ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 91 เฒ่ามังกรทะยาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 93 เทือกเขาไร้ขอบเขต

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 92 ขึ้นเหนือ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 92 ขึ้นเหนือ

แปลโดย iPAT   

“ข้าไม่ว่างแต่ขอบคุณสำหรับคำเชิญ!” เฒ่ามังกรทะยานปฏิเสธและกำลังจะขี่ดาบของเขาจากไป

แต่กู่เยี่ยนหยินขวางทางเขาไว้อีกครั้ง ตอนนี้รอยยิ้มของนางหายไปแล้ว “เฒ่ามังกรทะยาน ท่านก็อายุมากแล้ว เหตุใดต้องใจร้ายกับแมวตัวหนึ่งมากนัก? ตั้งแต่ราชินีแห่งความมืดสูญเสียลูกของนางไป นางก็ปลอบใจตัวเองด้วยแมวตัวนี้ วังหลอมรวมดาบมีแผนการที่จะทำสงครามกับนิกายเงาจริงๆงั้นหรือ?”

“วังหลอมรวมดาบของเรามีหน้าที่กำจัดภูตผีปีศาจ ปีศาจทั้งหมดสมควรตาย!”

เฒ่ามังกรทะยานกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว เขาตั้งใจมาฆ่าปีศาจแมวเพื่อทำร้ายจิตใจราชินีแห่งความมืด นอกจากนั้นปีศาจแมวอาจเก็บยาวิเศษไว้มากมาย บางทีนางอาจมีกระทั่งสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ แล้วชายชราจะปล่อยโอกาสเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร

ก่อนที่เฒ่ามังกรทะยานจะออกเดินทาง เขาได้รับคำทำนายดวงชะตาว่าภารกิจของเขาจะราบรื่น เขาจะสามารถจัดการสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย เขามั่นใจว่าตนเองจะประสบความสำเร็จกับภารกิจนี้เป็นอย่างมาก

สุดท้ายผู้ว่ามณฑลชิงโจวจะออกมาไกล่เกลี่ย นิกายเงากับวังหลอมรวมดาบจะไม่ทำสงครามกัน ทั้งสองต่างเป็นนิกายของมนุษย์ เหตุใดพวกเขาต้องทำสรามเพียงเพราะปีศาจแมวตัวหนึ่ง?

การแสดงออกของกู่เยี่ยนหยินเปลี่ยนไป แสงสีทองในรูม่านตาของนางส่องประกายขึ้น นางเย้ยหยัน “หากวังหลอมรวมดาบมีปณิธานที่น่าประทับใจเช่นนี้ เหตุใดท่านไม่ไปล่ามังกรในทะเลดำและฆ่าราชาปีศาจของมณฑลชิงโจว? พวกเจ้ารังแกเพียงผู้อ่อนแอและหวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง”

เฒ่ามังกรทะยานกล่าว “เจ้าวังของเรามีแผนการสำหรับเรื่องนั้นอยู่แล้ว” ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เขาก็ขี่ดาบและพุ่งออกไปเรียบร้อยแล้ว

แสงสีทองในรูม่านตาของกู่เยี่ยนหยินหายไป หลังจากลังเลใจ นางตัดสินใจไม่รบกวนเขาอีก นางถอนหายใจเบาๆ วังหลอมรวมดาบไล่ล่าจุดสูงสุดบนเส้นทางแห่งดาบ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั่วไป

เว้นเพียงนางจะไม่มีทางเลือก มิฉะนั้นนางจะไม่ทะเลาะกับเขาอย่างจริงจัง ตอนนี้ทั้งหมดที่นางทำได้คือตามหาแมวตัวนั้นให้เจอก่อนชายชรา

…..

ไม่รู้เนินนานเพียงใด เมื่อหลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ถ้ำก็กลายเป็นมืดสนิท เสื่อ กระถางธูป และเครื่องเรือนที่ประณีตงดงามหายไปทั้งหมด มันว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวันราวกับเป็นเพียงความฝัน

น้ำตกส่งเสียงดังอยู่ใกล้ๆแต่ทุกสิ่งกลับดูเงียบสงบอย่างน่าประหลาด

เขาเรียกเสี่ยวอันและเดินผ่านม่านน้ำตกออกไป ดวงจันทร์ส่องแสงสีนวลอยู่บนท้องฟ้า ซวนเยว่นั่งอยู่บนก้อนหินและมองดูท้องฟ้าในคืนเดือนหงาย ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง จันทร์เสี้ยวบนหน้าผากของนางเรืองแสงระยิบระยับ ทันใดนั้นนางก็หันหน้ากลับมาและเผยรอยยิ้ม “ต้าไห่ เจ้าตื่นแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ!”

หลี่ฉิงซานพยักหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า หลังจากนั้นแมวสาวก็ปรากฏตัวขึ้นบนศีรษะของเขา ภาพติดตาของนางยังอยู่แม้หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

“มันคือสิ่งใด?”

“นั่นคือเงาลวงตา เหมียว เจ้าทึ่ม!”

เสียงดังมาจากด้านบน แต่เมื่อหลี่ฉิงซานมองดูเงาสะท้อนในน้ำ เขากลับมองไม่เห็นนาง “และนี่ล่ะ?”

“ผนึกจันทรา เหมียว เจ้าทึ่ม!”

หลี่ฉิงซานเข้าใจทันที เขาไม่แปลกใจอีกต่อไปที่นางสามารถหลบหนีแม้จะถูกไล่ล่า ด้วยทักษะทั้งสองของนาง มันยากที่บางคนจะจับนางได้ “เจ้าซ่อนตัวและมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพียงลำพังไม่ได้งั้นหรือ?”

“เมื่อข้าใช้ปราณปีศาจ ข้าจะถูกค้นพบ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เหตุใดข้าต้องพาเจ้าไปด้วย? เหมียว เจ้าจะไปได้หรือยัง?” ซวนเยว่กล่าวอย่างหมดความอดทน

หลี่ฉิงซานกระโจนขึ้นจากน้ำก่อนจะมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ

เทือกเขาไร้ขอบเขตเหมือนมังกรขนาดใหญ่ที่ทอดตัวจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มันมีระยะทางหลายพันกิโลเมตรและเต็มไปด้วยอันตราย มันเป็นเขตต้องห้ามสำหรับมนุษย์

หลี่ฉิงซานจ้องมองเทือกเขาแห่งนี้มานานกว่าทศวรรษแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าไปในส่วนลึกของมัน ต้นไม้สูงตระหง่านทอดยาวไปจนสุดสายตา มีเพียงฤดูหนาวที่แสงจันทร์สามารถส่องผ่านลงมา มันสงบและเงียบมาก

เขาไม่ได้เคลื่อนที่เร็วนัก เขาเกรงว่าความปั่นป่วนจะทำให้พวกเขาถูกค้นพบ อย่างไรก็ตามเนื่องจากร่างกายที่ใหญ่โตของเขา เขาจึงสามารถก้าวข้ามระยะทางหลายเมตรได้ในครั้งเดียว ดังนั้นมันจึงไม่ถือว่าช้ามากนัก

แม้ชาติก่อนเขาจะเป็นเด็กเนิร์ดที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แต่เขาก็มีความปรารถนาที่จะออกเดินทางเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามความฝันนี้ถูกเติมเต็มในชีวิตนี้ แม้มันจะค่อนข้างแปลก เขาก็ยังชื่นชมทิวทัศน์ขณะเดินทางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

เขาไม่เบื่อแต่ซวนเยว่เบื่อ นางพึมพำตลอดเวลาว่า “เจ้าช้ามาก!” นางกระโจนจากศีรษะของเขาไปที่ไหล่ข้างซ้าย จากนั้นก็กระโดดไปที่ไหล่ขวาและหยอกล้อเสี่ยวอัน

เสี่ยวอันไม่ชอบพฤติกรรมของนาง ดังนั้นเขาจึงหลบออกไปอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองเบามาก แต่สำหรับหลี่ฉิงซาน เขายังรู้สึกเหมือนลิงสองตัวกำลังเต้นรำอยู่รอบๆตัวเขา หลังจากไม่นานเขาก็หมดความอดทน “พวกเจ้าทั้งสอง หยุด!”

“กล้าดีอย่างไรจึงพูดกับเจ้านายเหมียวเช่นนี้!” ซวนเยว่ตีหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานคำรามและวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

“เจ้าทึ่มต้าไห่ ข้าจะไม่รังแกเจ้าอีกแล้ว” ซวนเยว่ลูบศีรษะหลี่ฉิงซานและหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะของนางเหมือนเสียงระฆังที่ดังไปทั้งป่า

เมื่อนางเบื่อ นางก็ค้นตัวหลี่ฉิงซาน ในไม่ช้านางก็พบม้วนภาพวาดที่ซ่อนอยู่ในผมสีแดงของเขา

ก่อนที่หลี่ฉิงซานจะหยุดนางหรือบางทีความพยายามใดๆในการหยุดนางก็คงไม่มีประโยชน์ นางคลี่ม้วนภาพวาดออกและทำให้แสงสว่างขึ้น ซวนเยว่กระโดดด้วยความตกใจ จากนั้นนางก็ลูบหน้าอกของตนเองเพื่อสงบสติอารมณ์และเล่นกับม้วนภาพวาด นางทำตัวเหมือนหลี่ฉิงซานเมื่อเขาพบมันครั้งแรก “เจ้ามีของเช่นนี้ด้วย! นี่คือสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้!”

หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นเป็นของข้า”

“สิ่งที่เป็นของเจ้าก็เป็นของเจ้านายเหมียวเช่นกัน กล่าวไปแล้วผู้ใดจะต้องการของคุณภาพต่ำเช่นนี้? เจ้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณและสมบัติล้ำค่าที่เจ้านายเหมียวของเจ้าเคยเห็นเป็นอย่างไร” ซวนเยว่คืนม้วนภาพวาดให้หลี่ฉิงซาน จากนั้นนางก็หันไปเห็นป้ายไม้บรรพกาล ขอบของมันถูกเผาเล็กน้อย ดังนั้นมันจึงดูไม่มีสิ่งใดพิเศษ “นี่คือสิ่งใด? มันไม่มีพลังปราณงั้นหรือ? ฝีมือของช่างแย่มาก”

หลี่ฉิงซานจับเอวของเขา ดังคาด มันว่างเปล่า ก่อนที่เขาจะกล่าวสิ่งใด เสี่ยวอันก็ยื่นมือออกไปและขโมยมันกลับมา แต่ซวนเยว่ไม่ปล่อยให้เขาประสบความสำเร็จ นางบิดตัวหลบ เสี่ยวอันไม่ยอมแพ้ ดังนั้นซวนเยว่จึงต้องหลบเสี่ยวอันอีกสองสามครั้ง

“เจ้าไม่สนใจเมื่อข้าจับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ บอกข้าว่านี่คือสิ่งใด แล้วข้าจะคืนให้!”

หลี่ฉิงซานหยุดเสี่ยวอันและกล่าว “มันคือสัญญา”

“สัญญาใด?” แม้หลี่ฉิงซานจะไม่เต็มใจที่จะบอกนางแต่เขารู้ว่านางจะไม่ยอมแพ้จนกว่านางจะรู้เรื่องราว “ข้าสัญญาว่าจะส่งเขากลับบ้าน บ้านของเขาอยู่ทางใต้”

ซวนเยว่รู้สึกประหลาดใจ “เจ้าช่างดีกับสัตว์เลี้ยงของเจ้านัก!”

“เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง!”

“รับไป!” ซวนเยว่โยนป้ายไม้ให้เสี่ยวอันและเขาก็เก็บไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปบนศีรษะของหลี่ฉิงซานและใช้กรงเล็บแกะสลักบางสิ่งไว้บนเขาของเขา