ตอนที่ 10 - คนสวยผู้ใสซื่อ
2/5
ตอนที่ 10 - คนสวยผู้ใสซื่อ
มันเป็นจักรยานเด็กที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ตรงล้อหลังติดตั้งล้อเสริมพ่วงข้างทั้งซ้ายและขวาเอาไว้ โซ่ขึ้นสนิม แค่ยกขึ้นมาก็ส่งเสียงเอี๊ยดๆ
เจียงฮ่าวสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์
นี่น่ะหรือรถฉัน? ของโบราณแบบนี้ เธอไปหามันมาจากที่ไหนกัน?
เย่ซีหยูวางจักรยานลงบนพื้น ปัดๆมือตัวเอง วางมือข้างหนึ่งบนเข่าทำท่าเซ็กซี่เล็กน้อย หัวเราะด้วยรอยยิ้ม “ฉันนึกว่าต้องใช้เงินเยอะ ที่แท้เจ้าเศษเหล็กนี่ราคาแค่ 10 หยวน”
“เธอไปเอามันมาจากไหน” เฉินเค่อซินถามด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคู่งามลอบมองเจียงฮ่าวเป็นพักๆ
“ซื้อมาจากลุงที่อยู่แถวๆทางเข้าประตูชุมชน ฉันเคยเห็นลูกชายพิการทางสมองอายุ 30 ปีของเขาขี่มันประจำ พอไปคุยกันเขาบอกว่าซื้อมาได้ 20 ปีแล้ว” เย่ซีหยูตอบ ในแววตาทอประกายเจ้าเล่ห์ ผลักมันให้เจียงฮ่าว “มาเถอะเทพนักขับ วันนี้นายจะต้องขี่มัน”
ใบหน้าของเจียงฮ่าวมืดมนมากตอนนี้ ‘นี่เธอกำลังจะบอกว่าเขาเป็นคนพิการทางสมองเหมือนเจ้าของรถคนเก่าใช่ไหม?’
“ฉัน ...” วันนี้เขากะจะแกล้งเธอ แต่ไหงดันถูกเธอแกล้งได้? เจียงฮ่าวพูดไม่ออก
เย่ซีหยูยกสองมือเท้าสะเอว ทำเสียงฮึ่มๆ “ทำไม? เมื่อกี้ใครกันที่คุยโม้? ตอนนี้คิดกลับคำหรือ?”
“น้องชาย ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น” เฉินเค่อซินพูดพลางป้องปาก หัวเราะคิกคัก หน้าอกสั่นเบาๆ
“อะไร? เทพนักขับ หรือนายจะทำไม่ได้?” เย่ซีหยูเบ้ปาก
เจียงฮ่าวลุกพรวดเหมือนแมวถูกเหยียบหาง มือหนึ่งคว้าจักรยาน กล่าวอย่างโกรธเคือง “วันนี้ฉันจะยอมไปก่อน ขี่ก็ขี่!”
“ต้องแบบนี้สิลูกผู้ชาย แต่จำไว้ว่าวันนี้ต้องขี่มันทั้งวัน อ้อ ถ้านายโกง ขอให้ไอ้นั่นไม่โด่อีกเลยตลอดชีวิต!” เย่ซีหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ให้ตายเถอะ! ใจผู้หญิงนี่แหละคือพิษร้ายที่สุด เฮ้อ!
“สาบานสิ!” เย่ซีหยูชี้นิ้วไปทางเจียงฮ่าว
“ฉันสาบาน ...” เจียงฮ่าวยกสองนิ้วขึ้นด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของสองสาวงาม เจียงฮ่าวปั่นจักรยานเด็กสี่ล้อ ค่อยๆออกจากชุมชน มุ่งหน้าสู่ถนนสายหลัก
...
“เชี่ยเถอะ เจ้าเด็กนั่นไม่ได้ป่วยจิตใช่ไหม?”
“ตลกชะมัด ฉันหัวเราะจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว!”
“ถ่ายไว้ ถ่ายไว้เร็ว เก็บวิดีโอเขาไปลง Tiktok เรียกยอดไลค์ได้เป็นแสนแน่ๆ”
คนตามท้องถนนพูดคุยกัน ทุกคนราวกับกำลังมองกอริลลาในสวนสัตว์ ยกมือถือขึ้นถ่ายเจียงฮ่าว
“ช่างแม่ง มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ามัวแต่ก้มหน้าอายมันจะได้อะไรขึ้นมา” เจียงฮ่าวส่งเสียงฮึ่มๆ กำแฮนรถแน่น ยืดอกเชิดหัว ขับเข้าไปในสถาบันจินหลิง
...
“สวรรค์! เจ้าหมอนั่นคิดว่าตัวเองกำลังขับเฟอร์รารีอยู่รึไง?”
“ดูใบหน้ามีความสุขนั่นสิ ฉันว่าสมองเขามีปัญหาแน่ๆ”
สถาบันจินหลิงก่อตั้งขึ้นมานานแล้ว มันคือสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสาวงาม ในภาคเรียนฤดูร้อน บนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยสาวงามในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นและกระโปรงสั้น เป็นอะไรที่น่ามองมาก
บางคนก็ใส่ถุงน่องสีดำ ขาว หรือสีเนื้อ ขาสวยๆมากมายอยู่ในระดับสายตาเจียงฮ่าวที่กำลังปั่นรถเด็กเล่น น้ำลายเขาไหลย้อยจนแทบจะใช้มันเป็นน้ำมันหล่อลื่นจักรยานได้อยู่แล้ว
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังไม่หยุด นักเรียนรอบๆที่ได้ยินต่างหันมามอง จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วถ่ายวิดีโอเจียงฮ่าว
หลังจากหักเลี้ยวผ่านโค้งหนึ่ง เจียงฮ่าวเพิ่งนึกจุดประสงค์ของเขาออก
นี่ฉันต้องไปเรียนที่สาขาศิลปะนี่นา!
“งั้นลองถามคนแถวๆนี้ดูแล้วกัน”
เจียงฮ่าวหันไปหันมา ปั่นจักรยานเทพของเขาไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง
“ไปให้พ้นไอ้ขอทาน!” สาวร่างเล็กมองเจียงฮ่าวด้วยสีหน้ารังเกียจ ปัดมือไล่ให้พ้นทางราวกับกำลังไล่แมลงวัน
นักเรียนชายที่อยู่รอบๆต่างพากันหัวเราะ เจียงฮ่าวอับจนปัญญา ถึงจะคาดไว้แล้ว แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะขนาดนี้
ระหว่างที่เขากำลังเริ่มมีน้ำโห ดวงตาพลันเหลือบไปเห็นร่างในชุดสีชมพูซึ่งอยู่ไม่ไกล เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมอง พบว่าเป็นสาวหน้าหยก
เธอสวมชุดสีชมพู ผมยาวประไหล่ ผิวขาวจนน่าทึ่ง แต่ไม่ซีดเหมือนคนเป็นโรค ขาวเหมือนทาทับด้วยแป้งเด็กเนื้อละเอียด
รูปร่างเธอบอบบาง ถือหนังสือด้วยสองมือ ตาโตคล้ายกำลังยิ้มน้อยๆ ให้ความรู้สึกอันบริสุทธิ์ แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของเจียงฮ่าว
เจียงฮ่าวอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนเริ่มปั่นสองเท้า รถจักรยานสี่ล้อหยุดลงเบื้องหน้าสาวงามอันบริสุทธิ์
เจียงฮ่าวเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “น้องสาว เธอไปเรียนสายรึยัง?”
“เอ๋?” สาวบริสุทธิ์ตกใจ เผยอปากเล็กน้อย ก้าวถอยหลังมองเจียงฮ่าวอย่างระแวดระวัง “ฉัน ... ฉันยังไม่สาย ..”
มองไปยังผู้ชายตรงหน้า ในใจเริ่มคิดว่าสภาพแบบนี้ของเขา ไม่ใช่ว่าเป็นโรคทางสมองหรอกนะใช่ไหม?
สาวงามจินตนาการไปถึงคนวิปริตในข่าวเมื่อหลายวันก่อนที่ฆ่าคนตามท้องถนน จู่ๆก็เริ่มประหม่าขึ้นมา
“นั่นก็แน่อยู่แล้ว เพราะถ้าเธอกำลังสาย แล้วจะอยู่ในสภาพสวยขนาดนี้ได้ยังไง” เจียงฮ่าวกล่าวอย่างจริงจัง
ใบหน้าราวหิมะปรากฏริ้วแดงจางๆ สาวงามก้มศีรษะลงเล็กน้อย คิดในใจว่าถึงอีกฝ่ายไม่น่าใช่คนดี แต่วิธีการชมคนอื่นก็ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นกัน
แต่ก็เท่านั้น
สำหรับคนที่เพิ่งเจอกัน เธอไม่ได้มีความรู้สึกเสน่หามากนัก หันหลังพร้อมหนังสือในมือ ก้าวไปข้างหน้า ทิ้งกลิ่นหอมไว้เบื้องหลัง
“รอก่อน ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าสาขาศิลปะไปทางไหน” เจียงฮ่าวตะโกนไล่หลัง ปั่นรถสี่ล้อเด็กไล่ตาม
ร่างอันบอบบางของหญิงสาวนิ่งงันชั่วขณะ ปากน้อยๆส่งเสียงเล็กน่ารักโดยไม่มองย้อนกลับมา ยกแขนชี้ไปทางซ้ายแล้วกล่าวว่า “นายตรงไปทางนั้น พอเจอแยกก็เลี้ยวซ้าย เจออีกแยกก็เลี้ยวซ้าย แค่นี้ก็ถึงแล้ว”
ว่าจบ เธอก็วิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามอง
เหม่อมองตามหญิงสาว เจียงฮ่าวอยากจะไล่ตามเธอไป แต่สุดท้ายก็จนใจ เรื่องงานต้องมาก่อน ส่ายหัวด้วยความเสียดาย
ในความคิดของเขา ขนาดผู้หญิงคนนี้สวยราวกับนางฟ้า เช่นนั้นแล้วดาวโรงเรียนอย่างหยินเฉียนหยุนเล่าจะขนาดไหน?
เจียงฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หันหัวรถกลับ ปั่นไปทางซ้ายท่ามกลางสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“เลี้ยวซ้ายอีกรอบ ... หือ? ทำไมตรงนี้มันดูคุ้นๆจัง?”
เจียงฮ่าวขมวดคิ้ว แหงนหน้ามองขึ้นไป และพบว่าด้านหน้าเขาคือตำแหน่งเดียวกันกับที่พบสาวงาม
“เลี้ยวซ้ายทั้งหมดสามรอบ ... เชี่ยเถอะ ก็เท่ากับว่าวกมาที่เดิมไม่ใช่หรอ!”
เจียงฮ่าวอยากตบหัวตัวเอง หันขวับไปข้างหลัง และพบประตูรั้วแขวนป้ายว่า - สาขาศิลปะสถาบันจินหลิง
“ฟัคคคค ผู้หญิงคนนั้นหลอกฉัน! ไม่นึกเลยว่าคนที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจะแกล้งคนอื่นแบบนี้” เจียงฮ่าวพึมพำ ส่ายหัวแล้วเข้าไปข้างใน
เจียงฮ่าวจอดรถจักรยานใต้อาคารศิลปะ เดินไปตามที่อยู่ที่พ่อส่งให้ก็พบกับประตูสำนักงาน เขาเอื้อมมือออกไปและเคาะ
โครม!
เสียงดังขึ้นจากข้างใน จากนั้นก็มีเสียงเพล้ง เหมือนกับอะไรซักอย่างตกแตก
เจียงฮ่าวตกใจเล็กน้อย เอื้อมมือผลักเปิดประตูตามสัญชาตญาณ
และภาพเบื้องหน้าเขา แทบจะทำให้เลือดกำเดาต้องไหล!