ตอนที่ 6 อาณาจักรแก่นทองคำ
กล่องของขวัญเปิด
แสงสีทองลอยขึ้นและเข้าคิ้วของซูสือ
มันราวกับกระแสอบอุ่นฉีดเข้าตัวเขา หล่อเลี้ยงเส้นปราณและลบล้างความไม่บริสุทธิ์ เปลี่ยนรากกระดูกเขาให้กลมกลืนอย่างสมบูรณ์แบบ
พลังวิญญาณไหลเข้าตัวเขา ชำระล้างจุดตันเถียน
แม้กระทั่งหน้าอกก็ยังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ปราณและเลือดที่อ่อนแอกลายเป็นพลุ่งพล่าน ตัวของเขาเต็มไปด้วยพลัง
“สุดยอด!”
ซูสือพ่นลมหายใจยาว
เขาเหยียดแขน ขยับกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดเสียงดัง
เปิดหน้าต่างระบบ!!
[เจ้าของ : ซูสือ]
[สถานะ : ปราณและเลือดเต็มที่]
[พรสวรรค์ : ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสมบูรณ์]
[ฐานบ่มเพาะ : อาณาจักรแก่นทองคำ(ขั้นต้น)]
[เคล็ดบ่มเพาะ : เคล็ดลมหายใจแห่งขุมนรก(บรรลุอย่างมาก) เคล็ดบ่มเพาะเทพขุมนรก(บรรลุเล็กน้อย)]
[ค่าโครงเรื่อง : สิบแต้ม]
“รอเดี๋ยว อาณาจักรแก่นทองคำขั้นต้น?”
ซูสือหน้าเปลี่ยนสี รีบมองไปในตันเถียนของเขา
เขาเห็นแก่นทองคำลอยอยู่ใจกลางตันเถียนเขา ราวกับมันคือดวงอาทิตย์เจิดจ้า
ปราณถูกบีบอัดโดยแกนทองคำเรื่อยๆ คุณภาพมันแกร่งกว่าเดิมไม่รู้กี่ตัว
ทะลวงผ่านจริงๆ!
เขามึนงงไปชั่วขณะ
นี่คืออาณาจักรแก่นทองคำ!
ดั่งคำที่พูดว่า’ก่อตั้งรากฐานมีอยู่เพื่อตรัสรู้แก่ดวงวิญญาณ ส่วนแก่นทองคำมีอยู่เพื่อแปรเปลี่ยนกระดูก”
ถ้าก่อตั้งรากฐานคือขั้นเริ่มต้นของการบ่มเพาะ งั้นอาณาจักรแก่นทองคำก็คือการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของกระดูก
แต่การจะบ่มเพาะปราณให้กลายเป็นแกนเช่นนี้ยากแค่ไหน?
ตลอดประวัติศาสตร์ มีน้อยคนที่จะเข้าสู่อาณาจักรแก่นทองคำได้ด้วยวัยยี่สิบ
ซูสือคือก่อตั้งรากฐานขั้นปลายและดูเหมือนจะอยู่ห่างจากอาณาจักรแก่นทองคำแค่ก้าวเดียว แต่เขารู้ในใจว่าหากปราศจากโอกาส มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี
แต่ตอนนี้ เขาหลอมแก่นทองคำได้แล้ว!
ผลของพรสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ควบคู่กับการชำระล้างไขกระดูกและแก่นแท้ช่างน่ากลัว
“วิเศษ!”
มีเหลือแต้มอีกสิบ ซูสือจึงเปิดกล่องสุ่มอีกกล่อง ถือคติที่ว่าตีเหล็กต้องตีตอนที่มันยังร้อน
[เคล็ดวิชา : ฝ่ามือหกประสานแปดพิสดาร]
คิ้วของซูสือเลิกคิ้ว “เคล็ดวิชา?!”
เคล็ดวิชาแบ่งเป็นสี่ระดับ“สวรรค์ โลก ลี้ลับและทองคำ”
เคล็ดวิชาส่วนใหญ่ที่หมุนเวียนในโลกคือระดับทอง ส่วนระดับโลกถือว่าหายากมาก และถ้าเข้าใจระดับลี้ลับ มันจะกลายเป็นผู้นำนิกายชั้นหนึ่งได้
สำหรับวิชาระดับสวรรค์ที่ทรงพลังสุด ส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยนิกายใหญ่และราชวงศ์
มีแค่สมาชิกหลักถึงมีสิทธิ์เรียนรู้
ซูสือ ในฐานะขุนพลมาร ผู้รับผิดชอบเรื่องของแดนตะวันตกเฉียงใต้ก็ยังได้เรียนวิชาแค่ระดับกึ่งลี้ลับ
นั่นคือที่นิกายมอบให้เขา
ซูสืออดใจรอไม่ไหวที่จะกลืนแสงสีทองและเขาก็เข้าใจมันอย่างสมบูรณ์แบบภายในไม่กี่อึดใจ
พลังปราณไหลในตัวเขาและบรรจบบนมือขวา ดอกบัวเขียวเบ่งบานในฝ่ามือ ล้อมเขาด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
ก่อนเขาจะได้โจมตี เขารู้สึกถึงพลังทำลายล้างน่ากลัวของมัน!
และมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามระดับบ่มเพาะของเขา!
“ฝ่ามือหกประสานแปดพิสดารเป็นของข้า”
ซูสือยิ้มยกมุมปาก
แม้เขาจะไม่สุ่มได้รางวัลพิเศษ คุณภาพของชิ้นนี้ก็ดี
“พรสวรรค์บวกกับเคล็ดวิชา ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว!”
“แต่…”
“แล้วทางฝั่งจ้านชิงเฉิงละ?”
“ถ้านางรู้ว่าข้าโกหกนาง นางจะต้องกระทืบข้าจนตายแน่..”
รอยยิ้มซูสือหุบและเขาก็นวดขมับ
..
ห้องข้างๆ
จ้านชิงเฉิงนั่งตัวแข็งบนเตียง ดวงตานางเหม่อลอย
“มันจบแล้ว”
พอเจอกับการสารภาพรักของซูสือ นางตอบรับความรู้สึกเขาไป!
ตอนนี้นางเพิ่งสงบลงและตระหนักว่าตัวเองทำบ้าอะไรลงไป
นางคือผู้นำศิษย์ฝ่ายธรรมะ และอีกฝ่ายคือสมาชิกนิกายมาร ถ้าเรื่องนี้หลุดไป มันจะเกิดความวุ่นวาย
ไม่ต้องพูดถึงว่าศาลาเทียนจีย่อมไม่มีทางทนมันได้
“ข้าหุนหันพลันแล่นไป ข้าไปตอบรับการสารภาพรักของซูสือได้ไง?”
“แม้ความรู้สึกของเขาจะจริงใจ..แต่เขาก็คือสมาชิกของนิกายมาร!”
“แต่พอเห็นสภาพเขาวันนี้แล้ว ถ้าข้าปฏิเสธ เขาจะต้องเลือกฆ่าตัวตายแน่?”
จ้านชิงเฉิงไม่รู้เรื่องของผู้ชายและผู้หญิง
ความจริงที่อีกฝ่ายสารภาพตรงๆ จนถึงจุดที่ยอมถวายชีวิตเพื่อนางทำให้นางตกใจมาก
“นี่คือความรัก?”
พอนึกถึงสายตาหนักแน่นแต่อบอุ่นของเขา หัวใจนางก็เต้นแรง หัวนางดูเหมือนจะฝังฝนหมอน ปราศจากคราบของผู้นำศิษย์
ก้อก ก้อก ก้อก!
ตอนนี้ มีเสียงเคาะประตู
จ้านชิงเฉิงรีบนั่งตัวตรง ใบหน้านางกลับเป็นเย็นชา
“เข้ามา”
เสี่ยวชิงผลักประตูเข้ามา ถือกองเอกสารในมือ”คุณหนู ข้อมูลที่ท่านขออยู่นี่แล้ว’
จ้านชิงเฉิงพยักหน้า“อืม วางลงเลย”
เสี่ยวชิงวางบนโต๊ะ ก้มหัวและถอยไป
ขณะที่นางจะไปถึงประตู นางก็ได้ยินจ้านชิงเฉิงพูด“อย่าบอกให้ใครรู้ว่าซูสืออยู่ที่นี่ละ”
“แล้วสำนักละเจ้าคะ?”
“อย่าบอกใคร รวมถึงสำนัก”
“เจ้าค่ะ…”
เสี่ยวชิงลังเลไปชั่วขณะและพูด“คุรหนู ท่านดูเหมือนจะค่อนข้างสนใจในตัวซูสือ?”
จ้านชิงเฉิงมักรังเกียจความชั่วและไม่เคยแสดงความเมตตาตอนจัดการกับพวกที่หมกมุ่นในเต๋ามาร
ตอนนี้ไม่เพียงนางจะช่วยซูสือ นางยังปล่อยให้เขาอยู่ในตำหนักยา
“ข้ามีแผนของข้า แค่ทำตามที่ข้าบอก ไม่ต้องถาม”
เสียงของจ้านชิงเฉิงราบเรียบ แต่ปลายหูนางเริ่มแดง
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวชิงไม่กล้าถามเพิ่ม
ตอนนางออกไป จ้านชิงเฉิงนั่งเงียบๆสักพักก่อนเดินไปที่โต๊ะและหยิบกองกระดาษขึ้น
นางพลิกหน้าแรก ตัวอักษรหน้าแน่นเข้าสู่สายตานาง
[ซูสือ อายุ20 บุตรชายคนแรกของตระกูลซูแห่งเมืองหนานลี่..]