ตอนที่แล้วบทที่ 805 โอกาสชนะน้อยมาก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 807 แกว่งเท้าหาตอ

บทที่ 806 ท้าทาย(ตอนฟรี)


บทที่ 806 ท้าทาย

ในสนามฝึกซ้อมของสมาคมคาราเต้ ตู้เส้าเฟิงจากสหพันธ์มหาวิทยาลัยกับตัวแทนจากประเทศเจี๋ยเผิงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ความเร็วของทั้งสองคนนั้นเร็วมาก การชกต่อยเป็นแบบถึงเนื้อถึงตัวโดยที่พวกเขาแทบจะไม่อาศัยชั้นเชิงใดๆทั้งสิ้น

“ไอ้บ้านั่น มันไปตายที่ไหน!” จางเล่ยนั่งกัดฟันอยู่ที่ด้านล่างของเวทีประลอง

“ในเกมนี้ตู้เส้าเฟิงจะต้องชนะ!” เฉินจิ้งยี่พูดขึ้น “เกมในตอนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ทำไมนายถึงมองโลกในแง่ร้ายจัง”

จางเล่ยได้แต่บ่นพึมพำ “เหล่าตู้มีฝีมือก็จริง แต่เขาเป็นคนซื่อจนเกือบจะบื้อ จะไปทันเล่ห์เหลี่ยมไอ้พวกผีน้อยพวกนั้นได้ยังไง หรือต่อให้เขาชนะเกมนี้ ก็ยังเหลือไอ้พวกสารเลวเจี๋ยเผิงอีกตั้งสามคน ตอนนี้ฝ่ายเราเหลือแค่ลู่เหว่ยซินคนเดียวเท่านั้น ดูยังไงโอกาสชนะก็แทบไม่มี!”

“นิสัยเขาอาจจะซื่อ แต่เขาไม่ใช่คนโง่ในเกมการต่อสู้แน่นอน ใครจะรู้ บางทีตู้เส้าเฟิงอาจจะเอาชนะตัวแทนจากเจี๋ยเผิงที่เหลือทั้งหมดเลยก็ได้!” ฮั่นเจิ้นเฟิงกล่าว

“พูดไปเรื่อย!” จางเล่ยกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด “ไอ้พวกเจี๋ยเผิงมันต้องเอาไม้ตายไว้หลังสุดอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเหล่าตู้หรือว่าลู่เหว่ยซิน ระดับฝีมือก็ไม่ได้ต่างกันมาก แล้วต้องมาสู้กับคนที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน อัตราการชนะอยู่ที่ห้าสิบห้าสิบ แล้วถ้าเจอคนที่แข็งแกร่งกว่า เราทุกคนก็จบสิ้นแล้ว!”

“จางเล่ย ทำไมนายพูดมากจัง!” เฉินจิ้งยี่พูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมต้องคิดว่าเราจะต้องแพ้ตลอดเลย?!”

“แล้วถ้าไอ้พวกนั้นมันเก็บไม้ตายไว้หลังสุดจริงๆล่ะ?” จางเล่ยถาม “เราจะยังไม่แพ้อยู่อีกหรือเปล่า?”

“แล้วทำไมถึงคิดว่าเราจะสู้ไม่ได้!” เฉินจิ้งยี่กลอกตาใส่เขา “ยังไงเราก็ไม่แพ้แน่นอน!”

“เออๆ ช่างมันเถอะ!” จางเล่ยส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “จริงๆถ้าเราทำตามกฎชนะสามในห้า เราก็แพ้ไปแล้วล่ะ!”

“ฮึ่ม!” เฉินจิ้งยี่พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วไม่สนใจจางเล่ยอีก

“ไอ้บ้า ไอ้เพื่อนเวร ถ้าเราแพ้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันจะเตะเขาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยคอยดู!” จางเล่ยกัดฟันและบ่นพึมพำ แต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่บนเวทีประลอง “ขอร้องล่ะ เหล่าตู้ จัดการไอ้พวกผีน้อยพวกนี้ให้หมอบราบคาบแก้วไปเลย!”

