2027 - กำจัดอันตรายที่ซ่อนเร้น
2027 - กำจัดอันตรายที่ซ่อนเร้น
“ผู้อาวุโส ข้าต้องการฝึกฝนในบริเวณเขื่อนแห่งนั้น!”
สือฮ่าวเอ่ยถามพวกเขาทันที ภายในใจของเขาต้องการใช้เส้นทางนั้นเพื่อเข้าสู่อาณาจักรเซียน
“เจ้ากำลังเล่นตลกอะไร” เปลวไฟสีทองสีม่วงในกระโหลกแก้วพุ่งขึ้น น้ำเสียงของมันเย็นชาเล็กน้อย
สือฮ่าวไม่ได้ท้อแท้ โดยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาเคยไปสถานที่แห่งนั้นมาก่อน เขายืนอยู่บนหลังกำแพงเขื่อนแน่นอนว่าเขาไม่กล้าข้ามไป
นั่นเป็นสถานที่ที่น่ากลัวจริงๆ มีศพของสิ่งมีชีวิตอมตะมากมายถูกแขวนไว้บนหลังเขื่อน
“ข้าต้องการฝึกฝนอยู่ที่บริเวณเขื่อนเท่านั้นไม่คิดจะข้ามไป” สือฮ่าวอธิบายเพิ่มเติม
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเมื่อสิ่งมีชีวิตทุกคนพัฒนาจนถึงระดับสูงสุดพวกเขาต่างก็มีความมุ่งมั่นที่จะข้ามเขื่อนไป มันช่างเป็นเรื่องที่เย้ายวนจริงๆ” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกอุทานออกมาด้วยความชื่นชม
จากนั้นเขาก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและกล่าวว่า
“เมื่อระดับบ่มเพาะของคนคนหนึ่งมาถึงจุดสูงสุดพวกเขาก็ต้องการที่จะข้ามเขื่อนนั้นไปเหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ไปแล้วไม่เคยได้กลับมา มีเพียงคนแก่ที่อยู่มาอย่างยาวนานและเบื่อชีวิตอย่างพวกเราเท่านั้นถึงมีความคิดแบบนี้”
“เจ้าหนู อย่าทะเยอทะยานเกินไป ขอแค่เจ้าฝึกฝนอย่างเหมาะสมและกลายเป็นผู้อมตะที่แท้จริงเท่านั้นเจ้าจึงมีคุณสมบัติที่จะพูดถึงเรื่องนี้” กะโหลกแก้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเตือนสติสือฮ่าว
แม้แต่ตอนที่มันมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่กล้าเดินข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียว เพราะมันรู้ดีว่าเส้นทางนั้นมีเพียงทางไปไม่มีทางกลับ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกฟื้นความทรงจำของมันกลับมาบางส่วน มันถึงรู้สึกตื่นตระหนกอย่างแท้จริงเมื่อทราบว่าเขาเคยข้ามไปแล้ว
“เรื่องที่เจ้าขอข้าอาจช่วยเจ้าได้ ขอเพียงเจ้าสามารถฝึกฝนให้กลายเป็นครึ่งก้าวผู้อมตะขั้นสมบูรณ์ข้าจะส่งเจ้าไป” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
สือฮ่าวเคยไปที่นั่นมาก่อน แต่เส้นทางที่เขาเดินไปนั้นไม่มีทางทำซ้ำได้อีกครั้งดังนั้นเขาจึงต้องขอความช่วยเหลือจากราชันย์ดินแดนปิดผนึก
“ข้าอยากพาเด็กพวกนั้นไปด้วย ที่นั่นมีขุมนรกสายฟ้าข้าต้องการใช้ที่นั่นในการฝึกฝนพวกเขา” สือฮ่าวพึมพำ
“แม้แต่ระดับผู้สูงสุดของเจ้ายังไม่เสถียรเลย เจ้าไม่มีปัญญาดูแลตัวเองด้วยซ้ำยังคิดจะพาคนอื่นไป? เจ้ากลับไปทบทวนตัวเองให้ดีระดับบ่มเพาะของเจ้าพุ่งขึ้นเร็วเกินไปมันทำให้เกิดความไม่เสถียร!” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกชี้จุดอ่อนของเขาอย่างไร้ความปราณี
สือฮ่าวถอนหายใจ นี่คือความจริง แม้แต่จินไท่จุนก็สามารถมองเห็นปัญหานี้ได้นับประสาอะไรกับราชาอมตะอย่างพวกเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่ตลอด เคยมีแม้กระทั่งต้องการจะทำลายเต๋าของตัวเองเพื่อเริ่มบ่มเพาะใหม่!
“เจ้ามีทางเลือกในการแก้ปัญหาสองทางที่จะทำให้อันตรายซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของเจ้าหมดไป
หนึ่งคือปลดปล่อยคำสาปทำลายอมตะออกมาแล้วเจ้าเผชิญหน้ากับมันจนเอาชนะได้ อีกอย่างหนึ่งเจ้าทำลายระดับบ่มเพาะของตัวเองแล้วเริ่มฝึกฝนใหม่!” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกกล่าว
ด้านข้างกะโหลกแก้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก มันไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะเผชิญหน้ากับคำสาปทำลายอมตะแต่ยังคงเป็นปกติอยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มด้วยวิธีแรกก็แล้วกัน ข้าจะต่อสู้กับมันอย่างจริงจังในความสันโดษและจะไม่ออกมาจนกว่าจะทำลายมันได้สำเร็จ!” สือฮ่าวกล่าว
เขาได้ยินความลับมามากแล้ว คนเชือดหมู คนที่เลี้ยงหงส์เพลิงที่แท้จริงให้เป็นไก่…เพียงสองตัวนี้ก็น่ากลัวมากพอแล้ว! หากเขาไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจะเอาอะไรไปสู้กับคนเหล่านี้
“งั้นก็มุ่งหน้าเข้าไปในวังทองนั่น!”
คราวนี้ราชันย์ดินแดนปิดผนึกชี้ไปที่วังสีทอง สือฮ่าวต้องเผชิญหน้ากับคำสาปทำลายอมตะอย่างจริงจังภายในวังสีทองนั้น
นี่เป็นสถานที่ที่เขาต้องเผชิญกับคำสาปแห่งใหม่หมายความว่าพลังของคำสาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด
สือฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยในทุกครั้งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับคำสาปทำลายอมตะ แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับมันมาหลายสิบครั้งแล้วแต่ทุกครั้งเขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวมันอยู่บ้าง
คำสาปทำลายอมตะนี่คือการลงโทษที่เจ็บปวดที่สุดในโลกแห่งการบ่มเพาะ เมื่อมันปะทุขึ้นมันจะทำลายเต๋าของผู้ฝึกฝนทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
สามวันต่อมาร่างกายของสือฮ่าวเต็มไปด้วยเหงื่อ เลือดของเขาไหลนองเต็มวังสีทองนั้น เมื่อตรวจดูสภาพร่างกายของตัวเองกระดูกของเขาแลกสลายแทบทุกชิ้น
มันยากที่จะจินตนาการว่าคำสาปนี้ทรงพลังมากเพียงใด
แม้จะผ่านไปสามสิบปีแล้วแต่การทรมานนี้ยังคงมีอยู่ไม่สิ้นสุดและยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามตามคำกล่าวของราชันย์ดินแดนปิดผนึกเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
คำสาปนี้ยิ่งทอดเวลาออกไปนานเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับคนผู้นั้นมากขึ้นเท่าทวีคูณ
สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ทั้งสามตกตะลึงเหมือนกับมองเห็นผีในเวลากลางวันแสกๆ มีใครบางคนสามารถผ่านความทุกข์ทรมานของคำสาปทำลายอมตะไม่ได้จริงๆโดยที่ไม่ต้องทำลายเตาของตัวเอง?
“เจ้าได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง” ราชันดินแดนปิดผนึกถามสือฮ่าว
“ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่านี่อาจเป็นวิธีการฝึกฝนที่โหดร้ายที่สุดในโลกนี่คือการขัดเกลาของตัวเองบดขยี้มันและสร้างขึ้นใหม่ แม้ว่าจะดูคล้ายกับพิการแต่นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นวิธีบ่มเพาะอย่างหนึ่ง เหมือนโลหะที่ผ่านเปลวไฟ” สือฮ่าวตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้แต่ราชันย์ดินแดนปิดผนึกก็ยังแสดงออกถึงท่าทางแปลกๆ นี่เป็นคำสาปที่ถูกใช้เพื่อทำลายเต๋าแห่งยุคโบราณโดยเฉพาะไม่ใช่ถูกทำขึ้นเพื่อฝึกฝนอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้ต้องการให้สือฮ่าวรู้แจ้งแบบนี้เพราะว่าคำถามนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาตามเหตุผลที่สือฮ่าวกล่าว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สือฮ่าวรู้สึกได้ด้วยตัวเองเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะหักล้าง
“ผู้อาวุโสข้าต้องการต่อสู้ เมื่อข้าเห็นเด็กหนุ่มสาวในหมู่บ้านหินผาต่อสู้เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นมันทำให้ข้าต้องการที่จะต่อสู้ด้วยเช่นกัน” สือฮ่าวกล่าว
ในความเห็นของเขา การฝึกฝนอย่างสันโดษไม่ได้เป็นเพียงการนั่งสมาธิเท่านั้น แต่อาจเป็นการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ รู้แจ้งในเต๋าผ่านการดิ้นรนต่อสู้เพื่อชีวิตและความตาย
“ตกลง ข้าจะส่งเจ้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งให้เจ้าได้เห็นว่าพลังของชนเผ่าที่ถูกทำลายไปนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกกล่าว
เขาเปิดเส้นทางส่งสือฮ่าวไปสู่โลกปฐมแห่งความโกลาหลซึ่งเป็นโลกที่ถูกทำลายไปแล้ว
“แม้ว่าทุกอย่างจะตายไปแล้ว แต่การเรียกวิญญาณสงครามของพวกเขาก็ยังเป็นไปได้ สู้ให้สุดหัวใจ!” ราชันย์ดินแดนปิดผนึกกล่าว
นี่คือสิ่งที่เขาได้เตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับสือฮ่าวแต่ไม่เคยใช้มัน มาก่อนที่เขาจะมาถึงอาณาจักรผู้สูงสุด การมาที่นี่หากไม่สามารถพัฒนาตัวเองก็ต้องตายโดยไม่มีทางเลือก
“ฆ่า…”
สือฮ่าวพุ่งเข้าใส่ ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตทุกประเภทและทำให้เขาต่อสู้อย่างเข้มข้นในทุกลมหายใจ
สิบวันต่อมาสือฮ่าวกลับมาแล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด กระดูกหักและกล้ามเนื้อฉีกขาด เขาล้มหัวฟาดพื้นไม่มีแม้แต่แรงขยับตัวจะเห็นได้ว่าสนามรบแห่งนั้นน่ากลัวเพียงใด
“ข้าขอตัวไปทำสมาธิในความสันโดษเพื่อย่อยสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้ แล้วข้าจะกลับมาอีกครั้ง” สือฮ่าวบอกลาสถานที่แห่งนี้
หลังจากแยกตัวออกมาเป็นเวลาครึ่งปีสือฮ่าวก็ได้เข้าสู่อาณาจักรแห่งความว่างเปล่าและต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในคุกแห่งนั้นอีกครั้ง
หลังจากต่อสู้มาอย่างยาวนาน เขาก็เข้าสู่ความสันโดษอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจและไตร่ตรองถึงเส้นทางในอนาคตของตัวเอง
สือฮ่าวเริ่มฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง เขาตรวจสอบตัวเองผ่านการต่อสู้ที่แท้จริง ทักษะเต๋าของเขาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีความรู้สึกของเวลาและไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี
สือฮ่าวเดินตามเส้นทางแห่งบ่มเพาะของตัวเอง ลืมเวลา ลืมความหนาวเย็นและความร้อน เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ ในชั่วพริบตาเวลาสิบปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทักษะเต๋าของเขาพัฒนาขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายก็ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขาสามารถข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวภายในลมหายใจเดียว
แก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกเขาดูดซับมาเพื่อเป็นพลังของตัวเอง พลังงานสีขาวไม่มีที่สิ้นสุด ดวงดาวทุกดวงบนท้องฟ้าทอแสง ประกายสีเงินเจิดจ้า รวมตัวกันตรงเข้าหาเขา
แก่นแท้ของทะเลที่เต็มไปด้วยดวงดาวกำลังเข้าและออกจากปากของเขา ฉากนี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
เป็นเวลาสิบปีเต๋าของสือฮ่าวก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ และมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ อันตรายภายในของเขาก็ถูกกำจัดออกไปในที่สุด