วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0095
บทที่ 31 ล่า, ยักษ์ (3)
* * *
ลิลี่จ้องยักษ์ทรายที่กำลังตรึงคราเค่น
หากเป็นในยามปกติ ยักษ์ทรายคงไม่สามารถชนะพลังคราเค่น แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่อีกฝ่ายกำลังโกลาหล
คังซอนฮูไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
ชายหนุ่มไม่เคยแยแสว่า เหยื่อที่จะล่าแข็งแกร่งกว่าตนหรือไม่
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่สูงเพียงใด แต่คังซอนฮูก็จะกระชากข้อเท้าและลากลงมาอยู่ในจุดเดียวกัน
ขณะศัตรูกำลังสับสนอลหม่านกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
คังซอนฮูไม่พลาดช่วงเวลาดังกล่าว
ตอนนี้คราเค่นกำลังจับขอบห้วงลึกแน่น มันไม่ควรขึ้นมาตั้งแต่แรก แต่ความสับสนทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
นอกจากนั้น มือของมันยังเสียหายหนักจากกำปั้นอัศวินแห่งท้องฟ้า
คราเค่น ยักษ์ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหัวใจของตนเปิดโล่ง กำลังฉุนขาดและเอาแต่เหวี่ยงหนวดอย่างบ้าคลั่ง
คังซอนฮูมองเห็นโอกาส
จึงวิ่งตรงไป
และนั่นทำให้คราเค่นเริ่มอาละวาดหนัก
เผยให้เห็นหัวใจสีแดงสว่าง ขนาดของมันทัดเทียมภูเขาหินลูกใหญ่
หัวใจที่ดูคล้ายก้อนหิน กำลังยุบพองตัวอย่างต่อเนื่อง
ลิลี่ไม่พลาดโอกาสนั้น
ตึง!
หอกถูกยิง
หอกยักษ์ที่ใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่ากระสุน ส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับแหวกผ่านอากาศและฝุ่นทราย ดูราวกับเป็นหอกที่ขว้างโดยทวยเทพ
“ได้โปรด!”
ลิลี่เฝ้ามองภาพดังกล่าวพลางวิงวอนถึงอุนเดรา
ขณะคมหอกพุ่งเข้าใกล้หัวใจ
หมับ!
“อะ…”
เสียงอุทานดังขึ้น เบดูอินบางคนถึงกับสบถคำหยาบ
หนึ่งในหนวดคราเค่นที่กำลังอาละวาด พันรอบหอกอย่างแม่นยำ
หอกหยุดอยู่กับที่ทันที หนวดคราเค่นคล้ายกับเริ่มถูกเผาเพราะฤทธิ์หอก แต่มันไม่สนใจว่าตนจะเสียหนวดไปสักข้างหรือไม่
ห่างจากหัวใจเพียงแค่เอื้อม
หลังจากถูกยิงด้วยบัลลิสต้า หอกพิฆาตสัตว์ร้ายหยุดนิ่งกลางอากาศ
หากการโจมตีนี้ล้มเหลว ยังจะมีสิ่งใดสร้างความเสียหายหนักหน่วงให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้อีก?
สมองของทุกคนที่กำลังยืนมอง ขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก
ยกเว้นสองคน
ดาวตกสีเงินที่พุ่งควงสว่างเข้าหาคราเค่น
จากนั้น ด้วยความเร็วที่ไม่ลดลง หนวดรยางค์ถูกสะบั้นขาดอย่างง่ายดาย
หนวดที่ได้รับความเสียหายหนักจากแรงระเบิด มิอาจต้านทานการโหมกระหน่ำจากอัศวินจนถูกฟันขาดครึ่ง พลาดการจับหอกให้แนบแน่น
แต่หอกยักษ์จำเป็นต้องพึ่งพาแรงส่งจากบัลลิสต้า
เมื่อเป็นเช่นนั้น หอกย่อมร่วงลงพื้นโดยปราศจากพลัง
ขณะทุกคนกำลังจินตนาการภาพดังกล่าว
ด้านข้างหอก หนามย้อนศรนับสิบกิ่งถูกกางออก
หนามย้อนศร — สิ่งที่ทุกคนเคยเข้าใจว่าเป็นกลไกสำหรับทำให้ดึงออกได้ยาก
ซู่ว!
เปลวไฟอันร้อนแรงเริ่มลุกโชนผ่านช่องว่างหลายสิบ
ท่ามกลางเสียงระเบิด ประกายไฟ และควัน หอกพิฆาตสัตว์ร้ายกลับมามีแรงส่งอีกครั้ง
มันปักลึกเข้าไปในหัวใจคราเค่น
“สำเร็จ!”
“เข้าเป้า!”
“สำเร็จ… แล้ว?”
ไม่มีเลือดไหลออกจากหัวใจ เพราะยักษ์คือสิ่งมีชีวิตแบบนั้น
ตรงกันข้าม หัวใจแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย กลายเป็นคริสตัลสีแดงโปรยปรายเต็มทะเลทราย
ครืนนนน!
คราเค่นกำลังหงายหลัง
แสงจากหัวใจริบหรี่ลงทุกขณะ เป็นสัญญาณว่าพลังชีวิตกำลังจะหมด
ขณะทุกคนคิดว่าจบแล้ว
“โอ—!”
ยักษ์ส่งเสียงครวญครางเป็นครั้งแรก ตามด้วยการพยุงร่างที่กำลังหงายหลังให้กลับมาตั้งตรง
ตึง!
ฝ่ามือจับขอบห้วงลึกอีกครั้ง
ยักษ์กำลังจะดันตัวเองขึ้นมาบนผืนทราย
“หัวใจน่าจะถูกทำลายไปแล้วนี่ มันขยับได้ยังไง?”
“หรือนั่นจะไม่ใช่จุดอ่อน?”
เบดูอินหวาดผวาอย่างหนัก พวกเขาได้ยินมาว่า แค่ทำลายหัวใจยักษ์ก็จะจัดการกับมันได้
แล้วทำไมยักษ์ถึงยังขยับตัว?
รูม่านตาลิลี่ส่องแสงสีแดงครู่หนึ่ง
เพื่อประเมิน
“…พวกเราไม่ได้ทำอะไรพลาด”
“หือ?”
“เจ้ายักษ์นั่นกำลังจะตาย”
“แล้วมันขยับได้ยังไง?”
ลิลี่มองไปทางยักษ์ที่กำลังก้มหน้าและพยายามยกตัวขึ้นจากห้วงลึก
ระบุให้ชัดเจนก็คือ เธอกำลังมองดูการเปลี่ยนแปลงของโฉมวิญญาณ
“มันกำลังจะตาย… ใกล้ตายเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว”
วิญญาณของยักษ์กำลังจะตาย และทยอยพรั่งพรูเข้าไปในโลกวิญญาณประหนึ่งเขื่อนแตก
แต่ในเขื่อนมีน้ำมากเกินไป
ไม่สามารถระบายออกทั้งหมดในทันที หรืออย่างน้อย ยักษ์ก็มีเวลาเหลือเฟือสำหรับจัดการกับทุกคนที่นี่
ยักษ์มองดูรูโหว่ในวิญญาณของตน สายตาเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้น
เหล่าเบดูอินต่างพากันสิ้นหวัง
ตึง!
จนกระทั่งดาวหางสีเงินพุ่งมาขวางทางยักษ์ไว้
อัศวินแห่งท้องฟ้า
ผู้ปกครองที่เคยพ่ายแพ้ต่อยักษ์
เป็นอีกครั้งที่มันยืนขวางทางยักษ์
ในใจหวนนึกถึงสายตาของเด็กชายที่เคยมองตนเมื่อนานมาแล้ว
อัศวินแห่งท้องฟ้าเกิดมาไร้วิญญาณ จึงไม่รู้วิธีอยู่ร่วมกับวิญญาณหลังจากกลายเป็นผู้ปกครอง
กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน
ทว่า ถ้าเอาแต่อ้างว่าไม่รู้ ก็คงต้องย่ำอยู่กับที่โดยไม่มีวันค้นพบเบาะแส
เขาจึงตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า
แกร่ก!
อัศวินแห่งท้องฟ้าที่เคยพังยับเยินไปแล้วหนหนึ่ง คงยากที่จะกลับมามีรูปลักษณ์เหมือนเดิมแม้รูนจะถูกซ่อมแซม
ผงเหล็กตามลำตัวร่วงกราว ยิ่งเวลาผ่านไป การพยุงร่างกายก็ยิ่งทำได้ลำบาก
เหตุเพราะอักษรรูนบนหน้าผาก เลือนรางมาเป็นเวลานาน
ฟ้าว!
กลุ่มหนวดรยางค์จากศีรษะยักษ์ รวมถึงแขนทั้งสองข้างของมัน กำลังพุ่งเข้าใส่อัศวินประหนึ่งกำแพงปราการสวรรค์
ในวินาทีนี้ อัศวินแห่งท้องฟ้าได้ตระหนัก
ความเจ็บปวดจากสามเหลี่ยมภายในใจ มลายหายไปหมดแล้ว
ไม่ต้องคิดหาเหตุผล แค่เหวี่ยงดาบออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี
หัวไหล่บิดเล็กน้อย สองขาถ่างออก ย่อตัวลงต่ำ มือที่สั่นเทายกดาบขึ้นถือในแนวนอน
ขณะเดียวกัน มีบางสิ่งส่องแสงระยิบระยับจากศีรษะโกเล็มทรายที่กำลังถล่มลงมา
ตามด้วยเสียงตะโกน
「จังหวะนี้แหละ! จงแสดงให้พวกเราเห็นความสง่างามของเจ้า!!」
เมื่อสิ้นเสียง ประกายระยิบระยับจากศีรษะโกเล็มทราย บินตรงมายังอัศวินด้วยความเร็วสูง
แสงสว่างปะทะเข้ากับหมวกเหล็กของอัศวิน
อัศวินตระหนักได้ทันที
มนุษย์คนนั้นใช้สมบัติโบราณยิงอักษรรูนลงมา
รูน ‘ลิฟวิงเมทัล’ โฉมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ แถมยังถูกปรับแต่งให้ดีขึ้น ถูกสลักลงบนหมวก
เหยียดเท้าไปข้างหลัง ขาหลักปักลงในทราย
แม้จะเป็นแค่การปักหลัก แต่บรรยากาศกลับดูเหมือนอัศวินตอกตะปูยักษ์ยึดร่างของตนไว้ที่นั่น
ในวันนี้ เบดูอินทุกคนที่เข้าร่วมศึก ได้ประจักษ์ความรุ่งโรจน์
ดาบสีเงินเริ่มส่องแสง ไม่ใช่แค่แสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์
เหตุการณ์นี้จะกลายเป็นบทเพลงที่ถูกขับขานไปตลอดกาล
มนุษย์ผมดำผู้ได้รับพรจากสองดารากร และอัศวินสีเงิน
วินาทีที่พวกเขาโค่นยักษ์โบราณ จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ทวีป
มันจะกลายเป็นตำนานที่ถูกพร่ำพรรณนาในเทพนิยาย
* * *
หอกแห่งแสงทะลวงร่างยักษ์
ชีวิตที่ใกล้เคียงอนันต์เหือดแห้งในพริบตา
ยักษ์ล้มลงไปในห้วงลึก
ส่วนคังซอนฮู
“ฟู่ว…”
ณ ขอบห้วงลึก ชายหนุ่มโหนตัวเองไว้ได้ฉิวเฉียด
สถานการณ์คงอันตรายมากหากนี่เป็นพื้นทั่วไป แต่เนื่องจากมีทรายไหลทะลักขึ้นมาจากห้วงลึกตลอดเวลา ไม่นานเขาก็ถูกผลักมาอยู่ในตำแหน่งปลอดภัย
“กรร…”
คังซอนฮูตกใจเล็กน้อยเมื่อร่างกายของตนเริ่มจมลงในทราย แต่ด้วยจังหวะเหมาะเจาะ เรลิกซิน่าวิ่งเข้ามาใกล้จนคังซอนฮูสามารถคว้าบังเหียนและปีนขึ้นหลัง
“วันนี้ทำได้ดีมาก ไปหาของอร่อยกินกันเถอะ”
“ฮี่~!”
“แถวนี้ไม่มีของอร่อยสินะ? แต่อย่างน้อยก็ยังมีเนื้อตากแห้ง หรือจะเอาเป็นมนุษย์ปลา…”
「พูดกับม้าได้ด้วย? แปลกคนชะมัด」
“นายพูดกับเรือได้เลย… ไม่มีอะไรแปลกไปกว่าโจรสลัดที่โผล่ออกจากตะเกียงแล้ว”
「เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกับกัปตัน! สามหาวนัก! จับมันไปเฆี่ยนสามชั่วโคตร…」
คังซอนฮูเพียงยิ้มและมองไปทางเรือที่กำลังลอยอยู่ไกลๆ
“ไปกันเถอะ เรลิกซิน่า”
ชายหนุ่มกลับเรือด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องรีบแล้ว
* * *
อัศวินยืนมองห้วงลึกโดยไม่ละสายตา
กองเรือทยอยแล่นเข้ามาใกล้ ทุกคนกำลังขนลุกที่เห็นได้บุคคลในตำนานซึ่งตนสาบานว่าจะรับใช้ ลงมาจากภูเขาหิมะเสียที
“ท้ายที่สุด ท่านก็ปกป้องพวกเราไว้ ท่านหัวหน้า”
ชีราฮิลล์ตื้นตันใจที่ได้เห็นหัวหน้าตัวจริงของกองอัศวิน
อัศวินครุ่นคิดหลังจากได้ยิน
เขาปกป้องทุกคน?
จากมองมุมของอัศวิน นั่นไม่จริงเลย
อัศวินแห่งท้องฟ้ามองไปทางมนุษย์ที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ รวมถึงภูตตะเกียง
ทั้งสองประสานสายตากัน มนุษย์ยังคงไม่ลงจากหลังม้าที่เหยียบอยู่บนทราย
“เด็กคนนั้น”
อัศวินแห่งท้องฟ้าไตร่ตรองสักพักก่อนจะเปิดปาก
“เด็กคนนั้นไม่ได้โกรธข้าจริงหรือ”
「วู้ว! ไอ้สมองทึบ!」
ดูเหมือนเอ็ดเวิร์ดจะยังหงุดหงิดกับทัศนคติของอัศวิน
「อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้สึกเสียใจ แค่นี้ก็พอแล้ว」
อัศวินใคร่ครวญอีกครั้ง คราวนี้หันมาถามมนุษย์
“กิโฮเต้ออกเดินทางเพื่อตามหาอิสรภาพของเขาใช่ไหม”
คังซอนฮูพยักหน้า
“ได้ยินว่ากำลังเดินบนเส้นทางที่ยากลำบากเพื่อโน้มน้าวให้เหล่ามังกรหวนกลับมา ฉันก็ไม่เข้าใจความหมายนัก แต่คงไม่ใช่งานที่ง่าย”
“กิโฮเต้ไม่นึกเสียใจเลยหรือ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่เขาสูญเสียความรุ่งโรจน์เพราะต้องเฝ้าประตูเป็นเวลานาน… กิโฮเต้นึกเสียใจกับทางเลือกในอดีตของตนบ้างไหม”
คังซอนฮูนิ่งไปสักพัก
“…เขาไม่ได้คิดถึงอดีตเลย”
“…ไม่ได้คิดถึงอดีตเลย?”
“ไม่ได้ใส่ใจว่าตัวเลือกของตนถูกหรือผิด”
“…อย่างนั้นหรือ”
ลิลี่ที่ฟังเงียบๆ อยู่บนเรือ เปิดปากเสริม
“ในท้ายที่สุด กิโฮเต้ได้รับความรุ่งโรจน์กลับคืน และออกไปหาค้นหาอิสรภาพด้วยความเร็วดุจดังดาวตก… ตามความคิดของข้า ถึงจะไม่ได้ลงเอยแบบนี้ แต่กิโฮเต้ก็คงไม่นึกเสียใจ”
อัศวินหันไปมองแวมไพร์
ทำไมถึงได้ทำหน้ามั่นใจนัก?
ตัวตนที่เกิดมาในฐานะลิฟวิงเมทัล ยังไม่ค่อยเข้าใจกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อมวิญญาณ
“เพราะมีความเชื่อ จึงไม่นึกเสียใจภายหลัง”
อัศวินแห่งท้องฟ้ามองไปรอบตัว
แวมไพร์เชื่อในมนุษย์ มนุษย์เชื่อในตัวเอง และภูตตะเกียงเชื่อในชะตากรรมของตน
ไม่มีใครลังเลแม้แต่นิดเดียวหากได้เลือกที่จะเชื่อไปแล้ว
อัศวินแห่งท้องฟ้าครุ่นคิดเงียบงัน
หากตนอยากจะเชื่อในบางสิ่งบ้าง จะต้องแลกกับอะไร?
และการเสียสละนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่?
“…”
มนุษย์เดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาดาบของตน
อัศวินแห่งท้องฟ้าทราบดี ถึงข้อเท็จจริงที่มนุษย์ตรงหน้า คือหนึ่งในผู้ปกครองที่มีชะตากรรมคล้ายคลึงกับตน
อัศวินแห่งท้องฟ้าก้มมองดาบ
และตัดสินใจที่จะลองเชื่อดูสักครั้ง
เคร้ง!
“ท่านอัศวิน…!”
อัศวินใช้มือกระชากแผ่นโลหะบางส่วนบนหน้าผาก
จากนั้นก็นำโลหะแผ่นดังกล่าวกระแทกใส่ใบดาบ
อักษรรูนที่ทำให้อัศวินแห่งท้องฟ้ามีตัวตน ส่องแสงเล็กน้อย
และเมื่ออัศวินดึงมือกลับ อักษรรูนได้ย้ายจากแผ่นโลหะมายังผิวดาบ
“นี่คือดาบตัดนิรันดร์… ดาบที่ใช้ลงทัณฑ์ศัตรูของโลกในนามแห่งราชา หากเป็นเจ้า คงใช้มันได้เกิดประโยชน์มากกว่าข้า”
อัศวินถือส่วนคมและยื่นด้ามให้มนุษย์
มนุษย์เผยสีหน้าซับซ้อนโดยยังไม่รับไว้
“ให้กันง่ายๆ แบบนี้จะดีหรือ”
“เจ้ามาที่นี่เพราะต้องการมัน”
“เพียงเพราะฉันต้องการ ไม่ได้แปลว่าอัศวินต้องยกให้”
มนุษย์พยายามทำความเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย
สมบัติของตัวเอง เหตุใดถึงยกให้คนอื่นง่ายดายนัก?