“ดูจากเกมการแข่งแล้วก็ไม่ได้แย่อะไรนะ นายบ่นอะไรพึมพำคนเดียวอยู่ได้!” ชายคนหนึ่งนั่งลงข้างๆจางเล่ยและถามด้วยรอยยิ้ม

“อย่ายุ่ง มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!”

จางเล่ยตอบกลับอย่างหงุดหงิดแล้วหันหน้ามาเพื่อจะด่าต่อ “อย่ามารบกวน... เจ้าบ้า?!”

คนที่นั่งลงข้างๆจางเล่ยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจี้เฟิง

“อ่าหะ ฉันเอง!”

“ไอ้บ้าเอ๊ย!” จางเล่ยสบถอย่างโกรธเคือง “กว่าจะโผล่หัวมาได้นะ ฉันนึกว่านายตกท่อตายไปแล้วซะอีก!”

จี้เฟิงหัวเราะและมองไปยังเวทีประลองจากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้มาสายจนเกินไป อืม... เหล่าตู้สู้ได้ดีทีเดียว คาดว่าไม่เกินสิบวินาทีเขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้!”

“จริงเหรอ?!” จางเล่ยตกตะลึง จากนั้นก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เหล่าตู้เก่งมากเลยเหรอ?”

จี้เฟิงชี้ไปที่เวที “ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูด้วยตาตัวเองก็แล้วกัน แค่สิบวินาที”

จางเล่ยหันหน้าไปทันที เขาตั้งใจดูตู้เส้าเฟิงและตัวแทนเจี๋ยเผิงที่กำลังซัดกันอย่างดุเดือดบนเวทีโดยไม่กะพริบตาเพื่อที่จะได้เก็บทุกรายละเอียด

จี้เฟิงดูการแข่งขันอย่างสบายๆ ไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าเขาเพิ่งจะมาถึงและดูการแข่งขันในรอบของตู้เส้าเฟิงไปเพียงไม่กี่กระบวนท่า แต่เขาสามารถเห็นได้ว่า แม้ตู้เส้าเฟิงจะโจมตีอย่างรุนแรงราวกับใช้พลังทั้งหมดที่เขามี และทุกหมัดก็เต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลจริงๆ แต่ที่จริงแล้ว เขาเก็บแรงไว้ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะรอโอกาสให้อีกฝ่ายเผยจุดอ่อน และอาศัยจังหวะเวลานั้นโจมตีอย่างรุนแรง

ในตอนที่จี้เฟิงกำลังพูดกับจางเล่ย จู่ๆการโจมตีของตู้เส้าเฟิงก็รุนแรงขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาพบมันแล้ว และใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อล้มคู่ต่อสู้

“ตู้ม—!”

ตู้เส้าเฟิงซึ่งมีร่างกายใหญ่โตกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่บนเวทีประลอง เขาเหมือนกับเนินเขาลูกใหญ่ที่กำลังเคลื่อนที่ตลอดเวลา ทุกหมัดที่เขาชกออกไปนั้นรุนแรงและทรงพลังมาก แม้ว่าตัวแทนฝ่ายเจี๋ยเผิงจะสามารถตั้งการ์ดป้องกันเอาไว้ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถตอบโต้หรือทำอย่างอื่นได้เลย เขาได้แต่ถอยร่นไปด้านหลังทีละก้าว ร่างกายของเขาเริ่มสั่น

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

ในที่สุด ตัวแทนของฝ่ายเจี๋ยเผิงก็ถูกกดดันให้โต้ตอบ ทันใดนั้นเขาชกหมัดออกไป ต่อด้วยการย่อตัวลงและกวาดขวาไปที่ช่วงล่างของตู้เส้าเฟิง

แต่แท้จริงแล้ว หมัดที่ฝ่ายเจี๋ยเผิงชกออกไปเป็นเพียงท่าหลอก เป้าหมายของเขาจริงๆคือขาของตู้เส้าเฟิง

“มันจบแล้ว”

ดวงตาของจี้เฟิงหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ “ช่างน่าสงสารจริงๆ”

“นายพูดอะไร?!” จางเล่ยรู้สึกงุนงงและถามโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง

วินาทีถัดมา ก่อนที่จี้เฟิงจะอ้าปากตอบ การต่อสู้บนเวทีก็ทำให้จางเล่ยตกตะลึง

ในขณะที่ตัวแทนฝ่ายเจี๋ยเผิงกวาดขาไปที่ตู้เส้าเฟิง เขาไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยงกลับเตะสวนออกไปและปะทะเข้ากับขาของตัวแทนฝ่ายเจี๋ยเผิงในทันที

“เปรี้ยง—!”

“อ๊ากก!!” ตัวแทนฝ่ายเจี๋ยเผิงกรีดร้องออกมาในทันทีแทบจะพร้อมกับที่ตัวของเขาลอยกระเด็นเหนือเชือกของเวทีประลอง

“ตุ้บ—!”

ตัวแทนฝ่ายเจี๋ยเผิงที่ถูกเตะกระเด็นลอยมากระแทกกับพื้น บรรยากาศในตอนนั้นเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว

ต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหนถึงได้เตะผู้ชายร่างกายบึกบึนจนลอยออกนอกเวทีไปโดยการเตะเพียงครั้งเดียว?

“แปะๆๆๆ—!!”

จางเล่ยลุกขึ้นยืนปรบมือเสียงดังทันที “เหล่าตู้ ทำได้ดีมาก! ไอ้พวกผีน้อยมันต้องโดนแบบนี้!”

“สู้ได้ดีมาก!”

“สุดยอดไปเลย!”

คนอื่นๆก็พากันตะโกนเชียร์กันเสียงดังลั่น บรรยากาศภายในงานก็เปลี่ยนไปทันที มันเต็มไปด้วยเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้อง นักศึกษาของสหพันธ์มหาวิทยาลัยตื่นเต้นมาก หลังจากที่ฝ่ายเจี๋ยเผิงเอาแต่พูดพล่ามอวดดีมาสามเกม ในที่สุดก็มีปรมาจารย์ตัวจริงออกมาเตะผู้เล่นฝ่ายเจี๋ยเผิงจนร่วงเวที ช่างเป็นภาพที่ทำให้มีความสุขจริงๆ!

“ตาคนนี้นี่น๊า..” เฉินจิ้งยี่เหลือบมองจางเล่ยและส่ายหัว แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม

จี้เฟิงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ ดูเหมือนว่าระหว่างทั้งสองคนนี้จะมีอะไรบางอย่าง.. พวกเขากำลังคบกันอยู่จริงๆงั้นเหรอ?

“ต่อไป!” ตู้เส้าเฟิงที่ยืนอยู่บนเวทีประลองตะโกนเสียงดังลั่นและมองไปยังตำแหน่งที่นั่งของฝ่ายเจี๋ยเผิง

พิธีกรที่ยืนอยู่นอกเวทีพูดผ่านไมโครโฟนทันที “เพื่อนนักศึกษา ตามระเบียบแล้ว คุณควรกลับเข้าตำแหน่งเพื่อไปนั่งพักก่อน”

สุดท้ายแล้ว พิธีกรก็แอบเข้าข้างฝ่ายของตัวเอง เมื่อเห็นว่าตู้เส้าเฟิงต่อสู้สองครั้งติดต่อกัน เขาก็รีบเตือนทันที

ตู้เส้าเฟิงไม่อวดเก่ง เมื่อได้ยินแบบนี้ เขาก็เดินลงไปด้านข้างเวทียังตำแหน่งของตัวเองเพื่อรอผู้เล่นคนต่อไปจากเจี๋ยเผิง หลังจากแข่งไปสองเกมติดต่อกัน อันที่จริงเขาก็เสียแรงไปมากทีเดียว ถ้าเขามีโอกาสได้พัก เขาก็จะไม่จำเป็นต้องเสียโอกาสนี้ไปเปล่าๆ

ในสถานการณ์เช่นนี้ คนที่เอาชนะผู้เล่นฝ่ายเจี๋ยเผิงได้อย่างตู้เส้าเฟิงก็ไม่ต่างจากฮีโร่สุดเท่ แต่เขาจะไม่ทำอะไรที่มันเกินตัว ความเท่ไม่ทำให้เขาหายเหนื่อยได้ การพักคือสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้

“เหล่าตู้เล่นได้ดีจริงๆ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาแข่งเป็นคนที่เท่าไหร่?”

