ตอนที่ 9 เขาเป็นคนของข้า
ชายแดนใต้ของภูมิภาคเหนือ
หน้าผาทอดยาวหลายพันลี้
ส่วนลึกห่อหุ้มด้วยหมอก มันไม่สามารถมองได้ไกลเกินครึ่งเมตร
ใต้หน้าผานี้ ซึ่งนกยากจะบินผ่าน มีสำนักมารอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ตั้งอยู่
สำนักมารยักษ์ขุมนรก!
ผ่านชั้นหมอก มีสิ่งก่อสร้างมากมาย
บ้านหลังกระจัดกระจายทั่ว
มันวิเศษมากที่สามารถสร้างอะไรแบบนี้ได้ใต้หน้าผา!
วังตรงกลางหรูหรามาก หลังคาทองนั้นแผ่แสงไร้สิ้นสุด มีป้ายดำแขวนอยู่เหนือประตูด้วยตัวอักษรสีเลือดขนาดใหญ่
ยักษ์มาร!
ภายในวัง
สาวงามสามารถเห็นได้เลือนรางด้านหลังม่าน
ร่างนางเอนนอนบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน แม้หน้าตานางจะไม่อาจเห็น แต่ทุกการกระทำของนางก็มีเสน่ห์ล้น
ผู้ส่งสารคุกเข่าอยู่บนพื้น หัวของเขาก้มต่ำ ดวงตาไม่กะพริบ
เพราะเขารู้ว่าถ้าเขากล้าแหงนหน้ามอง หัวของเขาจะหลุด
“ฝ่าบาท มีเบาะแสมาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ขอรับ”
“พูดมา”
ผู้ส่งสารในชุดดำพูด“ห้าวันก่อน ซูสือ ผู้นำของเมืองเฟิงซาได้ประมือกับจ้านชิงเฉิง ผู้นำศิษย์ของศาลาเทียนจีและผลลัพธ์ก็ไม่อาจรู้ได้”
“แต่จ้านชิงเฉิงกลับสำนักไปคืนนั้น ส่วนซูสือไม่มีข่าวใดหลุดออกมาเลย เขาน่าจะ…”
“ตายไปแล้ว”
ผู้หญิงพูดอย่างไม่แยแส“จ้านชิงเฉิงอยู่ที่อาณาจักรแก่นทองคำ ส่วนซูสือเป็นแค่ก่อตั้งรากฐานขั้นปลาย เขาจะต้องตายแน่”
“น่าเสียดาย ข้ายังอยากใช้ตระกูลซูเพื่อเข้าเมืองหนานลี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนแผนจะต้องระงับไป”
น้ำเสียงนางไม่มีความผันผวนสักนิด ราวกับนางไม่สนใจความตายของซูสือ
ผู้ส่งสารถาม“ด้วยการตายของซูสือ เราจะจัดการกับเมืองเฟิงซาอย่างไรขอรับ?”
“แค่หาคนมาดูแลแทน มันก็แค่เมืองเล็กๆ ไม่เห็นต้องใส่ใจมาก”
พอพูดถึงจุดนี้ นางก็ดูเหนื่อยและโบกมือ”เจ้าไปได้แล้ว’
“ขอรับ”
ผู้ส่งสารก้มหัวและถอยไป
โถงใหญ่เงียบสงัด
หลังผ่านไปสักพัก เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นด้านหลังม่าน
“ซูสือ…เขาดูเหมือนจะอยู่ในการดูแลของข้าตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ ใช่ไหมนะ?”
“แม้เขาจะมีพรสวรรค์ดาษดื่นและโง่ แต่ยังไงซะ เขาก็เป็นคนของข้า ไม่ใช่ใครที่เจ้าจะฆ่าได้ตามใจชอบ”
“ผีสิบสอง”
“ผู้น้อยอยู่นี่”
อากาศปั่นป่วนที่มุมวังและเงามืดก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ไปบอกเชิ่นไป่หู่ให้ออกประกาศิตสังหารทมิฬ ข้าอยากให้จ้านชิงเฉิงตาย!”
“ขอรับ”!
..
ตำหนักยา
ซูสือสวมชุดคลุมสีขาวตัวกว้าง
เขาหล่อเหลามาก คิ้วโก่งประกุจดาบ ดวงตาพร่างพราย เหมือนสุภาพบุรุษ
จ้านชิงเฉิงจ้องเขาตาเป็นมัน
ทำไมข้าถึงไม่รู้เลยว่าเขาหล่อขนาดนี้?
“ซูสือ เจ้าอยากไปจริงๆหรือ?”
จ้านชิงเฉิงถาม
ซูสือพยัหกน้า“ไม่มีกำแพงใดในโลกที่เจาะไม่ได้ หากข่าวที่ว่าข้าอยู่ที่นี่กระจายไป มันคงไม่เป็นผลดีต่อทั้งท่านและข้า”
เหนือสิ่งอื่นใด ตำหนักยาคือที่พักของศาลาเทียนจี
ในฐานะแม่ทัพมาร มันเสี่ยงมากสำหรับเขาที่จะอยู่ที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น การประมือของเขากับจ้านชิงเฉิงไม่ใช่ความลับ
หลังไร้ข่าวนาน เขายังไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายแบบใดในเมืองเฟิงซา
แต่ด้วยนิสัยของจักรพรรดินีมาร ข้าเกรงว่านางคงไม่สนว่าข้าจะอยู่หรือตาย
ซูสือส่ายหัวและยิ้มขมขื่น
จ้านชิงเฉิงดูหม่นหมอง
นางเข้าใจเหตุผลทั้งหมด แต่พอถึงเวลาต้องแยกจาก หัวใจนางกลับไม่เต็มใจ
มันแปลกที่จะพูด
นางอยู่คนเดียวมาก่อนและไม่รู้สึกผิดอะไร แต่หลังใช้เวลาร่วมกับซูสือ ความโดดเดี่ยวก็กลายเป็นทนไม่ได้
ซูสือพูดปลอบ“สถานที่นี้ไม่ไกลจากเมืองหนานลี่ หัวหน้าจ้านสามารถไปเยี่ยมข้าได้”
“ไปบ้านเจ้า?”
หัวใจของจ้านชิงเฉิงเต้นกระหน่ำ
นี่เท่ากับว่าข้ากำลังจะไปพบพ่อแม่ของเขา?
ซูสือมองความคิดนางออกและยิ้ม“ไม่เห็นต้องประหม่าเลย ลูกสะใภ้น่าเกลียดไปพบกับพ่อตาเป็นเรื่องที่ต้องเกิด”
“ข้าไม่ได้น่าเกลียด!’
“ไม่ ข้ายังไม่ใช่ลูกสะใภ้!”
จ้านชิงเฉิงพ่นลมด้วยความโกรธและหยิกเขา
หลังถูกเขากวน ความเศร้าก็หายไปบ้าง
ซูสือยื่นมือไปดึงนางเข้าอ้อมกอด ลูบผมนางอย่างอ่อนโยน
“หัวหน้าจ้าน ข้าคงจะคิดถึงท่าน’
มันเริ่มจากความเข้าใจผิด
แต่หลังอยู่ด้วยกันหลายวัน เขาก็ชอบนางจริงๆ
จ้านชิงเฉิงพ่นลม“แต่ข้าไม่คิดถึงเจ้าเลย”
แม้นางจะพูดงั้น แต่มือนางยังเกาะเขา ไม่ยอมปล่อย
พอสูดกลิ่นหอมของตัวนาง ซูสือก็ขยิบตา“ในเมื่อเราจะแยกจากกัน หัวหน้าจ้านจะให้อะไรข้าสักอย่างได้ไหม?”
จ้านชิงเฉิงเงยหน้า“อะไร…อื้มม!”
คำพูดพลันหยุด
ดวงตางามนางเบิกกว้าง แม้กระทั่งติ่งหูก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดง ตัวของนางแข็งเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง
หลังผ่านไปนาน ทั้งสองถึงแยก
นางยังยืนนิ่งกับที่ ราวกับนางเสียวิญญาณไป
ซูสือโน้มตัวเข้าใกล้หูนางและกระซิบ“หัวหน้าจ้าน ท่านหวานจริงๆ”
“เจ้า เจ้าคนฉวยโอกาส!!”
จ้านชิงเฉิงได้สติ ใบหน้างามของนางแดงก่ำและรีบยกมือตีเขา
แต่ซูสือหลบหนีไปก่อน
นางกระทืบเท้าด้วยความอาย
“เจ้าคนนิสัยไม่ดี!”
หลังผ่านไปนาน นางถึงสงบ
“ความรู้สึกนี้..คือความรักงั้นเหรอ?”
สับสน เขินอาย ไม่สบายใจและโหยหา
ความรู้สึกนี้เติมเต็มหัวใจนางและทำให้จ้านชิงเฉิงงุนงงไปชั่วขณะ
ตอนนี้ เสี่ยวชิงเดินมา
“หะ ซูสือไปไหน?”
จ้านชิงเฉิงกระซิบ“ไปแล้ว”
“เจ้าคนอกตัญญู เขาไม่บอกข้าเลยว่าจะไป”
เสี่ยวชิงพึมพำอย่างโกรธๆ“ข้าดูแลเขาตั้งหลายวัน แต่ไม่บอกลาอะไรข้าเลยเนี่ยนะ?”
จ้านชิงเฉิงตวัดตามองนาง“เจ้าทำความสะอาดกระท่อมเสร็จแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู ทำไมรอบๆปากท่านเลอะ?วันนี้ท่านทาริมฝีปากไม่ดีหรือ?”
“..ข้าตัดสินใจแล้ว”
“ตัดสินใจอะไรเจ้าคะ?”
“หักเงินเจ้าอีกหกเดือน”
“..”