859 - ดินแดนลับสุดท้ายของร่างกายมนุษย์
859 - ดินแดนลับสุดท้ายของร่างกายมนุษย์
"อา ... "
จินฉีเซียวส่งเสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวด ไหล่ซ้ายของเขาบิดเบี้ยว แขนใหม่กำลังงอกออกมา แขนที่งอกใหม่มันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทอง
“ลูกหลานของสิ่งมีชีวิตโบราณ ทั้งยังมีเลือดของราชาโบราณไหลเวียนอยู่ในร่างกาย” เย่ฟ่านครุ่นคิด เขายืนอยู่ในความว่างเปล่าพร้อมกับเกาทัณฑ์ว่านซาง
เมื่อหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดเสียชีวิต ผู้อาวุโสอีกสามคนก็แสดงสีหน้าจริงจังและเร่งเร้าพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพื่อเตรียมที่จะฆ่าเย่ฟ่านในการโจมตีครั้งสุดท้าย
“แปดต้องห้ามในตำนาน”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของพวกเขา นี่เป็นข่าวร้ายจริงๆ แม้แต่จินฉีเซียวก็ยังดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เขาอยู่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามของอาณาจักรแปลงมังกร แต่การสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอาณาจักรย่อยสูงกว่าเขาถึงแปดระดับนี่มันน่ากลัวเกินไป
ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อพวกเขาไปถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งที่เก้าของอาณาจักรแปลงมังกรพวกเขาจะก้าวเข้าสู่อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตในตำนานไปครึ่งขาแล้ว
จะเห็นได้ว่าผู้สูงสุดทุกคนคือจุดสูงสุดของอาณาจักรแห่งความเป็นมนุษย์
ดังนั้นอย่าว่าแต่เย่ฟ่านที่อยู่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามของอาณาจักรแปลงมังกรเลย ในประวัติศาสตร์นี้ไม่เคยมีครึ่งก้าวอาณาจักรแปลงมังกรสามารถเอาชนะผู้สูงสุดได้ด้วยซ้ำ
อาณาจักรผู้สูงสุดคืออาณาจักรลับสุดท้ายของความเป็นมนุษย์ซึ่งถูกเรียกว่าอาณาจักรลับที่ห้า เมื่อไปถึงขอบเขตผู้สูงสุดกระดูกของพวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นมังกรทำให้หลุดออกจากการเป็นมนุษย์ไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเคยมีตำนานกล่าวไว้ว่ายังมีอาณาจักรลับที่หกซึ่งคั่นอยู่ระหว่างอาณาจักรผู้สูงสุดและสิ่งมีชีวิตอมตะ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เข้าสู่อาณาจักรลับนั้นได้เมื่อพวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะพวกเขาจะถูกเรียกว่าเซียนจริง
มีผู้คนมากมายทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจังแต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่พบอะไรและทำได้เพียงสรุปว่าขอบเขตนี้ไม่มีอยู่จริงหรือไม่ก็ไม่เคยมีอยู่ในโลกนี้
ไม่ว่าผู้สูงสุดเหล่านั้นจะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ถูกเรียกว่าปราชญ์โบราณของโลกอำพรางสวรรค์ ก็ไม่เคยมีใครเคยก้าวเข้าสู่อาณาจักรลึกลับที่หก
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงฝึกฝนอาณาจักรลับที่ห้าให้มีความแข็งแรงมากที่สุด และเมื่อพวกเขาก้าวข้ามขอบเขตผู้สูงสุดไปพวกเขาก็จะเป็นได้เพียงเซียนเทียมเท่านั้น
แล้วตำนานเรื่องนี้ถูกเล่าขานมาได้อย่างไร ไม่มีใครรู้?