“ความอยากรู้ทำให้ข้าลงจากเขา และนั่นนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดี… ครั้งนี้ข้าจึงอยากลองเชื่อ”
“เราไม่ได้สนิทขนาดนั้น ทำไมถึงเชื่อใจกัน? ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ”
“ข้าไม่ได้เชื่อใจเจ้า”
อัศวินก้มมองดาบครู่หนึ่ง
“ข้าเชื่อใจการตัดสินใจของตัวเอง”
มนุษย์หมดคำพูดไปชั่วขณะ
อาจเพราะชอบคำตอบ เขาจึงวางมือลงบนด้ามจับ
ดาบที่ใบดาบสลักรูน ‘ลิฟวิงเมทัล’
อักษรรูนที่ทำให้อัศวินแห่งท้องฟ้ามีตัวตน
“เจ้ารู้ความหมายของตัวอักษร และยังรู้วิธีดัดแปลงมัน… ข้าเชื่อว่าการเดินทางของเจ้าคงไม่ได้พบเจออุปสรรคมากนัก แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีเส้นทางใดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเวลา”
อัศวินจ้องหน้ามนุษย์
“หากยามใดเจ้าพบเจออุปสรรคใหญ่หลวง จงใช้อักษรเหล่านี้… ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ข้าจะเกิดใหม่จากดาบเพื่อเจ้า”
“แล้วนายจะทำอะไรต่อ”
“ข้าอยากเพิกเฉยต่อชะตากรรม”
ได้ยินเช่นนั้น ลิลี่จ้องหน้าอัศวินทันที
หนึ่งในสิบสองผู้ปกครอง — นักพิพากษา
หลังจากหมกมุ่นอยู่กับคุณธรรมจนตัวเองพังทลาย เขาประกาศยอมแพ้ต่อชะตากรรม
“ข้าไม่รู้ว่าอิสรภาพของตัวเองคืออะไร… ข้าใช้ชีวิตเพื่อความยุติธรรมมาตลอด แต่ไม่เคยรู้จักความยุติธรรมที่แท้จริง… ข้าอยากจะเชื่อมั่น แต่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเชื่อมั่นในอะไร”
จึงตัดสินใจ
“จนกว่าจะค้นพบเส้นทางที่ถูกต้อง ข้าอยากได้รับการสั่งสอนจากโลก”
เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
「การเก็บตัวอยู่บนภูเขาหิมะนั่น ไม่ได้สอนอะไรเจ้าเลยสินะ」
“ก็คงอย่างนั้น”
“แต่อย่างน้อย วันนี้นายก็ตัดสินใจถูก”
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้า… ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจบางสิ่งแล้ว”
อัศวินมองไปรอบตัว
กองอัศวินเริ่มตระหนักว่า วีรชนอัศวินกำลังจะจากไป
แต่พวกเขาไม่พยายามเหนี่ยวรั้ง เพียงยอมรับความเป็นจริงและเคารพในทางเลือก
โดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม อัศวินเดินไปทางตะวันออก
เป็นอีกครั้งที่เขาเลือกเดินบนเส้นทางแห่งความอุตสาหะ
ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปจากครั้งก่อน?
ทุกคนทราบดีว่าไม่ใช่
ดาบที่เคยถูกทิ้งลงไปในห้วงลึก ตอนนี้อยู่ในมือมนุษย์
มันคือสัญลักษณ์แห่งความเชื่อที่อัศวินเคยทอดทิ้ง
“…มนุษย์ผู้มีดาบของวีรชนอัศวิน แถมยังได้รับการอวยพรจากสองดารากร”
ชีราฮิลล์เปิดปาก
“ยังมีเหตุผลอื่นที่จะไม่ให้เขาเป็นหัวหน้าเราอีกหรือ?”
“…ฉันไม่เป็น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ พวกเราจะรอจนกว่าท่านวีรชนจะกลับมา”
ชีราฮิลล์ยิ้ม จากนั้นก็หันกลับไปพูด
“พวกเราชนะแล้ว! คราเค่นถูกโค่น!!”
เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะซึ่งถูกเลื่อนออกมาเล็กน้อย กำลังดังปกคลุมทะเลทราย เสียงเป่าแตรดังจากเรือแต่ละลำดังเป็นระยะ
ลิลี่มองฉากดังกล่าวด้วยสีหน้าอิดโรยเจือยิ้มแย้ม ตามด้วยก้มมองและพูด
“…เจ้าจะทำอะไรต่อ”
“ลงไปในห้วงลึกไง”
「ใช่แล้ว! ลงไปยังเมืองแห่งการปล้นครั้งใหญ่! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ยกสมอขึ้น!!」
ในจุดที่ศพคราเค่นตกลงไป
หรือกล่าวได้ว่า ข้างล่างนั่นมีสมบัติให้เก็บเกี่ยวมากกว่าหนึ่งชิ้นแน่นอน
คังซอนฮูหันหน้าไปยังทิศทางที่อัศวินลับสายตา และมองค้างไว้เป็นเวลานาน
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel