Ep.390 - สัตว์ร้ายรักษาการณ์
1/3
Ep.390 - สัตว์ร้ายรักษาการณ์
หัวหน้าผู้เฝ้าคุกโบราณสามารถใช้ได้ทั้งสกิลของผู้ใช้วิญญาณ และนักเวทย์ มันครอบครองสกิลมากถึง 20 ท่า เรียกว่าร่ำรวยมาก ทรงพลังสุดๆ
อย่างไรก็ตาม
ไม่ว่ามันจะร้ายกาจแค่ไหน
ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ฮังอวี่รับมือได้
แต่อาจเพราะความต่างชั้นในด้านเลเวล ทำให้มันแข็งแกร่งกว่าฮังอวี่เล็กน้อย
แต่เนื่องจาก มันไม่ใช่ตัวตนที่มีสติปัญญาสูงส่ง ภัยคุกคามเลยน้อยลง ทีมเล็กๆของฮังอวี่ถ้าร่วมมือกันก็สามารถปิดล้อมได้
ซึ่งในท้ายที่สุด
ทุกอย่างก็จบลง
ผลลัพธ์ไม่ต่างจากชาเฮยนักรบแห่งเมืองเมืองธารทะเลทราย
หลังจากที่หัวหน้าผู้เฝ้าคุกโบราณจบชีวิต ไอเท็มสีเขียวกว่า 7-8 รายการก็ดรอปลงในครั้งเดียว และในบรรดาพวกมัน มีพิมพ์เขียวชุดเซ็ทวิญญาณกฎเกณฑ์อยู่ด้วยถึง 2 ชุด
" ดรอปแล้ว! พิมพ์เขียวดรอปแล้ว! แถมยังเป็นพิมพ์เขียวเสื้อคลุมซะด้วย! " เจียงหนานเก็บพิมพ์เขียวด้วยความตื่นเต้น " ทั้ง 2 ชิ้นนี้เป็นชุดเซ็ททั้งคู่เลย พวกเรารวบรวมมันได้ครบแล้ว!"
" เจ๋ง!" จางเสี่ยวเฉียงหัวเราะ ออกมาดังๆ
สองลุงจ้าวและฉูก็พอใจมากเช่นกัน
ฮังอวี่เก็บพิมพ์เขียวทั้งหมด จากนั้นตรวจสอบไอเท็มอื่นๆที่ดรอปจากหัวหน้าผู้เฝ้าคุกโบราณ พวกมันมีเครื่องประดับ 2 ชิ้น สำหรับอาชีพนักเวทย์กับผู้ใช้วิญญาณ , 3 คัมภีร์สกิลอันทรงพลัง และหินสกิลขั้น 2
ซึ่งหินสกิลกิลได้ดึงดูดความสนใจของฮังอวี่เป็นอย่างมาก
[หินสกิลนักเวทย์ : เบิกค่าพลังจิต] สีเขียวคุณภาพสูง มรดกของนักวิจัยเทคนิคลับ, เงื่อนไขการเรียนรู้ : ต้องสืบทอดมรดกจากนักวิจัยไสยเวทย์ , จ่าย 800 แต้มวิญญาณ
หินสกิลนี้ไม่เลวเลย
ฮังอวี่แจกจ่ายสินสงครามที่ได้รับให้แก่คนอื่นๆ ส่วนพิมพ์เขียวและหินสกิล เขาเก็บไว้กับตัว
นักวิจัยเทคนิครับเป็นมรดกขั้น 2 มันคืออาชีพขั้นต่อไปของมรดกนักวิจัยไสยเวทย์ ขั้น 1 ที่ฮังอวี่มีในครอบครอง
อาชีพนี้ถือว่าเป็นอาชีพเสริมในสายนักเวทย์
มันแทบไม่มีสกิลสำหรับใช้โจมตีหรือป้องกัน แต่ในมรดกสืบทอดนี้จะเป็นสกิลเสริมหรือสกิลสนับสนุนมากกว่า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์หรือผู้ใช้วิญญาณ ทุกคนสามารถเรียนรู้มันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังรบของตัวเองได้
เช่นเดียวกัน
เจ้าสิ่งนี้เองก็เป็นประโยชน์กับฮังอวี่
ฮังอวี่ไม่ลังเลที่จะเปิดใช้งานหินสกิลนี้
และลงทุนจ่ายไปกว่า 2,000 แต้มวิญญาณ เพื่ออัพเลเวลสกิลนี้ให้เต็ม
[เทคนิคเบิกค่าพลังจิต] (มรดกของนักวิจัยเทคนิคลับ) เลเวลปัจจุบัน 3 เมื่อค่าพลังจิตหมดลง สามารถเบิกค่าพลังจิตต่อไปได้อีก 45 หน่วย แต่ในทุกๆ 1 หน่วยที่ได้มา จะต้องแลกด้วยค่าพลังชีวิต 2 หน่วย
อืม
นี่ถือเป็นหนึ่งในสกิลติดตัวของขั้น 2
เอฟเฟกต์ของมันมีประโยชน์ชัดเจน สามารถดึงค่าพลังจิตออกมาได้เมื่อจำเป็น ถึงแม้จะต้องแลกด้วยค่าพลังชีวิต ซึ่งสำหรับนักเวทย์ที่เลือดบางเบา คิดว่าคงส่งผลเสียไม่น้อย
เพราะหากเบิกค่าพลังจิต 45 หน่วย นั่นเท่ากับเสียพลังชีวิตไป 90 หน่วย