อย่างไรก็ตามเพียงแค่อาณาจักรลับที่ห้าของร่างกายมนุษย์ก็แตกต่างจากอาณาจักรลับอื่นๆมากแล้ว ในผู้บ่มเพาะนับล้านคน การที่จะมีผู้คนก้าวเข้าสู่ขอบเขตนี้ได้นั้น พวกเขาจำเป็นต้องได้รับทรัพยากรบ่มเพาะเป็นจำนวนมากจนเกินจินตนาการ
ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสวรรค์ชั้นแรกของการก้าวไปสู่ขอบเขตเซียนเทียม และคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของพวกเขาก็คือครึ่งเซียนนั่นเอง
คำว่าครึ่งเซียนนี้หมายความว่าหากพวกเขาเดินไปอีกก้าวพวกเขาก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะ
ในอาณาจักรลับก่อนหน้านี้จะประกอบไปด้วยสี่อาณาจักรลับสามัญ ซึ่งก็คือกงล้อทะเล ตำหนักเต๋า สี่สุดขั้ว และอาณาจักรแปลงมังกร
และหากผู้คนไม่สามารถฝึกฝนขั้นตอนเหล่านี้จนมีความสมบูรณ์เพียงพอพวกเขาก็จะไม่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรลับที่ห้าได้เลย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าต่อให้เป็นชายชราที่มีอายุหลายร้อยปีบางคนก็อาจจะไม่สามารถก้าวออกจากขอบเขตอาณาจักรแปลงมังกรได้ด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ของพวกเขาเท่านั้น แต่มันยังหมายถึงทักษะการบ่มเพาะและทรัพยากรที่พวกเขาได้รับมาตั้งแต่ต้นอีกด้วย
และตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนแรกในการเป็นเซียนเทียมกลับถูกเย่ฟ่านฆ่าตายไปแล้ว ดังนั้นผู้คนที่เห็นเหตุการณ์จะไม่เกิดความหวาดกลัวได้อย่างไร
“ครืน”
ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน ทั้งสามผู้อาวุโสสูงสุดไม่ลังเลที่จะกระแทกพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเพื่อบดขยี้เย่ฟ่านให้ตายในครั้งเดียว
ตอนนี้ความแค้นถูกสร้างขึ้นแล้ว ในเมื่อเย่ฟ่านสามารถฆ่าผู้สูงสุดได้ หากปล่อยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแม้เพียงเล็กน้อยรับรองว่าศัตรูของเขาทุกคนจะมีความลำบากในการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน
“พรึ่บ”
เย่ฟานประสบความสำเร็จในการลงมือแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะพัวพันชายชราเหล่านี้ต่อไป เขาใช้ทักษะการเคลื่อนไหวของสวรรค์และก้าวออกจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปิดล้อมตัวเองอยู่ทันที
ในขณะเดียวกันเย่ฟ่านยังคงเรียกใช้งานเก้าญาณวิเศษลึกลับอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะกำลังหลบหนีแต่หากเขากระตุ้นญาณวิเศษได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาก็จะกลับมาฆ่าผู้สูงสุดทั้งสามอย่างแน่นอน!
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ฟ่านสามารถสังหารคนที่มีขอบเขตการบ่มเพาะสูงกว่าถึงแปดอาณาจักรได้ และเขาก็เกิดความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะเรียกญาณวิเศษลึกลับอย่างไรมันก็ไม่ตอบสนองต่อเขาแม้แต่น้อย ธรรมดาแล้วแค่พยายามสิบครั้งมันก็น่าจะถูกเรียกออกมาได้สำเร็จ แต่ในเวลานี้เขาพยายามมากกว่าห้าร้อยครั้งแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่ฟานประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจสถานการณ์นี้และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มันไม่ได้ผล” เย่ฟ่านอยู่ในความงุนงงไม่รู้ว่าทำไม
“จะไปไหน?”
ผู้อาวุโสสูงสุดสามคนตะโกนเสียงดัง และแต่ละคนก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของตัวเองออกมา
ภูเขาและแม่น้ำที่สมจริงโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ยอดเขาทั้งสูงตระหง่านและดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยน้ำหนักไม่ต่ำกว่าพันล้านจิน ซึ่งหากมันตกลงมย่อมต้องกลายเป็นภัยพิบัติที่ไม่สิ้นสุด
เย่ฟ่านถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ยอมเผชิญหน้าหรือโจมตีกลับ เขาพูดกับตัวเองว่า “เป็นเพราะข้าก้าวเข้าสู่ระดับแปดระดับต้องห้ามในตำนานอย่างนั้นหรือ?”
เย่ฟ่านพยายามหลบหลีกอยู่เป็นเวลานาน และหลังจากที่เขากระตุ้นญาณวิเศษลึกลับเกือบห้าพันครั้ง ในที่สุดพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ปะทุขึ้นมากกว่าสิบเท่า
“สำเร็จ? แต่เหตุใดต้องใช้ความพยายามถึงขนาดนี้...” เย่ฟ่านตกตะลึง
ในเวลานี้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แปดต้องห้ามมีความลับอะไรกันแน่?
“ตำนานของแปดต้องห้ามคืออะไร?” เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง เขาค้นพบว่าแปดต้องห้ามนั้นดูเหมือนจะให้ผลร้ายมากกว่าผลดีสำหรับเขา
“ต่อให้เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ก็ยังยากที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตแปดต้องห้าม ถ้าจับเขาได้บางทีเราอาจจะค้นพบความลับบางอย่าง”
สามผู้อาวุโสสูงสุดแอบส่งเสียงและชำเลืองมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นสายรุ้งอันน่าตกใจสามสาย พลังปราณที่แข็งแกร่งโหมกระหน่ำเข้าหาเย่ฟ่านจะทุกทิศทาง
“แปดต้องห้าม …” เย่ฟ่านครุ่นคิด
ไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเขาต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้รวดเร็ว
“จินฉีเซียว”
เย่ฟ่านตะโกนเสียงดัง เขาต่อสู้กับสามผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้เพราะต่อให้เพิ่มพลังขึ้นมามันก็สามารถใช้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ดังนั้นเป้าหมายของเขาจึงย้ายไปที่ลูกหลานตระกูลจินแห่งเป่ยหยวนแทน
ในเวลานี้จินฉีเซียวยืนอยู่ข้างหลังผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนและไม่กล้าที่จะก้าวออกมาแม้แต่ครึ่งก้าว เขามองไปที่เย่ฟ่านอย่างเงียบๆ
เย่ฟ่านเย้ยหยันก่อนจะแสร้งทำเป็นโจมตีผู้อาวุโสทั้งสามและร่างกายของเขาก็กลืนไปในความว่างเปล่าในทันที
ปัง!
ผู้อาวุโสสูงสุดสามตกลงเป็นอย่างมาก แต่ในขณะนั้นความว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลังก็ถูกเปิดออก จินฉีเซียวถูกเย่ฟ่านลากเข้าไปข้างในก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสรู้ตัว
“ความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่!”
ใบหน้าของทุกคนซีดขาว นี่คือทักษะลับของตระกูลจี้ในดินแดนรกร้างตะวันออกและเป็นความลับที่ไม่ได้ส่งต่อให้ใคร
แม้ว่าจะสามารถเดินทางผ่านความว่างเปล่าได้ แต่หากระมัดระวัง คู่ต่อสู้จะยังสามารถจับการเคลื่อนไหวแบบนั้นได้
อย่างไรก็ตามเมื่อมันผสานกับความเร็วของเย่ฟ่าน มันก็แทบทำให้เขาอยู่ยงคงกระพันได้เลย
“อา...”
จินฉีเซียวส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในตอนที่หลุดออกมาจากความว่างเปล่า ร่างกายของเขาแตกเป็นชิ้นโดยไม่รู้ว่าเขาถูกเย่ฟ่านทำร้ายแบบใด
“ยังไม่ยอมตายอีก!” เย่ฟ่านตกตะลึง
ในตอนแรกเขามั่นใจว่าการจัดการบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างจินฉีเซียวคงไม่ใช่ปัญหายุ่งยากอะไร แต่ตอนนี้หลังจากที่ร่างกายของฝ่ายตรงข้ามแยกออกจากกันเลือดเนื้อเหล่านั้นกลับเปลี่ยนรูปกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่น
เมื่อชิ้นเนื้อเหล่านั้นกลับมารวมตัวกันอีกครั้งจินฉีเซียวยังคงไว้ซึ่งรูปร่างของมนุษย์ เพียงแต่ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองเหลืองอร่าม
ยิ่งกว่านั้น มือและเท้าของเขาใหญ่โตขึ้นมาก กระดูกของเขาส่งเสียงสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เส้นผมสีทองอันงดงามนั้นก็โบกสะบัดด้วยความบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นไม่นานผิวหนังที่เป็นมนุษย์ของเขาก็ถูกเกล็ดสีทองปกคลุมจนหมดสิ้น ฉากนั้นดูน่าขยะแขยงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองและมีเขางอกขึ้นระหว่างคิ้ว