ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 95 ถ้ำหนู
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 95 ถ้ำหนู
แปลโดย iPAT
“เจ้าจะสังเวยข้า! นี่เป็นสิ่งที่ควรทำงั้นหรือ? มีจิตสำนึกบ้างหรือไม่!? ไม่ใช่ว่าเจ้านายต้องปกป้องสัตว์เลี้ยงของพวกเขางั้นหรือ?”
“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น! จิตสำนึกอันใด? มันกินได้หรือไม่? หึหึ ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับข้าเป็นเจ้านาย!” ซวนเยว่ยิ้มกว้างไปถึงใบหูก่อนจะไอเบาๆ “ตราบเท่าที่เจ้าตะโกนออกมาว่า ช่วยข้าด้วย! เจ้านายเหมียวของเจ้าจะปกป้องเจ้าอย่างแน่นอน!”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้ายอมตายดีกว่าจะพูดเช่นนั้น!”
ซวนเยว่โต้กลับ “หากทำตัวไม่น่ารัก เจ้าจะถูกเจ้านายทอดทิ้ง!”
หลี่ฉิงซานกล่าวต่อ “เช่นนั้นโปรดทิ้งข้าโดยเร็ว!”
พวกเขาทะเลาะกันขณะออกเดินทางต่อ แต่หลี่ฉิงซานรู้สึกเหมือนมีเงาดำปกคลุมหัวใจของเขา เขาเริ่มระวังตัวมากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่พบสัตว์อสูร เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงพวกมัน เขาไม่ต้องการต่อสู้
ในเวลาเดียวกันเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่าของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการเก็บซ่อนกลิ่นอายของเขาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัตว์อสูรหลายตัวเดินผ่านเขาไปโดยไม่พบการคงอยู่ของเขาบ่อยครั้ง
ซวนเยว่ดีใจที่นางเลือกสัตว์เลี้ยงได้ถูกต้อง นางป้อนเม็ดยาจิตวิญญาณให้หลี่ฉิงซานโดยไม่ตระหนี่ แต่หลี่ฉิงซานรู้สึกว่านางกำลังขุนเขาเพื่อใช้เป็นโล่เนื้อมากกว่า
กล่าวโดยสรุปพวกเขาเดินทางอย่างสงบสุขอยู่หลายวันก่อนที่ซวนเยว่จะเปิดปากกล่าวว่า “พวกเราเกือบถึงมณฑลหลงโจวแล้ว!”
วันนั้นพวกเขาพบถ้ำธรรมชาติแห่งหนึ่งและเข้าไปพักผ่อน มันไม่ได้ถูกปิดผนึกแต่มันลึกมาก ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันจะนำไปสู่ที่ใด
ซวนเยว่นอนอยู่ในตะกร้าแมวขณะที่หลี่ฉิงซานและเสี่ยวอันนั่งบ่มเพาะอยู่เคียงข้างกัน
ทันใดนั้นเสียงกรอบแกรบก็ดังมาจากใต้ดินและเคลื่อนที่ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างกะทันหัน ซวนเยว่ผุดลุกขึ้นนั่งด้วยหูที่ชูชันขึ้นทั้งสองข้าง เห็นได้ชัดว่านางเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน
“สัตว์อสูร!”
ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนส่องประกายขึ้นในความมืด
สัตว์อสูรโผล่ออกมาจากใต้ดินและมีมากกว่าหนึ่ง!
หลี่ฉิงซานคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนี้แล้ว เขาเตรียมตัวป้องกันขณะที่ซวนเยว่ปกปิดตนเองตามสัญชาตญาณ
เป็นเพียงเวลานี้ที่หนูจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากส่วนลึกของถ้ำเหมือนคลื่นน้ำ หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หนูที่โผล่ออกมามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ตัวที่เล็กที่สุดยังมีขนาดเท่าสุนัข ตัวใหญ่กว่ามีขนาดเท่าหมี
ถ้ำถูกกลืนกินโดยทะเลหนูทันที พวกมันจ้องมองหลี่ฉิงซานและส่งเสียงขบฟันดังก้องไปทั้งถ้ำ
หลี่ฉิงซานยังสงบนิ่งและไม่กลัว ท้ายที่สุดศัตรูตัวฉกาจของหนูก็อยู่ที่นี่ แต่หลังจากนั้นเขากลับสัมผัสได้ว่าซวนเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย เขาเย้ยหยันด้วยเสียงที่สงบนิ่ง “เจ้ากลัวหนูงั้นหรือ?”
“พะ...พวกมันน่าขยะแขยง! เจ้าเลือกสถานที่เช่นไร! ระ...รีบไปฆ่าพวกมันซะ!” ซวนเยว่ไม่เคยเห็นสิ่งที่น่าขนลุกเช่นนี้มาก่อนในจวนผู้ว่า
หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างชั่วร้าย “พวกมันไม่ใช่อาหารจานโปรดของเจ้างั้นหรือ? พวกมันเหมาะที่จะเป็นมื้อเย็น! รีบกินพวกมันซะ!” หากมีความแค้น เขาจะแก้แต้น หากมีความคับข้องใจ เขาจะส่งมันกลับไปโดยไม่มีข้อยกเว้น!
“ข้าจะกินเจ้าก่อน!”
ก่อนที่หลี่ฉิงซานจะสามารถกล่าวสิ่งใดต่อ เขาก็รู้สึกเจ็บที่ใบหู ซวนเยว่กัดเขา แต่นอกเหนือจากความเจ็บจากการถูกกัดด้วยฟัน เขายังรู้สึกถึงริมฝีปากและลิ้นที่อ่อนนุ่มของนาง นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจจริงๆ
‘เดี๋ยว! ข้าไม่ควรสนใจเรื่องนั้น!’ หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะก่อนกล่าว “เสี่ยวอัน พ่นไฟ!”
เสี่ยวอันรอเวลานี้อยู่แล้ว เขากระโจนไปข้างหน้าและพ่นเพลิงโลหิตออกไปทุกหนทุกแห่ง
หนูทั้งหมดส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูง หนูที่อ่อนแอกลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา เลือดและเนื้อของพวกมันช่วยให้เพลิงโลหิตยิ่งโหมกระหน่ำมากขึ้น หนูตัวใหญ่พุ่งผ่านกองไฟเข้าไปกัดหลี่ฉิงซานโดยตรง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกมันมีเพียงกำลังแต่ไร้สมอง
อย่างไรก็ตามยิ่งพวกมันแข็งแกร่งเท่าใด เปลวไฟก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น ด้วยการใช้หนูจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นเชื้อเพลิง เปลวไฟยิ่งพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศและก่อตัวเป็นอสรพิษเพลิงอ้าปากกลืนกินหนูตัวใหญ่เข้าไป
ทักษะของเสี่ยวอันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในช่วงที่ผ่านมา เมื่อฝูงหนูตระหนักถึงความแข็งแกร่งของศัตรู พวกมันจึงตัดสินใจหลบหนี
กระทั่งหลี่ฉิงซานยังรู้สึกหวาดกลัว ทั้งหมดต้องขอบคุณทักษะที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวอัน มิฉะนั้นพวกเขาคงถูกฝูงหนูกลืนกินและได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ท้ายที่สุดฟันเหล็กของหนูเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แม้พวกเขาจะได้รับชัยชนะ แต่มันก็ยังรู้สึกน่าขยะแขยง
“ระวัง!” ซวนเยว่กระซิบข้างหูหลี่ฉิงซานขณะที่ฝ่ายหลังรู้สึกถึงลมอุ่นๆที่พัดออกมาจากปากของนางและทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น แต่ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสอง ปราณปีศาจที่ทรงพลังก็แผ่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ
ด้วยแสงสีเหลือง มันพุ่งผ่านอสรพิษเพลิงและส่งเสี่ยวอันลอยกลับหลังไป
“เสี่ยวอัน!” หลี่ฉิงซานคว้าร่างเสี่ยวอันเอาไว้อย่างรวดเร็ว แต่เห็นได้ชัดว่าร่างโครงกระดูกของเสี่ยวอันเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ตั้งแต่เสี่ยวอันฝึกเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า ชัดเจนว่าการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามทรงพลังมาก
แสงสีเหลืองราวกับมีชีวิต มันกลับตัวกลางอากาศและพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
ซวนเยว่ยื่นมือของนางออกไปและคว้าจับแสงสีเหลืองเอาไว้ นางตรวจสอบและพบว่ามันเป็นไข่มุกสีเหลือง “แก่นปีศาจ!”
ศัตรูเป็นสัตว์อสูรที่สามารถควบรวมแก่นปีศาจ เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับหนูตัวเท่าช้างที่วิ่งออกมาจากถ้ำ ดวงตาของมันส่องประกายสว่างไสว เห็นได้ชัดว่ามันมีสติปัญญาอยู่บ้าง มันมองไปที่แก่นปีศาจในมือของซวนเยว่ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานด้วยเสียงแหลมสูง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฉิงซานเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจ เขารู้สึกถึงความน่ากลัวของมันทันที ร่างกายของเขาส่งสัญญาณเตือนโดยสัญชาตญาณอย่างต่อเนื่อง มันเตือนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ปีศาจตัวนี้
ด้วยแสงสีเหลืองที่ส่องประกายขึ้นในดวงตาของปีศาจหนู ทันใดนั้นเสาดินก็ปะทุขึ้นจากพื้นใต้เท้าของหลี่ฉิงซาน มันเร็วมากจนเขาไม่สามารถตอบสนอง ซวนเยว่คว้าหลี่ฉิงซานและกระโดดถอยออกไปไกลกว่าสามเมตร ในที่สุดหนามดินก็พุ่งขึ้นไปจากสุดเพดานถ้ำ หลี่ฉิงซานมองจากด้านล่างด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบที่ไหลลงมาจากหน้าผาก
เสี่ยวอันใช้เพลิงโลหิตโจมตีปีศาจหนูอีกครั้ง แต่แสงสีเหลืองปิดกั้นเปลวไฟไม่ให้รุกล้ำเข้าไป
ปีศาจหนูส่งเสียงแหลมสูงสองสามครั้ง แก่นปีศาจสั่นสะเทือนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้านายของมันพยายามเรียกมันกลับไป
“จับไว้!” ซวยเยว่โยนแก่นปีศาจให้หลี่ฉิงซาน เขารีบคว้ามันเอาไว้แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทรงพลังถึงเพียงนี้ แม้เขาจะใช้กำลังทั้งหมด มันก็ยังแทบหลุดออกจากมือของเขา กระทั่งเวลานี้ปีศาจหนูก็ยังดุร้ายมาก หากมันได้แก่นปีศาจกลับคืน มันจะน่ากลัวถึงระดับใด
เคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่า! ปราบปรามความชั่วร้าย!
หลี่ฉิงซานเริ่มใช้ทักษะจากเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่า ปราณปีศาจเคลื่อนที่อย่างบ้าคลั่งอยู่ในร่างกายของเขาและพยายามปราบปรามแก่นปีศาจที่อยู่ในมือของเขา เมื่อปีศาจหนูเห็นว่ามันล้มเหลว มันก็พุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานด้วยความโกรธ ร่างกายขนาดเท่าช้างของมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ขณะที่กลิ่นเหม็นพุ่งเข้าจมูกของหลี่ฉิงซาน เขาก้มศีรษะลงและใช้ท่าปีศาจวัวหวิด เขาใช้เขากระทิงบนศีรษะพุ่งปะทะฟันสีขาวซีดโดยตรง