SN-ตอนที่ 32 การสืบสวน (2)
อัลดิช ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตรวจสอบข้อมูลการสนทนาทั้งหมดของ โกสต์ ที่เกี่ยวข้องกับ ไนท์คลับ โดยเขาโฟกัสไปที่เรื่องพวกนี้อย่างไม่ขาดตอน นั่นก็เพราะความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของเขาไม่มีที่สิ้นสุด บวกกับความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ไม่เหน็ดเหนื่อย
โกสต์ และ บอส โอดินสัน ต่างก็พูดคุยกันในห้องสนทนาส่วนตัวที่ตั้งอยู่ใน ดาร์ดเน็ต
เน็ตปกติถูกสร้างขึ้นโดย องค์กรส่วนบริหาร หลังจากที่ คลื่นสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้น โดยพวกเขาได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้เพื่อให้รองรับกับเหล่าผู้วิวัฒในอนาคต ดังนั้นเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเน็ตแบบปกติ จะมีทางองค์กรส่วนบริหารและบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ไม่ชื่นชอบให้ องค์กรส่วนบริหาร เข้ามาสอดส่อง ดังนั้น ดาร์ดเน็ตจึงถูกสร้างขึ้น เกี่ยวกับดาร์ดเน็ต จะเรียกว่ามันเป็นวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตก็ได้
เพราะดาร์คเน็ตต้องการซอฟต์แวร์แบบเฉพาะ การกำหนดค่า และ การอนุญาติให้เข้าถึง โดยข้อมูลเหล่านั้นต่างก็ได้รับการเข้ารหัสอย่างหนักมาก โดยทั่วไปแล้ว หลายคนแทบจะมองว่ามันไม่สามารถถอดรหัสได้จากภายนอก
อย่างไรก็ตาม ด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เช่นโทรศัพท์ทำให้พวกข้อมูลรหัสของดาร์คเน็ตถูกเจาะได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้มันจึงได้แตกต่างกันออกไปตามประเภทวัตถุที่ใช้
การสนทนาของโกสต์ในเว็บดาร์คเน็ตส่วนใหญ่ เป็นบทสนทนาระหว่างตัวเขากับ เดวิส เชน ช่างเทคนิคของแบล็ควอเตอร์ และ ผู้ค้ายามากมายที่มีบทสนทนามากมายที่กินระยะเวลามากกว่า 1 ปี - เกือบจะแทบตลอดเวลาที่โกสต์อยู่ในแบล็ควอเตอร์
ซึ่งบทสนทนาเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการที่โกสต์ซื้อยา
ยาเสพติดเหล่านี้ไม่เพียงแต่สำหรับตัวเขาเองเท่านั้น แต่สำหรับผู้อื่นและที่น่ารังเกียจไปกว่านั้นก็คือการวางยาใส่ผู้หญิง ซึ่ง อัลดิช จำวิธีที่โกสต์ มอง และ สัมผัส เอเลเน่ ได้ ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณตัวเองอีกครั้งที่ได้กำจัดเศษสวะเช่นอีกฝ่ายทิ้งไป
สิ่งที่ อัลดิช ตั้งข้อสังเกตุเห็นระหว่างการสื่อสารของ เดวิส เชน และ โกสต์ ก็คือการที่ออีกฝ่ายถามเขาเสมอว่าเขาต้องการอะไร และ บอกเขาว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่จะซื้อเป็นอะไร รวมถึงบรรดาส่วนลดต่าง ๆ
นอกจากนี้ ช่างเทคนิคนี้ถึงกับพยายามไม่ให้ โกสต์ ไปมองหา X เป็นการส่วนตัว รวมถึงการเตือนเรื่องการเสพมัน แต่แน่นอนว่า โกสต์ได้เพิกเฉยต่อเขา
และแน่นอนว่า เดวิส เชน ก็ไม่ได้พยายามที่จะชักชวนให้ โกสต์เข้าสู่การรักษา เพราะตราบใดที่เหล่านักเรียนของแบล็ควอเตอร์ซื้อยาไปจากเขา มันก็ทำให้เขาได้รับผลกำไรตามไปด้วย
อัลดิช พบการสนทนาที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่พวก โอดินสัน ทำการปล้นขบวนรถของบริษัทอิมูกิ และ มันเป็นคำขอของโกสต์ ที่ถามว่า ‘สินค้าตัวพิเศษ’ จะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะ เซ็ท โซลาร์ ต้องการสิ่งนี้เป็นการส่วนตัว
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ เซ็ท โซลาร์ ต้องการบางสิ่งอย่างในเวลานั้น
ซึ่ง เดวิส ก็ตอบกลับไปว่า สินค้ากำลังมา แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ และ เพราะเขาไม่สามารถถามองค์กรไทรเด้นได้โดยตรง ดังนั้น เดวิส จึงได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จะไปถาม แคสเมียร์ ให้
หลังจากค้นหาชื่อ ‘แคสเมียร์’ ผ่านโทรศัพท์ของโกสต์ ก็พบว่า อีกฝ่ายคือเจ้าของไนท์คลับเร้ดเซอร์เคิล เพียงแต่ว่า โกสต์ ไม่ได้มีการสนทนาใด ๆ กับ แคสเมียร์ เขาพบเพียงแค่ว่าเขาและสหายของเขาอย่างพวก เซ็ท โซลาร์ มักจะพูดคุยเกี่ยวกับ เจ้าของไนท์คลับในแง่ดี มันเป็นบทสนทนาของการชื่นชม
และที่น่าสนใจที่สุดก็คือ แคสเมียร์ ได้ให้สิทธิ์ เซ็ท โซลาร์ ในการเข้าถึง คอนเน็คเตอร์
หรือก็คือตัวเชื่อมโยงเข้าสู่องค์กรอาชญากรรม โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขารับผิดชอบด้านการจัดการหรือการจ้างทหารรับจ้างและวายร้ายที่ต้องการรับงาน แต่สำหรับองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่สุดอย่างไทรเด้น จะพบว่าพวกเขาต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงมากกว่านี้
โดยตัวเชื่อมโยงเหล่านี้มีหน้าที่ในการติดต่อและรักษาความปลอดภัยของพวกวายร้ายที่แข็งแกร่งที่สุด หรือก็คือแหล่งอิทธิพลของพวกวายร้ายที่ต้องการรับงานบางอย่าง โดยระบุค่าจ้างและผลประโยชน์ที่จะได้รับทั้งหมด
มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเว็บไซต์หางาน เพราะฝ่ายจัดหาเหล่านี้จะทำการติดต่อพวกวายร้ายหรือพวกทหารรับจ้างให้เป็นการส่วนตัว
เกือบทั้งกลุ่มของ เซ็ท โซลาร์ ไม่สิ ต้องบอกว่าเกือบทั้งคลาส A ของแบล็ควอเตอร์ พวกเขาล้วนไปที่ ไนท์คลับเร้ดเซอร์เคิล ไม่เพียงแต่ไปที่นั่นในฐานะลูกค้า VIP แต่ยังได้ติดต่อกับ คอนเน็คเตอร์ สำหรับองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด
นักเรียนคลาส A คนเดียวที่ อัลดิช ไม่ได้พูดถึงก็คือ เมล โมราเลส อันดับ 1 ในปัจจุบัน
ในเร้ดเซอร์เคิล มีคอนเน็คเตอร์สำหรับนักเรียนแบล็ควอเตอร์ ที่สามารถบ่งบอกข้อมูลของผลการปฏิบัติงานสูงสุดได้ เพราะพวกเขาตระหนักได้ถึงความสามารถและศักยภาพที่มีของนักเรียนคลาส A
อัลดิช ตระหนักได้ว่า แบล็ควอเตอร์ อาจไม่ใช่สถาบันฮีโร่ที่สามารถใช้งานได้จริง พวกเขาได้ใช้ฝึกฝนพวกฮีโร่ที่เอาไว้ใช้ทำงานทุจริตในหน่วยงาน AA หรือ ก็คือ การจัดหากลุ่มอาชญากรใหม่เข้าไปในองค์กรอาชญากรรมเหล่านั้น
จนถึงตอนนี้มันก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลแล้ว เหตุใดแบล็ควอเตอร์ถึงตั้งอยู่ในพื้นที่โดดเดี่ยวและซ่อนเร้นมาก เหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันนี้น้อยมากตอนที่ อัลดิช พยายามค้นหาข้อมูล เขาไม่พบแม้แต่รายชื่อศิษย์เก่าในอดีต ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาได้ทำงานอยู่ในกลุ่มพวกวายร้ายหรือพวกทหารรับจ้าง
สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมสถานศึกษาจึงมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่ขัดต่อระดับของสถานศึกษา
และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สนใจเกี่ยวกับการประเมินอันดับเหล่านั้น
มันได้อธิบายได้ถึงความโหดเหี้ยมของสถานศึกษาที่มุ่งเน้นให้ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะรอดชีวิตไปได้
นอกจากนี้ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลโซลาร์ เนื่องจาก ผู้อำนวยการคนปัจจุบันของสถาบันก็คือ เซลีน่า โซลาร์ และ แน่นอนว่า เซ็ท โซลาร์ ก็มีส่วนรู้เห็นด้วย
ความจริงนี้ ไม่ได้บ่งบอกเพียงแค่ว่านี่คือธุรกิจของพวกตระกูลโซลาร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการบ่งชี้ด้วยว่า พวกเขาได้ทำงานร่วมกับองค์กรอาชญากรรม โดยการปกปิดข้อมูลการมีส่วนร่วมของพวกเขาอย่างชัดเจน
อัลดิช ได้พยายามวิเคราะห์เกี่ยวกับแผนการรับมือตระกูลโซลาร์
ต้องบอกเลยว่าตระกูลโซลาร์คือตระกูลนอกกฏหมายอย่างแท้จริง และ เซลิน่า โซลาร์ ก็คงจะเป็น ลูกสาวของผู้นำตระกูลโซลาร์คนก่อน และ ยังเป็นพวกวายร้ายอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เซลีน่า จึงมีความเชื่อมโยงกับพวกองค์กรอาชญากรรมด้วย
และนี่ทำให้ เซ็ท โซลาณ์ ไม่สนใจกฏหมายในสายตา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมกับตระกูลในฐานะสมาชิกหลัก แต่เขาก็ดื่มด่ำไปกับความรุ่งโรจน์เกี่ยวกับเกมทางสาธารณะของพวกเขา โดยการที่เขาสามารถใช้นามสกุลโซลาร์ในการทำเรื่องสกปรกมากมายได้
นี่ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง และ เป็นเรื่องที่ชัดเจนสำหรับ อัลดิช เพราะไม่เพียงเขาจะต้องล้มแค่ เซ็ท โซลาร์ และ พรรคพวกของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสถาบันแบล็ควอเตอร์ที่นิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไรเลยและปล่อยให้เขากับเพื่อนของเขาต้องตาย
การโค่นล้มของเขาก็หมายถึงการทำลาย เพราะการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ต่อสาธารณะ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าการชี้แจ้งข้อมูลเท็จ อีกทั้งด้วยความสามารถของตระกูลโซลาร์ และ องค์กรอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง พวกเขาสามารถจัดการข้อมูลนี้ให้หายไปได้
ใช่แล้ว ทางเดียวที่ อัลดิช ทำได้ ก็คือ การทำลายแบล็ควอเตอร์ เพื่อไม่ให้พวกเขาสามารถผลิตพวกวายร้ายในอนาคตได้อีก โดยเฉพาะวายร้ายประเภทเดียวกับที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา
อัลดิช มีข้อมูลที่เขาต้องการแล้ว ที่เหลือก็แค่ลงมือทำ
เขารู้ว่า เซ็ท โซลาร์ และ กลุ่มของเขา มักจะมาที่ ไนท์คลับเร้ดเซอร์เคิล ในทุกวันเสาร์ และ นั่นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะจัดการพวกเขาทั้งหมดพร้อมกัน
การปล่อยพวกเขาให้อยู่ต่อไปอาจเป็นปัญหาที่พวกเขาจะเติบโตได้
และพวกเขาก็จะกลายเป็นมหาอำนาจที่แข็งแกร่ง
และแน่นอนว่าการบุกเข้าไปในเร้ดเซอร์เคิลโดยตรงก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะที่นั่นมี คอนเน็คเตอร์ คนคุ้มกัน ทหารรับจ้าง หรือแม้แต่พวกวายร้ายบางคนที่มีรายชื่อ
แต่ไม่ว่าอย่างไร อัลดิช ก็ต้องการจัดการพวกเขาทั้งหมด
ทว่าสิ่งเหล่านี้ จะต้องทำหลังจากที่ อัลดิช ก้าวไปถึงเลเวล 10 และ เคลียร์ภารกิจทดสอบแล้ว
เพราะหลังจากเคลียร์ภารกิจทดสอบแล้ว เขาจะได้รับอุปกรณ์ใหม่ครบชุด และ มอนสเตอร์ใน Elden World ก็จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา กระทั่งเขามีสกิลเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ประเด็นก็คือ เซ็ท โซลาร์ นั้นแข็งแกร่งเกินไปสำหรับนักเรียนคลาส A
สำหรับ เมล โมราเลส เหตุผลที่เธอสามารถครองอันดับ 1 ไปได้ ก็เพราะเธอได้ใช้พลังพิเศษอย่างพอร์ทัลของเธอในการเอาชนะศัตรู
ส่วน เซ็ท โซลาร์ อีกฝ่ายก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่หยิ่งผยองในตัวเอง แต่พลังของเขานั้นเป็นเรื่องจริง แม้กระทั่งตอนนี้ เขาอาจสามารถบินผ่านกองทัพอันเดดของ อัลดิช และ เผาผลาญทุกสิ่งอย่างได้ภายในไม่กี่นาที
ดังนั้นเขาจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
โกสต์ และ นักเรียนคลาส A ที่เหลือทั้งหมดต่างก็เปรียบเสมือนมด เมื่อเทียบกับ เซ็ท โซลาร์ นี่ไม่ใช่ว่านักเรียนคลาส A เหล่านี้อ่อนแอ แต่เป็นเพราะพวกเขายังเด็ก และ ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่
พลังของผู้วิวัฒ จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเพื่อพัฒนา และ มีการกล่าวกันอย่างแพร่หลายว่า พลังของผู้วิวัฒมักจะตื่นอย่างเต็มที่ตอนอายุครบ 30 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม เซ็ท โซลาร์ เป็นพวกมีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือที่เรียกว่า เด็กพิเศษแรกเกิด เพราะพลังของเขานั้นสูงมาตั้งแต่แรก แต่นั่นก็หมายความว่าเขาจะมีศักยภาพในการเติบโตที่น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่มันก็ไม่ได้หนีความจริงที่ว่าเขาค่อนข้างแข็งแกร่งในช่วงแรก
มีทั้ง พละกำลังมหาศาล ความเร็วสูง อีกทั้งยังบินได้ นี่มันแทบจะเรียกว่าอยู่ยงคงกระพันด้วยซ้ำ โดยเฉพาะการปล่อยลำแสงที่ทรงพลังออกมา หากอีกฝ่ายเอาจริง แม้แต่ อัลดิช ในปัจจุบัน ก็อาจจะสามารถเสียชีวิตขณะที่เดินอยู่ก็เป็นได้
และก็หาก อัลดิช ต้องการที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในวันเสาร์ เขาก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 5 วันสำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือกับ เซ็ท โซลาร์
ในช่วงเวลานั้น เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากที่สุด —
[กำจัด x1 ไวน์บีสต์!]
[+25 EXP]
[กำจัด x3 มอสบีสต์!]
[+45 EXP]
[กำจัด x1 บิ๊กอาร์ม!]
[+40 EXP!]
[กำจัด x12 ตะขาบอุโมงค์!]
[+360 EXP]
[กำจัด x1 ตะขาบยักษ์เปลือกแดง!]
[+80 EXP]
[EXP ทั้งหมด +550]
[แถบ EXP : 100/650 > 650/650]
[เลเวลอัพ!]
[ระดับ 9 > 10]
[แถบ EXP : 0/1200]
[+5 ค่าแต้มสถานะที่สามารถกระจายได้]
[ภารกิจทดสอบ 1 สามารถเริ่มได้]
ค่าประสบการณ์ทั้งหมดมาจากวาแลนที่ ปาร์ตี้ล่าของ วาเลร่า ทำงานตลอดช่วงเวลาของการสืบสวนของ อัลดิช โดยมันได้หลั่งไหลเข้ามาในตัวของเขา ซึ่ง อัลดิช เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในความสามารถของ วาเลร่า ที่จะทำงานด้านนี้ได้ และ มันก็น่าพึงพอใจจนเขาเลเวลอัพ
เห็นได้ชัดว่า กลุ่มของ วาเลร่า ได้เผชิญหน้ากับศึกหนักแต่ก็จัดการพวกมันได้ค่อนข้างดี
โดยเฉพาะเมื่อ ไดนาไมต์ เกิร์ล อยู่ที่นั่น พวกสายพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างพวกแมลงทุกชนิดย่อมไม่ใช่คู่มือของเธอเลย ก็เพราะว่าพวกมันมีภูมิคุ้มกันต่อพิษ อีกทั้งรูปแบบตามธรรมชาติของพวกแมลงก็มักจะอยู่เกาะกลุ่มกัน จึงทำให้เป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการระเบิดด้วยความร้อนที่สูง
จากนั้น อัลดิช ก็ยืนขึ้น
“เสร็จแล้วงั้นเหรอหัวหน้า?” ฟิสก์ได้กล่าวถาม
“อืม” อัลดิช กล่าว “หากมีงานใดที่นายพอจะทำได้ก็ไปทำเถอะ”
“ขอบคุณมากหัวหน้า แต่ผมยังไม่ต้องการมันตอนนี้ ผมอยากจะขอเล่นเกมสักหน่อยถ้าคุณไม่รังเกียจ” นักเทคโนกล่าวพูดขึ้น ขณะที่เริ่มเล่นเกมที่ภาพฉาบฉวยของสาวอนิเมะ
อัลดิช คิดจะขจัดความเป็นตัวเองของนักเทคโนออกไป แต่เขาก็ไม่พบว่าการเล่นเกมนี้จะมีความเสี่ยงใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันคล้ายกับเกมออฟไลน์บางอย่าง
“อืม เล่นไปเถอะ” อัลดิช กล่าว “แต่หากพบเห็นหรือได้ยินเสียงใดที่น่าสงสัยให้รีบติดต่อมาทันที”
“ครับ หัวหน้า” ฟิสก์ กล่าวขณะที่เขาแตะแป้นคีย์อย่างรวดเร็ว และ เริ่มเล่นเกมด้วยทักษะที่เชี่ยวชาญที่มาจากการฝึกฝนมาหลายปี และ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรฝึกฝนและเลี้ยงอันเดดด้วยจิตวิญญาณ ก็เพราะว่าทักษะเหล่านี้ของพวกเขายังคงอยู่…
อัลดิช ได้เดินไปที่ส่วนลึกสุดของป่า ที่ วาเลร่า อยู่ จากนั้นเขาก็สั่งให้เธอหยุดล่าและมาพบเขา
เพราะมันได้เวลาที่จะเริ่มต้นเคลียร์ภารกิจทดสอบครั้งแรกแล้ว