Ep.401 - แข็งแกร่งขึ้น
1/3
Ep.401 - แข็งแกร่งขึ้น
จ้าวหมิงกล่าวว่า “พวกเราไปได้ 6 เมืองแล้ว มีสี่เมืองประสบความสำเร็จในการติดต่อเบื้องต้น เมืองหนึ่งยังติดต่อไม่ได้ อีกเมืองล้มเหลวในการติดต่อ”
การติดต่อกับชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณมีความเสี่ยง
มีโอกาสที่จะล้มเหลวอยู่
ที่บอกว่าล้มเหลว มันหมายถึงการที่ทางเราแสดงเจตนาขอเข้าพบ แต่อีกฝ่ายไม่มีความคิดที่จะติดต่อ ไม่รับของขวัญ แต่ยื่นมีดให้แทน ฆ่าผู้ส่งสาร
ยังไงก็ต้องมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น แต่โชคดีก็คือจนถึงขณะนี้เกิดขึ้นแค่เมืองเดียวเท่านั้น
และเมืองที่ว่าจะถูกบันทึกไว้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ขวากหนามเหล่านั้นจะถูกถอนรากถอนโคน
จ้าวหมิงกล่าวต่อ “สี่เมืองแม้ยินดีติดต่อกับเรา แต่พวกเขายังมีความแคลงใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แสดงเจตนาที่ชัดเจน”
“อืม ขอแค่ติดต่อได้ก็พอ ที่เหลือค่อยๆเป็นขั้นเป็นตอนไป” ฮังอวี่พยักหน้า “เพราะยังไงซะ พวกเขายังไม่เชื่อมั่นในพลังรบของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เรื่องนี้จะตำหนิพวกเขาก็ไม่ได้ และต่อให้พวกเขาไว้ใจเรา แต่ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆมากพอ ก็ไม่มีทางที่ทั้งสี่เมืองจะช่วยยกพลไปโจมตีเมืองธารทะเลทราย”
จ้าวหมิงกล่าว “ถูกต้อง พวกเราต้องสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อน!”
“สงครามกำลังมาเยือน” ฮังอวี่กล่าวต่อ “คุณต้องเฟ้นหาคนอื่นๆที่สามารถพูดภาษาโลกวิญญาณ พยายามสร้างช่องทางติดต่อกับขุนนางตนอื่นๆให้มากขึ้น ลองโน้มน้าวใจพวกเขา แต่ถ้าไม่ไหว ก็พยายามทำให้พวกเขาเป็นกลางถ้าจำเป็น”
จ้าวหมิงพยักหน้า “ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร”
โลกมนุษย์คือฐานหลัก
โลกวิญญาณคือตำแหน่งแนวหน้า
เมืองธารทะเลทรายคือความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ฮังอวี่ตระหนักดีถึงช่องว่างความห่างชั้นเมื่อตอนเผชิญหน้ากับคาลิมัวในครั้งนี้
พลังรบของขุนนางใหญ่แก่กล้ากว่าเขามาก หากสู้กันตัวต่อตัว คงทนอีกฝ่ายได้ไม่เกินสามกระบวนท่า
พลังรบแบบตัวต่อตัวยังคงเป็นรองคาลิมัว แต่ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดคือยามจ้าวสงครามขั้นสี่ผู้นี้อยู่ในสนามรบ เขาจะช่วยเพิ่มพลังรบของเมืองธารทะเลทรายแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก ... ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเผ่ามนุษย์!
ดังนั้นสิ่งที่พวกฮังอวี่ต้องทำหลักๆมีสองอย่าง
อย่างแรก เมืองมนุษย์ทั้งสี่ต้องสร้างทหารเพื่อเสริมการป้องกัน
อย่างที่สอง พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเสริมแกร่งพลังรบส่วนบุคคลของมนุษย์ทุกคน ในเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วัน พวกเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้มากที่สุด!
ฮังอวี่กลับมาที่เจียงเฉิง คราวนี้เขากลับมาพร้อมกับสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคน เป็นชายร่างเตี้ยที่มีความสูงเพียง 150 เซนติเมตร บนใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราและมีผิวสีเทา
ชายผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็นอดีตขุนนางเมืองเตาหลอมศิลา --เจ้ากระบองทอง
เมื่อไม่นานมานี้
ฮังอวี่ได้เข้าไปพูดคุยกับกระบองทองโดยเฉพาะ ให้โอกาสกระบองทองในการเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
โดยข้อกำหนดเบื้องต้นคือทำสัญญาอุปการะ
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกระบองทองก็เลือกยินยอม
อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่เขาพ่ายแพ้แก่ฮังอวี่และตกเป็นเชลยศึก ชะตาของเขาก็ถูกผูกไว้กับสี่เมืองมนุษย์แล้ว ปราศจากทางเลือกอื่น แต่ฮังอวี่ได้ให้คำมั่นสองข้อแก่เขา
ข้อแรก จะพาเข้าสู่โลกมนุษย์ แม้สถานการณ์ศึกในแนวหน้ายังไม่สู้ดี ยังคงขาดกำลังพล แต่ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้ากระบองทองนั้นไว้ใจได้
ข้อสอง หลังปราบคาลิมัว และมนุษย์เข้ายึดครองเมืองธารทะเลทราย ฮังอวี่จะยอมแต่งตั้งเขาให้กลับขึ้นเป็นขุนนางแห่งเมืองเตาหลอมศิลาดังเดิม
ส่วนเหตุผลที่ฮังอวี่สัญญากับเจ้ากระบองทองเช่นนี้ก็ง่ายมาก
เพราะเจ้ากระบองทองไม่ใช่แค่เชลยธรรมดา แต่เทคนิคหลอมอาวุธของเขามาถึงเลเวล 6 แล้ว
หรือก็คือมีความสามารถในการผลิตสูง!
ขนาดหัวหน้าหน่วยหลอมอาวุธอย่างเสืออ้วนของกลุ่มมังกรฟ้า และฮังเสี่ยวไป๋ ทั้งคู่ยังมีเทคนิคหลอมอาวุธอยู่แค่เลเวล 4
และฝั่งกองกำลังอย่างสกายเน็ต ก็มีนักหลอมอาวุธเลเวล 4 ขึ้นไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เจ้ากระบองทองในฐานะนักหลอมอาวุธระดับอาวุโส มูลค่าของเขาในแง่การผลิตสูงกว่าการต่อสู้มาก
“ที่นี่น่ะหรือโลกมนุษย์?”
หลังจากกระบองทองมาถึงเมืองเจียงเฉิง อย่างแรกเลยเจ้าหมาพามันไปเดินเล่นระแวกรอบๆ สำรวจถนนมังกรฟ้าอันพลุกพล่าน จากนั้นพาไปที่ฐานการผลตมังกรฟ้าเพื่อพบกันผู้ผลิตรายอื่น
และนี่ทำให้กระบองทองแตกตื่นตกใจมาก
แม้เขาจะทราบดีว่ามีมนุษย์อยู่มากมาย แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเยอะขนาดนี้ จำนวนประชากรในแคว้นมนุษย์ มีนับไม่ถ้วนดั่งขนบนตัววัว
ฮังอวี่เอ่ยถาม “รู้สึกยังไงบ้างหลังจากเดินเล่นมาตั้งครึ่งค่อนวัน?”
“ประชากรมนุษย์มีขนาดใหญ่โตมาก สมกับที่เป็นเผ่าพันธุ์จุติ แม้ตอนนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกวิญญษณ แต่อนาคตพวกท่านต้องกลายเป็นเผ่าพันธุ์อันยิ่งใหญ่แน่นอน ข้ากระบองทองเชื่อมั่นสุดหัวใจ”
“สารภาพตามตรง ก่อนหน้านี้ในใจข้ายังคิดว่าศึกระหว่างเผ่ามนุษย์กับเมืองธารทะเลทราย ฝ่ายมนุษย์ยังไงก็คงพ่ายแพ้ แต่พอได้เห็นโลกมนุษย์แล้ว คงต้องถอนความคิดนั้นออกไป”
“เจ้านายอาจชนะพวกมันได้จริงๆ!”
คนแคระเทามีนิสัยตรงไปตรงมา ถ้ามันพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าคิดแบบนี้จริงๆ
“คิดได้ก็ดีแล้ว อ้ออีกอย่าง ฉันไม่ชอบถูกเรียกว่าเจ้านาย คำนั้นให้หวังเอ๋อเรียกก็พอ” ฮังอวี่หยุดพักหนึ่ง “ฉันจะจัดการให้นายทำงานในฐานการผลิตของกลุ่มมังกรฟ้า รับผิดชอบในการสร้างอุปกรณ์ที่ระดับสูง และจะขอมอบหมายภารกิจแรกให้เดี๋ยวนี้”
ระหว่างกล่าว
ฮังอวี่นำพิมพ์เขียวสี่แบบออกมา : พิมพ์เขียวหมวกเกราะโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์ , พิมพ์เขียวเกราะโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์ , พิมพ์เขียวกางเกงเกราะโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์ , พิมพ์เขียวรองเท้าโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์
กระบองทองเบิกตากว้าง เอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “พิมพ์เขียวอุปกรณ์สีฟ้า? เจ้านาย ... ข้าหมายถึงเถ้าแก่ ท่านไปได้มันมาได้ยังไง? ไอเท็มระดับนี้ แม้แต่ขุนนางใหญ่ก็ยังรวบรวมมันมาไม่ได้!”
อย่างไรเสีย
เจ้ากระบองทองก็เป็นคนแคระ
และคนแคระมักหมกมุ่นหลงใหลกับการหลอมอาวุธ
เขาไม่เคยสร้างอุปกรณ์ระดับสูงเช่นนี้มาก่อน!
พิมพ์เขียวทั้งสี่ดึงดูดใจเจ้ากระบองทองมาก มากยิ่งกว่าหินสกิลระดับสูงเสียอีก!
หากเขาสามารถเชี่ยวชาญวิธีการสร้างอุปกรณ์ประเภทนี้ได้ สำหรับคนแคระแล้ว ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!
ฮังอวี่กล่าวว่า “ไม่ต้องสนใจว่าพวกมันมาจากไหน ฉันจะให้เวลานาย 5-6 วัน สร้างอุปกรณ์สี่ชิ้นนี้!”
“อะไรนะ! 5-6 วัน? นันเป็นไปไม่ได้!”
เจ้ากระบองทองรู้ดีว่าการสร้างอุปกรณ์สีฟ้าเป็นเรื่องยากเพียงใด
เขาคือคนแคระเทาระดับสูงที่อยู่มานานกว่า 30 ปีในโลกวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม
ในชีวิตนี้ อุปกรณ์สีฟ้าที่สร้างขึ้น รวมๆกันแล้วไม่เกิน 3 ชิ้นเท่านั้น
“วัสดุที่ใช้ทำชุดสีฟ้า โดยทั่วไปแล้วมักมีราคาแพง และไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่พวกมันยังหายากมาก อุปกรณ์แต่ละชิ้นต้องใช้เวลามากในการรวบรวมและค้นหาวัสดุ”
ฮังอวี่ขัดจังหวะคนแคระ “เรื่องวัสดุนายไม่ต้องกังวล อย่าประเมินความสามารถของมนุษย์ต่ำไป และอย่าดูถูกความสามารถของฉัน ถ้าวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดรวบรวมมาได้ภายในสองวัน นายคิดว่าจะสร้างมันเสร็จทันกำหนดไหม?”
สองวัน?
จู่ๆเจ้ากระบองทองคล้ายลมหายใจติดขัด หากสิ่งนี้อยู่ในอาณาจักรมังกรโลกา ด้วยความสามารถของขุนนางน้อย ไม่ต้องกล่าวถึงสองวัน ต่อให้ใช้เวลาสองหรือสามปีก็ยังรวบรวมไม่ครบ ฮ๊าาาา!
เผ่าพันธุ์มนุษย์ ... ช่างน่ากลัวจริงๆ!
พวกเขาสามารถเข้าสู่โลกวิญญาณในดินแดนต่างๆได้ตลอดเวลา
และสามารถนำทรัพยากรของโลกวิญญาณจากแต่ละดินแดนมาสู่เมืองใหญ่โตแห่งนี้
ต่อให้เป็นดินแดนของตัวตนระดับตำนานในโลกวิญญาณ ก็เกรงว่าจะไม่มีความสามารถในการโยกย้ายทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้
แค่เฉพาะข้อนี้ก็มีเหตุผลมากพอที่มนุษย์จะสามารถผงาดเป็นอันดับต้นๆในโลกวิญญาณได้!
ก้มลงมองพิมพ์เขียวทั้งสี่ เจ้ากระบองทองรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา
“ตราบใดที่วัสดุครบ แค่สามวันก็พอ”
ฮังอวี่เผยท่าทีพอใจ เขากับคาลิมัวเมื่อเทียบกันแล้ว สาเหตุที่ยังห่างชั้นกันหลักๆประการแรกคืออุปกรณ์ด้อยกว่า ขุนนางใหญ่เมืองธารทะเลทรายสวมชุดสีฟ้าคุณภาพสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า!
ขณะที่อุปกรณ์ของฮังอวี่นั้นแย่กว่ามากทั้งในแง่ของเลเวลและคุณภาพ
พิมพ์เขียวชุดโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาจากคุกโบราณนี้ มันคือชุดเซ็ทในเลเวล 13
และฮังอวี่พึ่งเลเวล 13 พอดี
หากสร้างมันสำเร็จ
แล้วได้ใส่มันแทนที่ชุดเซ็ทสามชิ้นของหมาป่าหินลาวา นั่นคงไม่ต่างอะไรจากการเปลี่ยนจากปืนกลเป็นปืนใหญ่! ก้าวกระโดดไปอีกระดับ!
แม้ยังเทียบกับคาลิมัวไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็อุดช่องว่างให้แคบลง ไม่มีทางที่จะถูกคาลิมัวฆ่าตายใน 3 กระบวนท่า!
เรื่องวัสดุ
นั่นไม่ใช่ปัญหา
วัสดุที่ใช้สร้างชุดเซ็ทโบราณ ที่หายากที่สุดคือผลึกเวทย์โบราณ วัสดุพวกนี้ฮังอวี่ได้มาแล้ว จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ที่ต้องใช้ก็มีแค่วัสดุอื่นๆที่มีคุณสมบัติสีฟ้าหลายชนิด
ฮังอวี่ได้ประกาศให้สมาชิกมังกรครามและมังกรฟ้าทั้งหมดช่วยกันค้าหา นอกจากนี้พวกเขายังขอความช่วยเหลือจากสมาคมโลกวิญญาณและสกายเน็ต
ที่ต้องใช้ก็มีแค่เงินเท่านั้น
ซึ่งสิ่งที่ฮังอวี่ขาดแคลนน้อยที่สุดตอนนี้คือเงิน!
“ดูสิว่าฉันเอาอะไรมาให้นาย” ซูหยุนปิงกลับมาพอดี เธอหยิบไอเท็มออกจากกระเป๋าใบใหญ่ วางลงเบื้องหน้าฮังอวี่ “ตามที่นายขอ ฉันค้นหาทั่วเจียงเฉิง ซื้อทุกอย่างที่สามารถซื้อได้”
ไอเท็มกองพะเนินนี้
มีทั้งโพชั่นลับ หินสกิล และสมบัติสวรรค์!
ฮังอวี่พูดกับซูหยุนปิงเมื่อไม่กี่วันก่อน ขอให้เธอช่วยหาโพชั่นลับหรือสมบัติสวรรค์ที่มีความสามารถในการเพิ่มค่าคุณสมบัติ และยังขอให้เธอจับตาดูหินสกิลหรือมรดกดีๆบางอย่างไปในตัว
ไม่คาดหวังเลยว่า
ซูหยุนปิงจะทำงานได้เร็วขนาดนี้
ฮังอวี่พยักหน้าอย่างมีความสุข “ถ้าใช้พวกมัน พลังรบของผมต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ”
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถจับจ่ายเพื่อให้ได้มันมา ราคาทั้งหมดเสียไปหลายร้อยหินคริสตัลฟ้า กระทั่งสำหรับกลุ่มมังกรฟ้า ก็ยังไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ
อย่างไรก็ตาม มหาสงครามกำลังจะมาถึง
และฮังอวี่ไม่ต้องการรู้สึกว่าตกเป็นรอง เขาจำเป็นต้องแกร่งขึ้น แกร่งขึ้น และแกร่งขึ้น!
ฉะนั้นเงินเพียงเล็กน้อยนี่นับเป็นสิ่งใด?