แต่สำหรับฮังอวี่ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตแล้ว มันไม่ได้กดดันเขามากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเขาที่สืบทอดมรดกของขุนนางคลั่ง มันมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
" การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ! ผลเก็บเกี่ยวดีมากๆ!" เจียงหนานกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย " ถ้ามังกรครามของพวกเรามีพิมพ์เขียวสำหรับชุดเซ็ทสีฟ้าทั้ง 2 ชุดนี้ ก็เท่ากับว่าครอบคลุมทั้ง 4 อาชีพ ตราบใดที่สร้างมันได้ ก็สามารถสร้างเรื่องช็อคโลก!"
เธอมีความสุขมาก
คนอื่นๆก็ได้รับของดีๆมากมายเช่นกัน
อุปกรณ์และหินสกิลที่ได้รับตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนถึงตอนนี้ รวมแล้วมีมากกว่า 20 ชิ้นที่พวกเขาใส่ได้
แล้วแบบนี้จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไง?
โคตรจะคุ้มค่า!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า จนถึงตอนนี้พึ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น ยังเหลือพื้นที่ลับในชั้น 3 อีก อยากจะรู้จริงๆว่าจะกอบโกยได้อีกมากแค่ไหน?
" อย่าเสียเวลาอยู่เลย"
" ไปที่ชั้น 3 กันต่อเถอะ"
ทีมของฮังอวี่มุ่งหน้าสู่ชั้น 3 เมื่อมาถึง กระแสลมร้อนแผดเผา ปะทะเข้าใส่ใบหน้าของพวกเขา
"ฮ่ง เจ้านาย ที่นี่ร้อนมาก ร้อนกว่าทะเลทรายมรณะเป็น 10 เท่า นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับสุนัข" หวังเอ๋อมองไปรอบๆ แล้วพบว่าแม้แต่กำแพงของที่นี่ ยังร้อนจนเป็นสีแดง เวลาเหยียบพื้นรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนกระทะ
" เปิ่นหวัง สืบสายเลือดจากบรรพบุรุษนักลากรถเลื่อนในขั้วโลกเหนือ เปิ่นหวัง รู้สึกไม่ดีกับที่นี่จริงๆ"
เจ้าหมาไม่ต้องการเข้าไปไกลกว่านี้
มันจะบ่นทุกครั้งเมื่อพบกับอะไรที่ยากลำบาก
ทุกคนเริ่มสำรวจชั้นนี้
" มอนสเตอร์เจ้าถิ่น!"
" มีมอนสเตอร์เจ้าถิ่นอยู่ใกล้ๆ!"
" เป็นมอนสเตอร์เจ้าถิ่นกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง"
ทุกคนเริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินคำเตือนของเจ้าหมา
เพราะมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นนั้นมักดรอปของดี หากเป็นในอาณาเขตเมืองหุบเขาเดียวดาย เจ้าพวกนี้เดือนสองเดือนถึงจะเกิดใหม่สักครั้ง มีแต่คนอยากแย่งกันฆ่า
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า
ในซากปรักหักพังของโบราณแห่งนี้
จะมีมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นให้ฆ่าไม่จบไม่สิ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนสังเกตเห็นการปรากฏตัวของมอนสเตอร์เจ้าถิ่น สีหน้าท่าทีของพวกเขาก็นิ่งงันไปเล็กน้อย
มองไปยังแสงสว่างจ้าที่ปรากฏขึ้นตรงมุมห้อง สิ่งมีชีวิตที่ลุกเป็นไฟ ค่อยๆเผยโฉมต่อหน้าทุกคน และทุกวินาทีที่มันเดินใกล้เข้ามา คลื่นความร้อนรอบๆจะยิ่งรุนแรงขึ้น
นี่คือสัตว์ร้ายรักษาการณ์คุกโบราณ เจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์ในเลเวล 14!
ดูจากหน้าตาภายนอกแล้ว มอนสเตอร์ตัวนี้เหมือนสิงโตแต่มีปีกคู่หนึ่ง และตั้งแต่หัวจรดเท้ามีผิวสีแดงเป็นเงา แผ่อุณหภูมิสูง รอบตัวมันเหมือนถูกแผดเผา มองแวบๆเหมือนกิเลนไฟ
" สัตว์ร้ายรักษาการณ์ รับมือยากกว่าผู้ดูแลคุกมาก" ฮังอวี่ลดเสียงลงและพูดกับคนอื่นว่า " สกิลโจมตีของมันมีคุณสมบัติธาตุไฟ ไม่ใช่แค่ทำดาเมจสูง แต่ระยะโจมตียังกว้างมากเช่นกัน .... แล้วอีกอย่าง ทุกคนลองมองไปที่ข้างหลังของมันดีๆสิ"
เบื้องหลังของสัตว์ร้ายรักษาการณ์ ปรากฏกลุ่มมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์กำลังเดินตามมันอยู่
พวกมันถูกสร้างขึ้นจากเปลวเพลิง ไม่มีเนื้อหนังเป็นตัวเป็นตน
นี่คือทหารลาดตระเวนทุกโบราณ ชนชั้นยอดขั้นโกลด์เลเวล 14 เป็นมอนสเตอร์ภูติธาตุ
มีทหารลาดตระเวนมากกว่า 10 ตน อยู่รอบๆสัตว์ร้ายรักษาการณ์ ถึงพวกมันจะเป็นแค่มอนสเตอร์ชั้นยอด แต่เนื่องจากเป็นมอนสเตอร์ประเภทธาตุ ทำให้ความสามารถในการโจมตีของพวกมัน ไม่ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นเลย
และเนื่องจากมันเป็นมอนสเตอร์ประเภทธาตุ จึงมีความสามารถสร้างภูมิคุ้มกันความเสียหายทางกายภาพระดับได้ระดับหนึ่ง
เมื่อต่อสู้ เจ้าตัวหนังหนาเนื้อหยาบอย่างสัตว์ร้ายรักษาการณ์จะพุ่งเข้าสู่แนวหน้า ขณะที่ทหารลาดตระเวนจะร่วมกันร่ายคาถาจากแนวหลัง เนื่องจากพื้นที่ในบริเวณนี้มีจำกัด ถ้าต้องการหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
"โชคดีที่ฉันเตรียมตัวไว้แล้ว" อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่ได้ตื่นตระหนก เขาสั่งการว่า "ฉันจะไปดึงดูดความสนใจของพวกมันก่อน ฝากคนอื่นๆจัดการสัตว์ร้ายรักษาการณ์ ส่วนทหารลาดตระเวนปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง!"
มอบหมายงานเสร็จ
ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
สัตว์ร้ายรักษาการณ์มีประสาทสัมผัสที่ดีมาก เมื่อสัมผัสได้ถึงผู้บุกรุกจากระยะไกล มันแผดเสียงคำรามทันที
ฮังอวี่วิ่งออกไปได้เล็กน้อย ทหารลาดตระเวนธาตุไฟหลายสิบตนเริ่มตอบสนอง
แต่ละตนปลดปล่อยงูไฟที่มีขนาดหนาเท่าขา งูไฟนับสิบแหวกว่ายออกไปอย่างรวดเร็ว ทางเดินทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิง ปราศจากช่องว่างให้หลบหนี
ฮังอวี่บุกเข้าไปอย่างกล้าหาญ ภาพนี้สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่คนอื่นๆมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปลวเพลิงกำลังจะทำอันตรายแก่ฮังอวี่ จู่ๆร่างของฮังอวี่พลันปลดปล่อยพลังงานบางอย่างออกมาและสะท้อนดาเมจออกไป
ฮังอวี่เดินข้ามทะเลเพลิง
เขาถูกโจมตีด้วยไฟอย่างต่อเนื่อง
ทว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้กลับยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
จางเสี่ยวเฉียงตะลึง "พระเจ้า!"
เจียงหนาน จ้าวหมิงก็ไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้าเช่นกัน
แม้มอนสเตอร์เหล่านี้จะเป็นแค่ชนชั้นยอดขั้นโกลด์ แต่มันไปถึงเลเวล 14 แล้ว ดังนั้นไม่น่าจะมีพลังรบด้อยไปกว่าเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ในเลเวล 11 12 สักเท่าไหร่นัก ดาเมจน่าจะพอๆกับเสี่ยวเฉียงเวลาปลดปล่อยคาถาขั้น 2 หรือ 3
ฮังอวี่เมินเฉยต่อเวทมนตร์คาถา ก้าวต่อไปจนสุดทาง
ฉูเทียนหัวตอนแรกก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่า : ฮังอวี่กำลังถือหัวใจของราชาธาตุไฟไว้กับตัว
นี่คือสินสงครามที่ดรอปจากราชาปีศาจโลกันตร์
ไอเท็มนี้สามารถต้านทานดาเมจที่เกิดจากธาตุไฟได้ อีกทั้งพลังป้องกันของฮังอวี่ก็ไม่ต่ำต้อย หากเลี่ยงไม่ให้ถูกโจมตีทีเดียวเยอะเกินไป ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะต้านทานการโจมตีจากภูติไฟนับสิบโดยไม่เป็นอันตราย
"โฮกกกก!"
เสียงคำรามสะท้านฟ้าดังขึ้น
สัตว์ร้ายรักษาการณ์อ้าปากและพ่นเปลวเพลิงสามครั้งติดต่อกัน
คลื่นกระแทกอันลุกโชติช่วงสามลูกโหมกระหน่ำออกมาราวกระสุนปืนใหญ่
ฮังอวี่แค่นเสียงเย็น
เขาไม่ได้หลบเลี่ยงมัน
แต่เปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ‘กายาเกราะ’ ของปรมาจารย์เลือดเหล็ก!
ทั้งตนทั้งร่างของฮังอวี่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีทอง ราวกับถูกชุบไปด้วยทองในชั่วพริบตา ชวนให้ผู้คนที่มองมารู้สึกถึงความคงกระพัน ไม่ต้องหวาดกลัวคมหอก คมดาบ หรือสิ่งใด
ต่อมา เขายกแขนซ้ายไปข้างหน้า
สนับแขนกระดูกมังกรมีเอฟเฟกต์ในการดูดซับแรงปะทะอยู่แล้ว
และสกิลกายาเกราะมีอำนาจที่สามารถละเว้นผลกระทบจากอาการมึนงง ผูกมัด ฯลฯในทำนองเดียวกันได้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ สกิลนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติร่างกายได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งดั่งเพชร
ฮังอวี่ตอนนี้จึงเหมือนรถถังหนัก ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทำลาย
ตูม ตูม ตูมม!
ฮังอวี่พุ่งเข้าชนคลื่นกระแทกเปลวเพลิงสามครั้งติดต่อกัน คลื่นกระแทกลูกเดียวมีอำนาจมากพอที่เปลี่ยนภูเขาลูกเล็กให้ราบเป็นหน้ากลอง สามลูกพลังทำลายยิ่งมหาศาลเข้าไปอีก
เมื่อหนึ่งคนกับสามลูกไฟเข้าใกล้กัน ฮังอวี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตรงเข้าทะลุทะลวงมันได้อย่างง่ายดาย
เมื่อประชิดศัตรูได้มากพอ เขาเปิดใช้งานเทคนิคบลิงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีซ้ำซ้อน กระโดดไปข้างหลังศัตรู
แล้วใช้ประโยชน์จากจังหวะที่สัตว์ร้ายรักษาการณ์ไม่ทันตั้งตัว เปิดใช้งานเทคนิคโยกย้ายใส่มัน
สัตว์ร้ายรักษาการณ์ถูกดูดเข้าไปในกระแสวังวน โดนเทเลพอร์ตในพริบตา ถูกโยนออกมาปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นๆในทีม
"ฆ่า!"
ฉูเทียนหัวและคนอื่นๆไม่พลาดโอกาสนี้
ฉินมู่เปิดใช้งานสกิลผนึกแขนขาและมนตร์วาจาต้องห้ามก่อนเป็นอันดับแรก
จ้าวหมิงดูดซับเจตนาฆ่า ดึงความเกลียดชังจากศัตรู ไม่ปล่อยให้สัตว์ร้ายรักษาการณ์วกกลับไปโจมตีฮังอวี่ เปิดโอกาสให้เขาเข้าเข่นฆ่าพวกภูติไฟ
คนอื่นๆร่วมมือกันทุบตีสัตว์ร้ายรักษาการณ์ ไม่นานก็สามารถกวาดล้างมอนสเตอร์ฝูงนี้ได้ในเวลา 10 นาที