“สี่!” ฮั่นเจิ้นเฟิงกล่าวว่า “สามคนแรกฝ่ายเราพ่ายแพ้ทั้งหมด ดังนั้นเราเลยต้องให้เหล่าตู้ลงเล่นเป็นคนที่ 4 ส่วนคนสุดท้ายคือลู่เหว่ยซิน!”

“สามเกมแรกไม่ถือว่าพ่ายแพ้จริงๆซักหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ผีน้อยมันหน้าด้านเล่นขี้โกง รอบของเฟิงเซี่ยซ่งจะแพ้ได้ยังไง!” จางเล่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ “แต่หลังจากนี้ฉันก็ไม่แน่ใจว่าไอ้พวกเจี๋ยเผิงเวรนั่นมันจะเก็บคนเก่งๆไว้ท้ายสุดหรือเปล่า แต่ในเมื่อนายมาอยู่นี่แล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล!”

“ฉันอยู่ที่นี่แล้วมันไปเกี่ยวอะไร?” จี้เฟิงกางมือ “ฉันไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มแลกเปลี่ยนหรือสมาคมศิลปะการต่อสู้ใดๆเลย ฉันแค่มาดูการแข่งขันเหมือนนักศึกษาคนอื่นๆ คนที่ต้องลงไปเล่นยังไงก็ต้องเป็นคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้ที่ถูกกำหนดไว้แต่แรกอยู่ดี!”

“นายจะไม่ลงไปเล่นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นอัตราการชนะของเราก็ยังอยู่ขั้นสุ่มเสี่ยงอยู่!” จางเล่ยขมวดคิ้วทันที “ตอนนี้เราเหลือแค่เหล่าตู้กับเหว่ยซินเท่านั้น ฝ่ายเจี๋ยเผิงยังมีอีกสามคน แล้วเหล่าตู้ก็เล่นไปแล้วสองเกม ความสมดุลไม่มีเลย! เฮ้อ—!”

จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลย เหล่าตู้น่าจะยังเล่นได้อีกหนึ่งเกม จากนั้นก็จะเหลือแค่สอง และถ้าหากแพ้ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราไม่จำเป็นต้องเอาชนะในการต่อสู้แบบนี้อยู่แล้ว!”

“โทษนะ!” จางเล่ยเบ้ปาก “นายพูดเหมือนง่ายอ่ะ! นายไม่เห็นเหรอว่าไอ้พวกเจี๋ยเผิงมันปากดีอวดเก่งขนาดนั้น มันพร้อมจะถ่มถุยเราตลอดเวลา แล้วก่อนที่นายจะมา มันก็บอกว่าศิลปะการต่อสู้ของจีนทำให้มันผิดหวัง การต่อสู้ของพวกมันไม่จำเป็นต้องใช้กฎใดๆมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะชนะ แล้วนายคิดว่าไอ้พวกที่มีตรรกะความคิดแบบนี้เวลามันชนะมันจะไม่ยิ่งปากดีใส่เราเหรอ?”

“ไม่ว่าผลจะออกมายังไง นายคิดว่าจะทำให้คนเจี๋ยเผิงมันเลิกบ้าได้เหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม

“แปลก ทำไมคนเจี๋ยเผิงถึงยังไม่ส่งคนขึ้นมาอีก” ฮั่นเจิ้นเฟิงพูดและขมวดคิ้ว

“โอ๊ย! จะอะไรซะอีก พวกมันก็คงคุยกันว่าจะโกงยังไงดี ไอ้สารเลวเจี๋ยเผิงชอบใช้กลอุบายสมคบคิด!” จางเล่ยพูดอย่างดูถูก

“ทุกคน!”

ในขณะนั้น จู่ๆเสียงที่เป็นภาษาจีนเพี้ยนๆก็ดังออกมาจากลำโพงของสนาม “ตามกฎที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าหากชนะสามในห้าเกมก็เท่ากับว่าประเทศเจี๋ยเผิงของเราชนะในเกมการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว และพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะส่งตัวแทนลงไปแข่งอีกถูกหรือไม่?”

สายตาของพวกเขาหันไปมองผู้ที่ถือไมโครโฟน และพบว่าเป็นชายหนุ่มชาวเกาะที่มีผมยาวรวบเป็นหางม้าสูงไว้ด้านหลังและมีผมข้างหน้าปิดตาไว้ข้างหนึ่ง เขากำลังพูดและมองมายังที่นั่งฝั่งนักศึกษาของสหพันธ์มหาวิทยาลัย

“ไอ้เวร! สองสามเกมแรกชนะด้วยเล่ห์เหลี่ยม พอตอนนี้เห็นว่าเรามียอดฝีมือจริงๆ คงคิดไม่ถึงเลยจะหาเรื่องอ้างไปเรื่อยสินะ!” นักศึกษาที่อยู่ด้านล่างตะโกนด่าด้วยความโกรธ

แต่ความโกรธนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกจากตะโกนด่าโวยวาย เพราะถ้าพูดกันตามกฎที่กล่าวไว้ในข้างต้น ฝ่ายเจี๋ยเผิงได้ชนะไปก่อนแล้วจริงๆจากสามในห้าเกม!

“ไอ้หมอนี่มันชื่อซาซากิ แล้วก็มันนี่แหละที่พูดจาอวดดีในวันที่มีประชุมต้อนรับ!” จางเล่ยกัดฟันกรอด “แม่งหัวหมอมาก!”

“ฉันรู้จักเขา” จี้เฟิงพูดเบาๆ

เมื่อได้ฟังคำด่าและการโวยวายของเหล่านักศึกษาที่อยู่ด้านล่าง ซาซากิก็ยิ้มเบาๆและกล่าวว่า “พวกคุณเพิ่งพูดถึงการทำตามกฎระเบียบ แล้วทำไมตอนนี้พวกคุณไม่ทำตามกฎที่ตัวเองพูดไว้บ้างล่ะ?”

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เพียงแอบสาปแช่งอยู่ในใจ ไอ้สารเลวเจี๋ยเผิงคนนี้มันฉลาดแกมโกงจริงๆ ตอนนี้กล้าเอากฎมาอ้าง!

“แน่นอน ฉันรู้ว่ามีตัวแทนของเราที่ทำผิดพลาดไปบ้าง แต่มันเป็นเพราะเราไม่คุ้นเคยกับกฎของประเทศคุณ ดังนั้นอาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมไปบ้าง แต่ความจริงก็คือความจริง พวกเราได้ชนะในสามรอบแรกไปแล้ว แต่พวกคุณกลับไปเต็มใจที่จะยอมรับความจริงในข้อนี้!”

ซาซากิหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าวต่อไปว่า “กฎที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะสื่อสารกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีการเข้าใจผิดกันอยู่ดี แล้วทำไมเราถึงไม่ทำอะไรที่มันท้าทายกว่านี้ล่ะ? ส่งผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละฝ่ายมาดวลกัน ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ใดๆให้วุ่นวาย จะผ่านมากี่รอบก็ช่างมัน ให้แพ้ชนะอยู่ที่การแข่งในรอบนี้ พวกคุณคิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอของฉัน?”

“ไอ้เลวเจี๋ยเผิงคนนี้มันพยายามจะทำอะไร?” จางเล่ยขมวดคิ้วทันที “พอเห็นว่าเหล่าตู้เก่งมาก มันก็จะเปลี่ยนรูปแบบเกม กลัวว่าจะแพ้สินะ!”

ข้อเสนอของซาซากิทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างมากมายในสถานที่จัดงาน บรรดาผู้นำต่างก็หันหน้าไปกระซิบกระซาบปรึกษากัน ราวกับว่าพวกเขาพูดคุยถึงเรื่องนี้กันอยู่

ต่อมาผู้นำของสหพันธ์มหาวิทยาลัยเรียกพิธีกรไปและพูดอะไรบางอย่างสองสามคำ

“แต่ถ้าหากพวกคุณไม่กล้ารับคำท้า แน่นอนว่าการแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ ประเทศเจี๋ยเผิงของเราเป็นฝ่ายชนะ!” ซาซากิพูดเบาๆด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่เหมือนผู้หญิง

…จบบทที่ 806~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด