ตอนที่แล้วตอนที่ 5 โปรดรับความรู้สึกของข้าด้วย 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 ป้อน

ตอนที่ 6 อาณาจักรแก่นทองคำ


กล่องของขวัญเปิด

แสงสีทองลอยขึ้นและเข้าคิ้วของซูสือ

มันราวกับกระแสอบอุ่นฉีดเข้าตัวเขา หล่อเลี้ยงเส้นปราณและลบล้างความไม่บริสุทธิ์ เปลี่ยนรากกระดูกเขาให้กลมกลืนอย่างสมบูรณ์แบบ

พลังวิญญาณไหลเข้าตัวเขา ชำระล้างจุดตันเถียน

แม้กระทั่งหน้าอกก็ยังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ปราณและเลือดที่อ่อนแอกลายเป็นพลุ่งพล่าน ตัวของเขาเต็มไปด้วยพลัง

“สุดยอด!”

ซูสือพ่นลมหายใจยาว

เขาเหยียดแขน ขยับกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดเสียงดัง

เปิดหน้าต่างระบบ!!

[เจ้าของ : ซูสือ]

[สถานะ : ปราณและเลือดเต็มที่]

[พรสวรรค์ : ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์]

[ฐานบ่มเพาะ : อาณาจักรแก่นทองคำ(ขั้นต้น)]

[เคล็ดบ่มเพาะ : เคล็ดลมหายใจแห่งขุมนรก(บรรลุอย่างมาก) เคล็ดบ่มเพาะเทพขุมนรก(บรรลุเล็กน้อย)]

[ค่าโครงเรื่อง : สิบแต้ม]

“รอเดี๋ยว อาณาจักรแก่นทองคำขั้นต้น?”

ซูสือหน้าเปลี่ยนสี รีบมองไปในตันเถียนของเขา

เขาเห็นแก่นทองคำลอยอยู่ใจกลางตันเถียนเขา ราวกับมันคือดวงอาทิตย์เจิดจ้า

ปราณถูกบีบอัดโดยแกนทองคำเรื่อยๆ คุณภาพมันแกร่งกว่าเดิมไม่รู้กี่ตัว

ทะลวงผ่านจริงๆ!

เขามึนงงไปชั่วขณะ

นี่คืออาณาจักรแก่นทองคำ!

ดั่งคำที่พูดว่า’ก่อตั้งรากฐานมีอยู่เพื่อตรัสรู้แก่ดวงวิญญาณ ส่วนแก่นทองคำมีอยู่เพื่อแปรเปลี่ยนกระดูก”

ถ้าก่อตั้งรากฐานคือขั้นเริ่มต้นของการบ่มเพาะ งั้นอาณาจักรแก่นทองคำก็คือการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของกระดูก

แต่การจะบ่มเพาะปราณให้กลายเป็นแกนเช่นนี้ยากแค่ไหน?

ตลอดประวัติศาสตร์ มีน้อยคนที่จะเข้าสู่อาณาจักรแก่นทองคำได้ด้วยวัยยี่สิบ

ซูสือคือก่อตั้งรากฐานขั้นปลายและดูเหมือนจะอยู่ห่างจากอาณาจักรแก่นทองคำแค่ก้าวเดียว แต่เขารู้ในใจว่าหากปราศจากโอกาส มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี

แต่ตอนนี้ เขาหลอมแก่นทองคำได้แล้ว!

ผลของพรสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ควบคู่กับการชำระล้างไขกระดูกและแก่นแท้ช่างน่ากลัว

“วิเศษ!”

มีเหลือแต้มอีกสิบ ซูสือจึงเปิดกล่องสุ่มอีกกล่อง ถือคติที่ว่าตีเหล็กต้องตีตอนที่มันยังร้อน

[เคล็ดวิชา : ฝ่ามือหกประสานแปดพิสดาร]

คิ้วของซูสือเลิกคิ้ว “เคล็ดวิชา?!”

เคล็ดวิชาแบ่งเป็นสี่ระดับ“สวรรค์ โลก ลี้ลับและทองคำ”

เคล็ดวิชาส่วนใหญ่ที่หมุนเวียนในโลกคือระดับทอง ส่วนระดับโลกถือว่าหายากมาก และถ้าเข้าใจระดับลี้ลับ มันจะกลายเป็นผู้นำนิกายชั้นหนึ่งได้

สำหรับวิชาระดับสวรรค์ที่ทรงพลังสุด ส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยนิกายใหญ่และราชวงศ์

มีแค่สมาชิกหลักถึงมีสิทธิ์เรียนรู้

ซูสือ ในฐานะขุนพลมาร ผู้รับผิดชอบเรื่องของแดนตะวันตกเฉียงใต้ก็ยังได้เรียนวิชาแค่ระดับกึ่งลี้ลับ

นั่นคือที่นิกายมอบให้เขา

ซูสืออดใจรอไม่ไหวที่จะกลืนแสงสีทองและเขาก็เข้าใจมันอย่างสมบูรณ์แบบภายในไม่กี่อึดใจ

พลังปราณไหลในตัวเขาและบรรจบบนมือขวา ดอกบัวเขียวเบ่งบานในฝ่ามือ ล้อมเขาด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง

ก่อนเขาจะได้โจมตี เขารู้สึกถึงพลังทำลายล้างน่ากลัวของมัน!

และมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามระดับบ่มเพาะของเขา!

“ฝ่ามือหกประสานแปดพิสดารเป็นของข้า”

ซูสือยิ้มยกมุมปาก

แม้เขาจะไม่สุ่มได้รางวัลพิเศษ คุณภาพของชิ้นนี้ก็ดี

“พรสวรรค์บวกกับเคล็ดวิชา ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว!”

“แต่…”

“แล้วทางฝั่งจ้านชิงเฉิงละ?”

“ถ้านางรู้ว่าข้าโกหกนาง นางจะต้องกระทืบข้าจนตายแน่..”

รอยยิ้มซูสือหุบและเขาก็นวดขมับ

..

ห้องข้างๆ

จ้านชิงเฉิงนั่งตัวแข็งบนเตียง ดวงตานางเหม่อลอย

“มันจบแล้ว”

พอเจอกับการสารภาพรักของซูสือ นางตอบรับความรู้สึกเขาไป!

ตอนนี้นางเพิ่งสงบลงและตระหนักว่าตัวเองทำบ้าอะไรลงไป

นางคือผู้นำศิษย์ฝ่ายธรรมะ และอีกฝ่ายคือสมาชิกนิกายมาร ถ้าเรื่องนี้หลุดไป มันจะเกิดความวุ่นวาย

ไม่ต้องพูดถึงว่าศาลาเทียนจีย่อมไม่มีทางทนมันได้

“ข้าหุนหันพลันแล่นไป ข้าไปตอบรับการสารภาพรักของซูสือได้ไง?”

“แม้ความรู้สึกของเขาจะจริงใจ..แต่เขาก็คือสมาชิกของนิกายมาร!”

“แต่พอเห็นสภาพเขาวันนี้แล้ว ถ้าข้าปฏิเสธ เขาจะต้องเลือกฆ่าตัวตายแน่?”

จ้านชิงเฉิงไม่รู้เรื่องของผู้ชายและผู้หญิง

ความจริงที่อีกฝ่ายสารภาพตรงๆ จนถึงจุดที่ยอมถวายชีวิตเพื่อนางทำให้นางตกใจมาก

“นี่คือความรัก?”

พอนึกถึงสายตาหนักแน่นแต่อบอุ่นของเขา หัวใจนางก็เต้นแรง หัวนางดูเหมือนจะฝังฝนหมอน ปราศจากคราบของผู้นำศิษย์

ก้อก ก้อก ก้อก!

ตอนนี้ มีเสียงเคาะประตู

จ้านชิงเฉิงรีบนั่งตัวตรง ใบหน้านางกลับเป็นเย็นชา

“เข้ามา”

เสี่ยวชิงผลักประตูเข้ามา ถือกองเอกสารในมือ”คุณหนู ข้อมูลที่ท่านขออยู่นี่แล้ว’

จ้านชิงเฉิงพยักหน้า“อืม วางลงเลย”

เสี่ยวชิงวางบนโต๊ะ ก้มหัวและถอยไป

ขณะที่นางจะไปถึงประตู นางก็ได้ยินจ้านชิงเฉิงพูด“อย่าบอกให้ใครรู้ว่าซูสืออยู่ที่นี่ละ”

“แล้วสำนักละเจ้าคะ?”

“อย่าบอกใคร รวมถึงสำนัก”

“เจ้าค่ะ…”

เสี่ยวชิงลังเลไปชั่วขณะและพูด“คุรหนู ท่านดูเหมือนจะค่อนข้างสนใจในตัวซูสือ?”

จ้านชิงเฉิงมักรังเกียจความชั่วและไม่เคยแสดงความเมตตาตอนจัดการกับพวกที่หมกมุ่นในเต๋ามาร

ตอนนี้ไม่เพียงนางจะช่วยซูสือ นางยังปล่อยให้เขาอยู่ในตำหนักยา

“ข้ามีแผนของข้า แค่ทำตามที่ข้าบอก ไม่ต้องถาม”

เสียงของจ้านชิงเฉิงราบเรียบ แต่ปลายหูนางเริ่มแดง

“เจ้าค่ะ”

เสี่ยวชิงไม่กล้าถามเพิ่ม

ตอนนางออกไป จ้านชิงเฉิงนั่งเงียบๆสักพักก่อนเดินไปที่โต๊ะและหยิบกองกระดาษขึ้น

นางพลิกหน้าแรก ตัวอักษรหน้าแน่นเข้าสู่สายตานาง

[ซูสือ อายุ20 บุตรชายคนแรกของตระกูลซูแห่งเมืองหนานลี่..]

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด