ตอนที่แล้วEp.399 - ล้อมสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.401 - แข็งแกร่งขึ้น

Ep.400 - เริ่มใช้งานค่ายกลเทเลพอร์ต


3/3

Ep.400 - เริ่มใช้งานค่ายกลเทเลพอร์ต

[บันทึกของผู้เชี่ยวชาญการกลั่นโพชั่นแห่งขุมนรก] ไอเท็มเลเวล 15 , สีฟ้าคุณภาพสูง , ช่วยเพิ่มแต้มวิญญาณและค่าความชำนาญแก่เทคนิคกลั่นโพชั่นอย่างละ 50,000 แต้ม , เงื่อนไขการเรียนรู้ : เทคนิคกลั่นโพชั่นขั้นสูง

นี่คือไอเท็มที่ฮังอวี่คว้ามาจากได้ศพทรราชย์ขุมนรก

มันเป็นบันทึกสายการผลิตที่มีมูลค่าสูง

สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความสามารถและอัพเลเวลของสกิลได้อย่างรวดเร็ว เป็นทางลัดที่ดีมากแก่สกิลสายผลิต

บันทึกกลั่นโพชั่นสีฟ้าใสเลเวล 15 นี้ มูลค่าของมันไม่ด้อยไปกว่าหินสกิลสีฟ้าเลย

อย่างไรก็ตาม เจ้าสิ่งนี้ เงื่อนไขในการเรียนรู้ค่อนข้างสูง อันที่จริงแล้วจำเป็นต้องมีสกิลกลั่นโพชั่นขั้นสูง ซึ่งลูกน้องของฮังอวี่ที่สามารถใช้บันทึกเล่มนี้ได้ เกรงว่ามีเพียงเสี่ยวไป๋

ฮังเสี่ยวไป๋มีความสามารถด้านการผลิตทุกประเภท เธอเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักผลิตผู้มากประสบการณ์  และในบรรดาความสามารถการผลิตทั้งหมด สายงานที่มีความสำเร็จสูงสุดคือการกลั่นโพชั่น

เทคนิคกลั่นโพชั่นของเธออยู่ในเลเวล 5 แล้ว และมันใกล้ถึงเลเวล 6 สามารถเรียกได้ว่าอยู่ในระดับขั้นสูง

หากอัพเลเวลอีกซักขั้นสองขั้น ก็จะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญ

บันทึกเล่มนี้น่าจะมากพอให้อัพเลเวลเทคนิคกลั่นยาของฮังเสี่ยวไป๋ให้ถึงระดับผู้เชี่ยวชาญได้ จากนั้นเขาก็จะใช้เธอเรียนรู้สูตรโพชั่นลับสีฟ้า ‘โพชั่นลับแห่งขุมนรก’ ที่ได้จากหีบสมบัติ

ดังนั้นบันทึกเล่มนี้จึงมีค่ามาก และมาในเวลาที่เหมาะสมพอดี

แน่นอน

การอัพเลเวล จำเป็นต้องใช้หินสกิลกลั่นโพชั่นระดับผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน

...

ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย

ฮังอวี่พบเสี่ยวไป๋แล้วเอ่ยถามว่า “ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?”

เสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มีกองทหารหนึ่งหรือสองกองโจมตีเรา แต่ดูเหมือนจะแค่เป็นการทดสอบเฉยๆ พลังรบไม่ได้สูงนัก ถูกขับไล่ออกไปแล้ว”

ฮังอวี่พยักหน้าอย่างพอใจ “ทำได้ดีมาก”

เสี่ยวไป๋อัพเลเวล 12 แล้ว และใช้เวลาอีกไม่นาน เธอก็จะอัพเลเวล 13

เพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ในโลกวิญญาณ เสี่ยวไป๋มีพลังรบในเลเวล 13

หลังจากที่เสี่ยวไป๋อัพเลเวล 13 การอัพเลเวลขั้นต่อไปของเธอก็จะยากขึ้น หากแข่งกันด้านความไวในการอัพเลเวล เผ่าภูติมายาไม่สามารถเทียบกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างแน่นอน

แต่ก็ไม่เป็นไร

ดพราะฮังเสี่ยวไป๋ไม่ใช่กำลังหลักของเขา

ตอนนี้เธอค่อยๆผันตัวไปอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยในการต่อสู้และฝ่ายการผลิตเป็นหลัก

ภูติมายามีโบนัสความสามารถที่ดีมากในแง่ของสกิลสายผลิต พวกเธอสามารถเติบโตในสายงานนี้ได้เป็นอย่างดี

ฮังอวี่จึงพร้อมที่จะลงทุนในด้านนี้กับเธอให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการผลิตค่ายกลและด้านการกลั่นโพชั่น

“พี่ชายอัพเลเวล 13 แล้ว!?” เสี่ยวไป๋รู้สึกเหลือเชื่อ ก่อนฮังอวี่จะจากไป เขายังอยู่แค่เลเวล 11 แท้ๆ

“ในเวลาแค่สามวัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ชายจะอัพเลเวล 2 ขั้นติดต่อกัน นี่มันจะเร็วเกินไปแล้ว!”

น่าเหลือเชื่อมาก!

ในโลกวิญญาณ หากใครคนหนึ่งในเลเวล 11 ต้องการอัพเลเวล จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีจึงจะทำสำเร็จ

อีกทั้งระหว่างทางต้องอาศัยโชคมากมาย มีมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นหรือแต้มวิญญาณสีเขียวมากพอให้ดูดซับ

และจากเลเวล 12 มุ่งสู่เลเวล 13 หากเป็นไปอย่างราบรื่นอาจใช้เวลาถึง 1 ปี!

เนื่องจากจำเป็นต้องล่ามอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นที่มีเลเวลเดียวกันเป็นร้อยๆตัวหรือมากกว่านั้น

ต่อให้ทรัพยากรด้านมอนสเตอร์เพียงพอ แต่การอัพเลเวลได้ภายในสามวันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก ฮ๊าาาา!

และที่กล่าวมาคือในกรณีล่าคนเดียวนะ ถ้าต้องล่าเป็นทีม แบ่งปันแต้มวิญญาณเท่าๆกัน ระยะเวลาก็จะยิ่งนานกว่าเดิม

การลงมือคนเดียว

แน่นอนว่าผลประโยชน์ย่อมมีมากกว่า

แต่ความเสี่ยงก็มากกว่าเช่นกัน!

ไม่ว่าจะความเสี่ยงด้านมอนสเตอร์ หรือภัยคุกคามจากการแก่งแย่ง หากพลาดตายขึ้นมา เป็นไปได้ว่าที่เฝ้าทำเกือบทั้งปีกลายเป็นไร้ประโยชน์!

ฮังอวี่นั้นโชคดีแค่ไหนคงพอจินตนาการได้

ออกผจญภัยครั้งเดียว

แต่กลับมาอัพเลเวลถึง 2 ขั้น!

ฮังอวี่ตบไหล่เสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “มันก็แค่เลเวล 13 มีอะไรน่าแปลกใจ? พี่ชายของเธอเป็นถึงเผ่าพันธุ์จุติ เติบโตได้ไวขนาดนี้เป็นเรื่องธรรมดา”

การอัพเลเวล 12 ในการผจญภัยนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่การไปถึงเลเวล 13 นี่ต้องใช้โชคไม่น้อย

มนุษย์เติบโตเร็วกว่าชาวโลกวิญญาณ ข้อกำหนดของพวกเขา อาจน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยของชาวโลกวิญญาณ และเนื่องจากมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นในคุกมีมากมาย เรียกได้ว่ามากมายจนกองพะเนิน ดังนั้นเลยสั่งสมแก่นแท้สีเขียวได้มาก

แต่โชคที่ดีที่สุดของฮังอวี่ก็คือการได้ปลิดชีพทรราชย์ขุมนรก

มันช่วยให้เขาได้รับแต้มวิญญาณระดับทรราชย์มา! ไม่อย่างนั้นเขาจะอัพเลเวลได้ไวขนาดนี้ได้ยังไง?

ฮังอวี่ตรวจสอบค่าคุณสมบัติแล้ว

เขาพบว่าค่าพลังชีวิตเพิ่มขึ้นจากเดิม 25 หน่วยและค่าพลังจิตเพิ่มขึ้นจากเดิม 14 หน่วย

ฐานค่าคุณสมบัติตอนนี้คือ นักรบเลเวล 13 , ค่าพลังชีวิต 225 , ค่าพลังจิต 159 ... แต้มวิญญาณ  6450/30000 , แก่นแท้ 9.9%。

เมื่อบวกกับโบนัสจากอุปกรณ์สวมใส่ ค่าพลังชีวิตเขาอาจมากถึง 300+ และค่าพลังจิตเกือบถึง 200!

พลังระดับนี้ถึงไม่ดีเท่าชาวโลกวิญญาณ แต่ถ้าอยู่ในประชากรมนุษย์ เขาถือว่ายืนอยู่แถวหน้าแล้ว ตอนนี้มีมนุษย์ไม่มากนักที่จะทัดเทียมกับฮังอวี่ในด้านค่าคุณสมบัติ

ฮังเสี่ยวไป๋รายงานเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง

ค่ายกลเทเลพอร์ตที่สร้างโดยเมืองทรายดำเปิดใช้งานแล้ว

ฮังอวี่เดินมายังจัตุรัส เห็นแค่เพียงเบื้องหน้าแผ่นศิลาเทเลพอร์ตของเมือง มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน พร้อมที่จะเทเลพอร์ต สีหน้าของทุกคนดูมีความสุข ราวกับว่ากำลังเฝ้ามองตำนานบทใหม่ ซึ่งมันสร้างประโยชน์ต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

“สวัสดีบอสฮัง!”

“บอสฮังกลับมาแล้ว!”

ทุกคนไม่ได้เจอฮังอวี่ติดต่อกันหลายวัน

ฮังอวี่ได้กลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของเมืองหุบเขาเดียวดาย หรือเป็นกระทั่งผู้นำเผ่ามนุษย์ในอาณาจักรมังกรโลกาไปแล้ว อีกทั้งสงครามระหว่างสี่เมืองของเผ่ามนุษย์กับเมืองธารทะเลทรายจะปะทุขึ้นเมื่อใดก็ได้  ดังนั้นเมื่อไม่เจอหน้าเขา ทุกคนจึงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ฮังอวี่ปรากฏตัว ทุกคนจะรู้สึกสบายใจ

ฮังอวี่เอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง เทเลพอร์ตทำงานได้ดีไหม?”

“มันใช้งานได้ดี!” ชาวเมืองคนหนึ่งเห็นฮังอวี่พูดกับตัวเอง เขารู้สึกปลาบปลื้มมาก ตั้งใจว่าหลังจากกลับไปจะคุยโม้เรื่องนี้

“มันช่วยอำนวยความสะดวกในการล่ามอนสเตอร์ได้มาก”

“ใช่” อีกคนรีบแสดงความคิดเห็น “มีคนเยอะเกินไปในพื้นที่รอบๆเมืองหุบเขาเดียวดายของพวกเรา พอแย่งกันเลยหามอนสเตอร์ดีๆยาก แต่ตอนนี้พอมีค่ายกลเทเลพอร์ต พวกเราก็มีสถานที่ในการออกล่าให้เลือกมากขึ้น”

อีกคนพูดว่า “แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ค่าธรรมเนียมออกจะแพงไปหน่อย”

ฮังอวี่พยักหน้าเล็กน้อย

เรื่องนี้เขารู้มาจากเสี่ยวไป๋แล้ว ค่ายกลเทเลพอร์ตในปัจจุบัน ตอนนี้ติดตั้งได้แค่ที่เดียวเท่านั้น มันตั้งอยู่ในถ้ำที่ห่างออกไปประมาณ 200 ไมล์

หากใช้ถ้ำนี้เป็นจุดแวะพัก มันจะสามารถเชื่อมต่อเมืองมนุษย์ทั้งสี่เมืองได้

และค่ายกลเทเลพอร์ตแห่งที่สองกำลังเริ่มสร้างแล้วเช่นกัน หลังจากนี้จะมีค่ายกลเทเลพอร์ตในการรับส่งพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ค่ายกลเทเลพอร์ตพวกนี้ไม่ใช่แค่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างสี่เมืองเท่านั้น แต่ยังช่วยกระจายพื้นที่ล่า ทุ่งทรัพยากร สวนพืชวิญญาณใกล้กับเมืองทั้งสี่ให้สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ยังช่วยหมุนเวียนสินค้า สิ่งของ และทรัพยากรของทั้งสี่เมืองได้อีกด้วย

มันช่วยสร้างมูลค่าได้

แน่นอน

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ มังกรครามได้เสริมความแข็งแกร่งในการคุ้มครองเมืองมนุษย์ทั้งสี่ หากเมืองใดตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนอย่างทันท่วงที มีมูลค่าเชิงกลยุทธ์มหาศาล

ฮังอวี่ทดลองเทเลพอร์ต

ย้ายที่จากเมืองหุบเขาเดียวดายไปยังจุดแวะพักในถ้ำ จากนั้นเทเลพอร์ตเปลี่ยนที่หมายไปยังเมืองเตาหลอมศิลา มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 15 หินคริสตัลขาว ถือว่าค่อนข้างแพง

และในจำนวนที่จ่ายไป ทางเมืองทรายดำจะได้รับหินคริสตัลขาวอย่างน้อย 5 ก้อน

ฮังอวี่พึ่งมาถึงก็เข้าพบกับเหล่าจ้าวทันที อีกฝ่ายคือขุนนางแห่งเมืองเตาหลอมศิลา หลังกลับจากคุกโบราณ เขาก็รีบมาที่เมืองของตัวเอง ทำงานแข่งกับเวลาเพื่อเตรียมรับมือสงคราม

“เฮ้ ค่ายกลเทเลพอร์ตนี่มันของดีจริงๆ” เหล่าจ้าวอดทอดถอนหายใจไม่ได้ “น่าเสียดาย ที่ประเทศจีนไม่มีใครมีพิมพ์เขียวนี้เลย ไม่อย่างนั้นต่อให้แพงแค่ไหนพวกเราก็จะซื้อมัน”

ฮังอวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ค่ายกลเทเลพอร์ตขนาดเล็กเป็นพิมพ์เขียวสีฟ้า แค่พิมพ์เขียวสีฟ้าก็เป็นอะไรที่หายากมากแล้ว และในบรรดาพวกมัน พิมพ์เขียวค่ายกลเทเลพอร์ตหาได้ยากที่สุด แล้วจะดรอปได้ง่ายๆได้ยังไง?”

จ้าวหมิงบ่น “เมืองทรายดำโชคดีจริงๆ อาศัยแค่ค่ายกลเทเลพอร์ตก็ทำเงินได้มากมาย”

“พวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสร้างค่ายกล ถ้าเป็นพวกเราก็คงไม่ให้คนอื่นใช้ฟรีๆเหมือนกัน แต่วางใจเถอะ ผมจะพยายามช่วยให้สมาชิกมังกรครามได้รับส่วนลดมากขึ้น”

“นั่นก็จริง ถ้าพวกเรามีค่ายกลเทเลพอร์ต คงทำเงินได้ไม่น้อย” จ้าวหมิงกล่าว “ฉันรวบรวมสมุนทหารของคนแคระเรียบร้อยแล้ว ทำการก่อตั้งฐานการผลิตคนแคระ ในอนาคตเมื่อได้ทรัพยากรจากสี่เมืองและในโลกจริง พวกเขาสามารถช่วยผลิตอุปกรณ์สีขาวเป็นจำนวนมากได้”

ฮังอวี่ใจสั่น เอ่ยถามทันทีว่า“ในหนึ่งวันผลิตได้เท่าไหร่?”

จ้าวหมิงตอบว่า “ถ้าวัสดุเพียงพอ และมีการแปรรูปแล้ว เมืองเตาหลอมศิลาสามารถผลิตอุปกรณ์สีขาวเลเวล 10 ได้อย่างน้อยหลายร้อยชิ้นหรืออาจถึงพันชิ้นต่อวัน!”

ฮังอวี่พอใจมาก

เมืองเตาหลอมศิลามีทหารฝ่ายผลิตของคนแคระเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นข้อดีอย่างยิ่ง ขุมกำลังของเมืองใหญ่ หรือกระทั่งสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิง อุปกรณ์ที่พวกเขาผลิตได้รายวัน ไม่มีทางเกิน 1000 ชิ้นแน่ๆ

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าอุปกรณ์ที่ผลิตนั้นผสมปนเปกันไปตั้งแต่ดีถึงไม่ดี

ขณะที่เมืองเตาหลอมศิลาสามารถผลิตอุปกรณ์สีขาวได้ทั้งหมด!

นอกจากนี้ ฮังอวี่ยังเป็นเจ้าของฐานมนุษย์ปลา เขาสามารถรับวัตถุดิบจากพวกมันได้ จากนั้นนำไปแปรรูป แล้วลดราคาพิเศษ ขายให้แก่มังกรครามในโลกวิญญาณ แล้วส่งต่อให้เมืองเตาหลอมศิลาใช้ผลิตเป็นอุปกรณ์ จากนั้นขายต่อราคาพิเศษให้แก่กลุ่มมังกรฟ้าในปริมาณมาก

กลุ่มมังกรฟ้ามีร้านขายอุปกรณ์ มีช่องทางการขายมากมาย หากสามารถเปลี่ยนพวกมันเป็นเงินได้ ...

เรียกว่าครบวงจร

ฐานมนุษย์ปลา , กลุ่มมังกรฟ้า , องค์กรมังกรคราม ทั้งสามต่างสามารถทำกำไรได้จากกระบวนการนี้

นอกจากฮังอวี่แล้ว ซูหยุนปิง จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว พันธมิตรเหล่านี้ยังสามารถทำเงินได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน

“มีหลายวิธีในการทำเงิน แต่หลักประกันก็คือดินแดนในโลกวิญญาณต้องไม่สูญเสีย” ฮังอวี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และถามทันทีว่า “แล้วเรื่องทูตที่ส่งออกไปเพื่อติดต่อกับขุนนางเล็กเมืองอื่นล่ะ? ได้ความว่ายังไงบ้าง?”