Ep.395 - ทรราชย์ขุมนรก
3/3
Ep.395 - ทรราชย์ขุมนรก
ต่อหน้ายอดฝีมือของเมืองธารทะเลทราย
มอนสเตอร์อันทรงพลังอีกตัวในคุกโบราณชั้น 3 จบชีวิตลง
ไม่ต่างจากที่คาดไว้ ยอดฝีมือทั้ง 8 จากเมืองธารทะเลทรายไม่ใช่เซนทอร์ทั้งหมด
มีหกตนเป็นเซนทอร์ อีกสองตน หนึ่งเป็นมิโนทอร์ อีกหนึ่งเป็นโทรลล์ พวกมันคือข้ารับใช้ของเมืองธารทะเลทราย
แม้จะกล่าวว่าเป็นข้ารับใช้ แต่การที่สามารถมีคุณสมบัติได้เป็นข้ารับใช้ของเมืองธารทะเลทราย นั่นหมายความว่าตราบใดที่พวกมันต้องการสถานะขุนนางเล็ก เมืองธารทะเลทรายสามารถยกเมือง 1 ให้พวกมันได้ทันที
มิโนทอร์เป็นนักรบโล่ยักษ์ที่ทรงพลัง
โทรลล์เป็นนักบวชที่รับผิดชอบในการรักษาและสนับสนุน
เกือบทั้งหมดในทีมมีพลังรบอยู่ในเลเวล 14 ยกเว้นเพียงตนเดียว คือหัวหน้าทีมทีมนี้ ไม่ใช่ใครอื่น มันคือขุนนางแห่งเมืองธารทะเลทรายจ้าวสงครามคาลิมัว!
อุปกรณ์ทั้งหมดของมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกชิ้นเรืองแสงพลังงานวิญญาณสีฟ้า
เจ้านี่แทบจะเรียกได้ว่าสวมชุดสีฟ้าเต็มตัว และกลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างกายมัน ทำให้คนที่รับรู้ได้รู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับยอดเขาสูงตระหง่าน
เพราะยังไงซะ คาลิมัวก็ครอบครองมรดกขั้น 3 ถึงสามอาชีพ และมรดกขั้น 4 อันแก่กล้าอีกหนึ่งอาชีพ !
และทุกอย่างนี้ใช้เวลาแค่ไม่นานเท่านั้น!
ย้อนไปในตอนแรก เดิมทีมันเป็นเพียงลูกน้องของขุนนางเล็ก ทว่าสิ่งที่แตกต่างระหว่างคาลิมัวกับชาวโลกวิญญาณตนอื่นๆก็คือความดุร้ายและความโลภที่ไม่เหมือนใคร คาลิมัวไม่เต็มใจที่จะอยู่ภายใต้คำสั่งของคนอื่น มันจึงสมคบคิดกับกองกำลังภายนอกสังหารเจ้านายตัวเอง จนในที่สุดก็ได้ขึ้นเป็นขุนนางเล็ก
และหลังจากที่ได้เป็นขุนนางเล็กแล้ว คาลิมัวก็ยังไม่พอใจ
มันไม่พอใจกับลูกน้องไม่กี่ตัวตนของตัวเอง
ไม่พอใจที่จะครอบครองกองทหารที่จำกัดของเมืองเล็ก ไม่พอใจกับอาณาเขตอันน้อยนิดของขุนนางเล็ก ดังนั้นในระหว่างที่คอยส่งส่วยให้แก่ขุนนางใหญ่ ขณะเดียวกันมันก็คอยดึงดูดเซนทอร์หลายตัวและกองกำลังร่อนตนอื่นๆมาเข้าร่วม ค่อยๆสะสมขุมกำลังเอาไว้
เตรียมการอย่างเงียบเชียบ
เฝ้ารอเวลาที่เหมาะสม
หลังจากนั้นอีกประมาณ 5 หรือ 6 ปี โอกาสก็มาถึง ขุนนางใหญ่ของเมืองธารทะเลทรายในขณะนั้นเกิดการปะทะกันกับขุนนางใหญ่ที่อยู่ในอาณาเขตใกล้เคียง ทั้งสองฝ่ายต่างเกิดการสูญเสียและไม่มีใครได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้
คาลิมัวฉวยโอกาสระหว่างที่ขุมกำลังของขุนนางใหญ่ในขณะนั้นได้รับบาดเจ็บ มันไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีเวลาพักฟื้น บังคับขุนนางเล็กหลายตนร่วมมือกับตัวเองทำสงครามแย่งชิงดินแดน
และเมื่อการต่อสู้อันดุเดือดสิ้นสุดลง
ความพยายามของคาลิมัวที่สั่งสมขุมกำลังมาหลายปีก็สัมฤทธิ์ผล บวกกับความช่วยเหลือของขุนนางเล็กอีกหลายตน ทำให้มันสามารถคว้าเมืองธารทะเลทรายได้สำเร็จ
สามารถขึ้นเป็นขุนนางใหญ่คนใหม่ของเมืองธารทะเลทราย
และจนถึงวันนี้
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปกว่า 10 ปีแล้ว
หลังจากที่คาลิมัวสามารถวางรากฐานได้อย่างมั่นคง มันก็เริ่มเอารัดเอาเปรียบขุนนางเล็ก สั่งให้จ่ายส่วยเพิ่มขึ้น ช่วงชิงทรัพยากรอย่างบ้าคลั่ง
ทรัพยากรจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่เมืองธารทะเลทราย ทางหนึ่งเป็นการสะกดขุนนางเล็กไม่ให้เหิมเกริม และอีกทางหนึ่งช่วยให้เมืองธารทะเลทรายกลายเป็นมหาอำนาจอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ คาลิมัวมาถึงเลเวล 15 แล้ว และมันได้สวมชุดสีฟ้าทั้งตัว บวกกับได้ครอบครองมรดกขั้น 4 อันทรงพลัง สามารถกล่าวได้ว่าความสำเร็จของมันเหนือยิ่งกว่าขุนนางใหญ่คนก่อน
กระนั้น ความพยายามและความปรารถนาของมันยังไม่สิ้นสุดลง
คาลิมัวเริ่มไม่พอใจกับการได้ครอบครองแค่เมืองธารทะเลทรายอีกต่อไป มันต้องการเมืองที่ดีกว่านี้ ต้องการสถานะที่สูงกว่านี้
คาลิมัวในวันนี้มีความโลภคิดหมายปองตำแหน่งผู้ครองแแคว้น แม้จะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างขุมกำลังระดับผู้ครองแคว้นกับขุนนางใหญ่ ทว่าคาลิมัวก็ยังพอมีโอกาส
เพราะในตอนนี้สถานการณ์ในแคว้นเดียวดายก็ยังไม่ค่อยมั่นคง ตราบใดที่ทำเหมือนเมื่อก่อน พยายามอดทนแล้วเตรียมตัวให้พร้อม ก็จะสามารถคว้าโอกาสที่มาถึงได้
จะต้องคว้าให้จงได้!
อย่างไรก็ตาม คาลิมัวกำลังประสบปัญหาเล็กน้อย เวลานี้มีดินแดนเล็กๆที่เรียกว่าเมืองหุบเขาเดียวดาย เดิมมันเป็นแค่อาณาเขตที่ไม่โดดเด่นและอ่อนแอที่สุดในบรรดาเมืองมากมายภายใต้การปกครองของเมืองธารทะเลทราย
กระนั้นพวกขยะมนุษย์จิ้งจอกกลับไม่สามารถปกป้องมันเอาไว้ได้ สุดท้ายถูกยึดครองโดยโจรเร่ร่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คาลิมัวไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะเมืองในโลกวิญญาณมักถูกปล้นแล้วปล้นอีก การเปลี่ยนมือเจ้าของเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาลิมัวรู้สึกเซอร์ไพรส์ก็คือ เจ้ากลุ่มที่ดูเหมือนไม่แข็งแกร่งอะไรพวกนี้ กลับใช้เวลาเพียง 20 วันระเบิดพลังออกมา ยึด 3 เมืองติดต่อกัน เข้าควบคุม 4 เมืองในคราวเดียว
คาลิมัวไม่พอใจมาก!
นี่มันเหมือนการตบหน้าเขา!
มันคือการข้ามหน้าข้ามตากันชัดๆ!
คาลิมัวเองก็เคยเป็นขุนนางเล็กผู้แย่งชิงบัลลังก์คนอื่นมาก่อน ดังนั้นมันจึงอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มาก เมืองหุบเขาเดียวดายนับว่าได้แตะเกล็ดย้อนของมัน ดังนั้นเมืองนี้และเผ่าพันธุ์นี้จะอยู่ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด!
แน่นอน
คาลิมัวยังไม่ถือว่าเมืองหุบเขาเดียวดายอยู่ในสายตา
ในความคิดของมัน
เจ้าเผ่าพันธุ์นี้แม้มีความทะเยอทะยานอยู่บ้าง แต่สุดท้ายใจร้อนเกินไป ไม่รู้ว่าเวลาไหนควรก้มหน้าก้มตาทำตัวดีๆ ไม่รู้จักวางแผนให้รอบคอบ ไม่ได้สืบหาข้อมูลสักนิดว่าเมืองธารทะเลทรายมีทหารชั้นยอดอยู่มากถึง 20,000 นาย
สถานะของเมืองธารทะเลทรายแข็งแกร่ง ไม่เหมือนในอดีตที่เคยถูกช่วงชิงไปอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นเมืองหุบเขาเดียวดายจึงไม่นับเป็นตัวผายลมอันใด!
เจ้าพวกนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ยิ่งกว่าตัวมันเมื่อก่อนมาก!
คาลิมัวได้สั่งให้ขุนนางเหล็กที่ไว้ใจได้หลายตนทำการทดสอบพวกเขา รอจนคุกโบราณสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ อย่างแรกที่จะทำคือรวบรวมกำลังทหาร และเข้าบดขยี้เมืองทั้ง 4 แห่งด้วยตัวมันเอง
มันไม่สามารถทนต่อการล่วงเกินของขุนนางใต้บังคับบัญชาได้
บ้านไม่สามารถทานทนต่อความทะเยอทะยานใดๆ ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของตัวเอง
“ท่านขุนนาง พวกเราจะโจมตีห้องขังต่อไปเลยหรือไม่?” เซนทอร์ผู้ใต้บังคับบัญชาของคาลิมัวเอ่ยถาม
คาลิมัวกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้งว่า “ชัคกับชาเฮย เจ้าขยะ 2 ตัวนี้ถูกกำจัดแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนตามมา ถึงจากการรับรู้ของข้า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้แก่กล้าอะไรมากนัก มีโอกาสสูงที่จะเป็นโจรเร่ร่อน แต่พวกเราก็ไม่ควรประมาท”
พูดถึงเรื่องนี้
มันจ้องมองลึกเข้าไปข้างหน้า “ก่อนอื่นพวกเราต้องกำจัดทรราชย์แห่งขุมนรกเสียก่อน ส่วนที่เหลือค่อยว่ากัน”
“ขอรับ!”
ทีมจากเมืองธารทะเลทรายเดินออกจากห้องขัง มุ่งหน้าผ่านทางเดินชั้น 3 อย่างรวดเร็ว เนื่องจากทุกตนล้วนเป็นยอดฝีมือ และมีกระทั่งขุมพลังระดับขุนนางใหญ่ ดังนั้นสามารถเก็บกวาดมอนสเตอร์ไปได้ตลอดทาง
“พวกเรามาถึงแล้ว”
“เป็นที่นี่”
เมื่อเทียบกับข้อมูลที่ได้มามันไม่น่าจะผิดพลาด
การปรากฏตัวของห้องขังยักษ์เบื้องหน้านี้เหมือนกันทุกประการกับข้อมูล กล่าวต่อว่า “ตัวตนที่อยู่ที่นี่ทรงพลังมาก จากข้อมูลที่ได้มา ถ้าอยู่ในน้ำพลังรบของมันจะทวีคูณ อีกทั้งยังมีความสามารถในการฟื้นฟูพลังชีวิตอันน่าทึ่ง เรียกได้ว่าแทบจะคงกระพัน ดังนั้นพวกเราต้องล่อมันออกไป ให้มันตกอยู่ในกับดักค่ายกล”
ยอดฝีมือจากเมืองธารทะเลทรายเริ่มเตรียมการในทันที
อันดับแรกพวกมันติดตั้งค่ายกล แล้ววางกับดักแล้วกับดักเล่า
แต่ละตนมีชีวิตอยู่มายาวนานกว่า 10 หรือ 20 ปี มีประสบการณ์มากมาย
ตราบใดที่สามารถล่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในออกมาได้ รับประกันเลยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ มันไม่มีทางหนีรอดไปได้
คาลิมัวตัดสินใจล่อมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง
มันกุมหอกยาวสีฟ้าใสมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบสีเทาดำ ตามด้วยเสียงแผดต่ำ ปราณสงครามแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้น เพียงแต่ว่ามันไม่กระจายออกไป ทั้งหมดถูกรวบเข้ามายังตัวหอก สุดท้ายไหลขึ้นไปตรงปลายหอก
คมหอกฟาดฟันลง น้ำนิ่งในทะเลสาบถูกพละกำลังอันแข็งแกร่งพัดพาออกไปอีก
ในคมหอกเดียว ผิวน้ำเหนือทะเลสาบถูกแบ่งครึ่ง เนิ่นนานไม่หายไป และภายใต้น้ำลึกนี้ มีเงามหึมาที่กำลังส่งกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
“จงออกมาให้ข้า!”
คาลิมัวคำราม ฟาดฟันหอกยาวออกไป เปิดใช้งานสกิลเสริมในอาวุธ - ขว้างสายฟ้า!
ทันทีที่หอกหลุดจากมือ มันแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าคะนอง กระแทกเข้าใส่เงาใหญ่อย่างแรง
“ฮู้มมมมม”
เงาใหญ่ตอบสนอง ปลดปล่อยคลื่นที่มองไม่ออกด้วยตาเปล่า ระเบิดคลื่นจิตวิญญาณอันทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กวาดฮือออกไปทั่วรัศมีหลายร้อยเมตรทันที
กระทั่งคาลิมัวยังสั่นสะท้านถอยหลังไปหลายก้าว เข้าสู่สถานะมึนงง สูญเสียพลังชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
ร่างอันสูงตระหง่านราวกับขุนเขาลูกเล็กๆ ค่อยๆลุกขึ้นจากทะเลสาบอย่างช้าๆ
มันสูงกว่าสิบเมตร มีโครงร่างเหมือนมนุษย์ ปีกค้างคาวขนาดใหญ่ด้านหลัง มีหนวดปลาหมึกเต็มคอ แขน ไหล่ หลัง เต็มไปด้วยหนวดขนาดยักษ์ และหนวดทุกเส้นปกคลุมไปด้วยดวงตา
ณ เวลานี้
ดวงตาแต่ละข้างเปิดออกแล้ว
เพียงมองไปยังม่านตาสีเลือดเหลือนั้น แค่แวบเดียวก็ชวนให้เกิดอาการหนังศีรษะด้านชา
คาลิมัวไม่เคยจัดการกับมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน เขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าคืออสูร
อสูรจะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ และมีหลายประเภทที่สามารถแบ่งแยกย่อย
ไม่ว่าจะเป็นอสูรเล็ก หรืออสูรผู้ยิ่งใหญ่ , ปีศาจเงา , ซัคคิวบัส , ปีศาจโลกันต์ ฯลฯ
แต่เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้า เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับที่กล่าวมา เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่เคยพบเจออย่างสิ้นเชิง
มันคืออสูรนรก!
โลกขุมนรกคือหนึ่งในดินแดนที่น่าสะพรึงที่สุดเพียงไม่กี่แห่งในโลกวิญญาณ ว่ากันว่าต่อให้เป็นพลังอำนาจระดับทวยเทพก็ยังควบคุมโลกขุมนรกที่เต็มไปด้วยอสูรนรกไม่ได้
ร่ำลือว่าอสูรนรกในโลกแห่งนั้น ในหมู่พวกมัน ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังรบเทียบได้เลยกับระดับทวยเทพ
และการปรากฏตัวของอสูรนรกนั้นคาดเดาไม่ได้ พวกมันไม่เคยมีรูปลักษณ์ที่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่อสูรนรกมีเหมือนกัน ก็คือส่วนใหญ่มีค่าคุณสมบัติจิตวิญญาณ ที่สูงมาก
ซึ่งนี่ตรงกับข้อมูลโบราณได้เป็นอย่างดี
มันคือ BOSS ใหญ่ของคุกโบราณชั้น 3
ระดับทรราชย์ขั้นซิลเวอร์ในเลเวล 15 - ทรราชย์ขุมนรก!
หลังจากคาลิมัวได้สติ มันรีบล่าถอยทันที ทรราชย์ขุมนรกเห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่พอใจกับการโจมตีของคาลิมัว เริ่มเคลื่อนร่างใหญ่ ไล่ติดตามออกจากทะเลสาบ
แม้ดูเทอะทะ แต่แท้จริงแล้วคล่องแคล่วมาก ไม่ช้ามันก็ไล่ตามออกจากห้องขังยักษ์ไป
ณ มุมตะวันออกของห้องขัง
ตรงจุดไหนสักแห่ง
ความมืดค่อยๆสลายหาย
ฮังอวี่ออกอจากสถานะพรางตัว ยกมือขึ้นลูบหัวด้วยความเจ็บปวด “ถึงจะอยู่ไกลขนาดนี้แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากการคลื่นโจมตีทางจิต พลังของทรราชย์ขุมนรกช่างบิดเบือนจริงๆ”
ไม่กี่นาทีต่อมา
แสงรอบตัวเขาสว่างวาบ
คนอื่นๆที่ออฟไลน์ไปได้กลับมา
“เวลามีจำกัด นี่คือโอกาสทองที่พวกเราสามารถคว้าได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นห้ามผิดพลาด!” ฮังอวี่อธิบายสถานการณ์คร่าวๆ
“ทุกคนลงมือได้!”