดี้กล่าว

สองวันต่อมาแอนดี้ก็เอารายชื่อมาให้ฮาร์ดี้

"บอส บริษัทเหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามที่คุณต้องการทุกอย่าง มันเป็นบริษัทที่จดทะเบียนและผลิตสินค้าเพื่อการดำรงชีวิตของผู้คน ซึ่งมีกำลังการผลิตที่ค่อนข้างดีแต่เนื่องจากการประชาสัมพันธ์และข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์จึงดำเนินงานได้ไม่ดีเท่าไหร่" แอนดี้พูดแนะนำ

ฮาร์ดี้มองไปที่รายชื่อ

'ลิตเติ้ลฮอร์เน็ทมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ของสุภาพสตรี มีผลผลิตต่อปีอยู่ที่ 10,000 คัน สถานการณ์ตอนนี้คือยอดขายไม่ดีเท่าไหร่ มีมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในคลังกว่า 5000 คันที่ขายไม่ออก และสถานะการโดยรวมก็คือหยุดผลิต รอปิดตัว ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 0.58 ดอลลาร์สหรัฐ'

ฮาร์ดี้หยิบรูปขึ้นมาดู มันเป็นสกู๊ตเตอร์สำหรับสุภาพสตรีซึ่งดูคล้ายกับมอเตอร์ไซค์เล็กๆ ที่ขับโดยลีโอเดรย์เฮปเบิร์นใน 'โรมันฮอลิเดย์'

"รถคันนี้ราคาเท่าไหร่" ฮาร์ดี้ถาม

"ราคาประมาณ 50 ดอลลลาร์ และรุ่นดีหน่อยอยู่ที่ 118 ดอลลาร์" แอนดี้กล่าว

ฮาร์ดี้แตะคางของเขา เขาคิดว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นสินค้าที่ดี "แอนดี้ ติดต่อไปหาเจ้าของเพื่อซื้อหุ้นตัวนี้และก็ซื้อหุ้นจากตลาดคืนมาพร้อมๆ กันด้วย"

"บอสคิดว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้จะขายดีไหม?" แอนดี้ถาม

"ฉันคิดว่ามันขายได้เยอะเลยล่ะ เพียงแต่เราต้องพยายามรักษาราคานี้ไว้ และหลังจากตั้งโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์แล้ว เราก็สามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่าเดิมได้" ฮาร์ดี้ยิ้ม

บริษัทต่อมาคือโรงงานผลิตไดร์เป่าผม ฮาร์ดี้มองไปที่รูปถ่ายของไดร์เป่าผมและก็บอกได้คำเดียวว่ารูปร่างมันน่าเกลียดมาก

"นี่มันไดร์เป่าผมหรือเครื่องเป่าลมกันแน่? ไม่แปลกใจเลยที่มันขายไม่ได้ เพราะมันน่าเกลียดขนาดนี้ โรงงานผลิตไดร์เป่าผมแห่งนี้ต้องการนักออกแบบใหม่ เพื่อให้รูปทรงมันดูสวยงามมากกว่านี้ หากรูปทรงมันดูดีกว่าเดิมยังไงยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน" ฮาร์ดี้กล่าว

"แล้วบอสต้องการซื้อโรงงานไดร์เป่าผมนี้หรือไม่?" แอนดี้ถาม

ฮาร์ดี้มองไปที่ราคาหุ้น ซึ่งอยู่ที่ 0.2 ดอลลลาร์ แล้วก็ราคารวมของโรงงานจะอยู่ที่หมื่นดอลลาร์สหรัฐ

เขาไม่ต้องสนใจมันก็ได้

แต่ในความเป็นจริงที่ฮาร์ดี้ตัดสินใจซื้อมันก็เพราะชื่อที่คุ้นเคย

'ไดสัน (Dyson)'

ถัดไปก็เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้า โรงงานผลิตกระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับสุภาพสตรี โรงงานผลิตชุดเครื่องนอน 4 ชิ้น โรงงานรองเท้า โรงงานคั่นน้ำผลไม้ แม้กระทั่งโรงงานช็อคโกแลตก็ยังมี

บริษัทเหล่านี้ก็ใช้ได้

ฮาร์ดี้เลยบอกแอนดี้ให้ซื้อมันมาให้หมด และมันจะเป็นสินค้าชุดแรกที่จะได้ออกโฆษณาทางทีวี

......

แอนดี้พาคนมาที่โรงงานลิตเติ้ลฮอร์เน็ทส์

ซึ่งเจ้าของบริษัทแห่งนี้ก็ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และเมื่อมองไปที่กองรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกเก็บอยู่ในโกดัง แอนดี้ก็กล่าวว่า "ผมสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้ได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าผมต้องการราคาที่เหมาะสมกว่านี้"

เจ้าของบริษัทมีความสุขมาก

"ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ราคาต้นทุนกับคุณ และคุณคิดยังไงกับราคา 55 เหรียญต่อคัน?" เจ้าของบริษัทถามด้วยเสียงต่ำ

แอนดี้ส่ายหัว "30 ดอลลาร์ต่อคัน"

ดวงตาของเจ้าของบริษัทเบิกกว้างในทันที "ต้นทุนการผลิตของผมคือคันล่ะ 50 ดอลลาร์สำหรับรถแต่ละคัน และถ้าผมขายให้คุณ 30 ดอลลาร์ มันก็เท่ากับว่าผมจะสูญเสียเงินไปถึงครึ่งหนึ่ง มันไม่มีธุรกิจแบบนี้ในโลกหรอก!"

แอนดี้ยิ้มเบาๆ

"มันก็มีหลายบริษัทที่ทำธุรกิจแล้วขาดทุน ถ้าคุณไม่ขายให้ผมตอนนี้คุณอาจจะเสียเงินมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ นอกจากนี้คุณควรเข้าใจด้วยว่าสินค้าที่ถูกเก็บไว้นั้นไม่คุ้มค่าเงินแม้แต่ดอลลาร์เดียว และมันจะคุ้มก็ต่อเมื่อคุณขายมันได้เท่านั้น"

เจ้าของบริษัทนี้เข้าใจความจริงข้อนี้โดยธรรมชาติ

หลังจากเจรจาต่อรองเรื่องมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 5,000 คัน ในที่สุดมันก็ถูกขายให้กับแอนดี้ที่ราคาคันละ 38 ดอลลาร์

หลังจากลงนามในสัญญาเสร็จ แอนดี้ก็มองไปที่เจ้าของบริษัทและยิ้มให้เขา "คุณไวส์ แล้วคุณมีความคิดที่จะขายหุ้นโรงงานมอเตอร์ไซค์นี้ไหม?"

เจ้าของโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ตกตะลึง

นายเพิ่งซื้อมอเตอร์ไซค์ของฉันไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายยังต้องการหุ้นของโรงงานอีก...

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง

"ขายสิ แล้วคุณจ่ายเท่าไหร่?"

"ตามราคาตลาดหุ้น" แอนดี้กล่าว

ทั้งสองฝ่ายเถียงกันอีกครั้ง ในท้ายที่สุดแอนดี้ก็ซื้อหุ้น 40% โรงงานผลิตรถมอเตอร์ไซค์มาได้ และเขาก็ยังติดต่อไปยังผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ของโรงงานมอเตอร์ไซค์ด้วย

ทำให้ในตอนนี้บริษัทการเงินของแอนดี้ได้เป็นเจ้าของโดยตรง และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของโรงงานผลิตรถมอเตอร์ไซค์

ซื้อมอเตอร์ไซค์ก่อนแล้วค่อยซื้อหุ้น

ถ้าให้พูดก็คือแอนดี้กดดันโรงงานมอเตอร์ไซค์มากจริงๆ

และโรงงานอื่นๆ แอนดี้ก็ใช้วิธีนี้เช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าเขาพยายามซื้อหุ้นในราคาต่ำที่สุด แล้วค่อยนำออกมาขายหลังจากปั่นหุ้นให้มีราคาดีๆ แล้ว

.......

คนอื่นๆ กำลังยุ่งกันมาก

และบิลก็โทรหาฮาร์ดี้ในวันนี้ "ฮาร์ดี้ พวกเม็กซิกันติดกับแล้ว มันกำลังมีการแลกเปลี่ยนสินค้าในคืนนี้ นายต้องการมาเยี่ยมชมไหม?"

"ได้!"

ฮาร์ดี้จะไม่ดูสิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้ได้อย่างไร

บอดี้การ์ดขับรถพาฮาร์ดี้ไปที่แก๊งแอลเอ ซึ่งวิคเตอร์นักต้มตุ๋นชาวฝรั่งเศสที่เห็นบอสใหญ่มา

เขาก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อทำความเคารพ

"รู้เวลาแน่นอนหรือยัง?" ฮาร์ดี้ถาม

"ครับบอส! คืนนี้เวลา 00.00 น. สถานที่คือเขตชานเมืองลอสแอนเจเลิส และผมเป็นคนนำทีมไปทำธุรกิจด้วยตัวเอง" วิคเตอร์กล่าว

"ไม่มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม ?"

"ฮ่าๆ พวกเม็กซิกันพวกนั้นไว้ใจผมหมดแล้ว" วิคเตอร์ยิ้ม

ฮาร์ดี้มองไปที่บิล "นายได้แจ้งแลนสอเตอร์กับคนอื่นๆ หรือยัง"

"ฉันได้แจ้งไปแล้ว พวกเขาจะซุ่มโจมตีบริเวณรอบนอกและเมื่อเราแลกเปลี่ยนสินค้าเสร็จ พวกเขาจะจับกุมชาวเม็กซิกันเหล่านั้นทันที" บิลตอบ

เบ็ดตกปลา อวนจับปลา เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว มาดูกันว่าปลาเม็กซิกันตัวนี้จะหนีไปไหนได้

......

ทุกวันนี้มีผู้ขายยาไม่กี่รายในลอสแอนเจลิส และในเม็กซิโกนั้นก็มีเพียงเจ้าเดียว

ทำให้ในช่วงเวลานี้ราคายาในลอสแอนเจลิสพุ่งสูงขึ้นหลายครั้ง

ชาวเม็กซิกันไม่สามารถหาสินค้าจำนวนผ่านช่องทางการซื้อปกติได้ และพวกมันก็ได้พบกับวิคเตอร์ที่มาเสนอโชคลาภก้อนหนึ่งให้

วิคเตอร์ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับชาวเม็กซิกันจนไว้ใจกันในที่สุด

ซึ่งการทำธุรกิจชุดแรกอยู่ที่ 50 กิโลกรัมและชาวเม็กซิกันก็ขายชุดนี้หมดได้อย่างรวดเร็ว

และแน่นอนว่าราคามันก็ดีอย่างมาก

ดังนั้นจากการทำธุรกิจครั้งล่าสุดพวกเม็กซิกันก็เลยเชื่อใจวิคเตอร์ไปแล้ว ทำให้มีการสั่งซื้อจำนวนมากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และวิคเตอร์ก็สัญญากับพวกเขาไว้ว่าจะขายให้ที่ 250 กิโลกรัม

ถึงแม้สินค้าชุดนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ 900,000 ดอลลาร์ แต่พวกเม็กซิกันก็ตกลงทันที

ตอนดึก

รถสองคันขับออกไปนอกเมืองลอสแองเจลิสและหยุดลง ชาวเม็กซิกันสองสามคนลงมาจากรถ

โดยมีหัวหน้าใหญ่ของแก๊งเม็กซิกันเป็นคนจัดการ

พวกเขาสูบบุหรี่รอที่รถเพื่อรอให้อีกฝ่ายมา

หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาทีในที่สุดพวกเขาก็เห็นแสงไฟมาจากระยะไกล

รถสองคันขับมาจากระยะไกลและหยุดห่างออกไป 20 เมตร

ไฟหน้าของทั้งสองฝั่งส่องสว่างใส่กันและวิคเตอร์กับคนของเขาก็ลงจากรถ

หัวหน้าของแก๊งเม็กซิกันมองไปที่วิคเตอร์และทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม "สวัสดีคุณมาครอน ในที่สุดคุณก็มาถึงสักที"

.................................................

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด