ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 90 แมวของราชินี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 92 ขึ้นเหนือ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 91 เฒ่ามังกรทะยาน


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 91 เฒ่ามังกรทะยาน

แปลโดย iPAT   

หลี่ฉิงซานแสยะยิ้ม เขาเกือบถูกนางหลอก เสรีภาพงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่านางเกียจคร้านและแสวงหาชีวิตที่ฟุ่มเฟือยหรูหรายิ่งขึ้น เมื่อเขาถามเกี่ยวกับจักรพรรดินีจิ้งจอกเก้าหาง นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและทำหน้าตาบ้องแบ๊วน่ารัก นี่เป็นเหตุผลที่จักรพรรดินีจิ้งจอกเก้าหางชอบนางและเชิญนางไปมลฑลหลงโจว

นางพึมพำต่อไปกระทั่งนางเริ่มเบื่อหน่ายกับมัน “ตอนนี้ดึกมากแล้ว มันเป็นเวลานอน!” นางนำตะกร้าแมวขนาดใหญ่ที่บุด้วยขนนกกระเรียนออกมาและขดตัวนอนอย่างสะดวกสบายอยู่ภายใน

หลี่ฉิงซานตะโกน “มันยังกลางวัน!”

ซวนเยว่โบกมือและดับแสงไข่มุก “กลางวันมีไว้นอน เราจะออกเดินทางตอนกลางคืน”

หลี่ฉิงซานมองร่างที่กำลังหลับไหล แพขนตายาวเรียงซ้อนกัน จมูกอันบอบบางเชิดขั้นจากใบหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากเล็กๆปิดสนิท เมื่อนางนอนขดตัว นางยิ่งดูตัวเล็กน่ารัก มันไม่เหมือนนางในเวลาปกติที่ค่อนข้างหยาบคายและทำตัวน่าปวดหัว เวลานี้นางดูบอบบางและกระตุ้นความรู้สึกอยากปกป้องจากคนรอบข้าง

หลี่ฉิงซานสะบัดศีรษะปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านออกไป ตอนนี้ไม่ใช่เวลาชื่นมชมความงามและนางก็ไม่ใช่คนที่ต้องการการปกป้องจากเขาหรือเป็นคนที่เขาสามารถหยอกล้อ จากมุมมองหนึ่ง นางสามารถถูกมองว่าเป็นศัตรู แล้วเขาจะหลงใหลนางได้อย่างไร สิ่งที่เขาต้องทำคือระวังตัวให้มากขึ้น!

หลี่ฉิงซานสบตากับเสี่ยวอันและถอนหานยใจ เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้แปลกเกินไป มันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างสมบูรณ์ เขาชำเลืองมองหญิงสาวในตะกร้าอีกครั้งก่อนจะเดินไปที่มุมหนึ่งของถ้ำและเริ่มนั่งสมาธิเพื่อฝึกเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่าต่อไป เสี่ยวอันนั่งลงด้านข้างเขาและทำสมาธิเช่นเดียวกัน

แต่ในจังหวะนี้ซวนเยว่กลับพึมพำออกมาว่า “ต้าไห่ ร้องเพลงให้ข้าฟังหน่อย”

“ข้าร้องไม่เป็น!” หลี่ฉิงซานตะโกนกลับไปทันที

“แล้วข้าจะมีเจ้าไว้เพื่อสิ่งใด?” ซวนเยว่เปิดเปลือกตาขึ้น

“เช่นนั้นก็ปล่อยข้าไป!”

“ลืมมันไปซะ เอาล่ะ ข้าจะสอนเจ้า”

หลี่ฉิงซานส่ายหน้าแต่ก่อนที่เขาจะตอบกลับ ซวนเยว่ก็เริ่มร้องเพลงด้วยตนเองแล้ว “แมวน้อย ลูกแมวแสนดี นอนเถิดหนา ไปนอน…”

เสียงร้องอันแผ่วเบาดังไปทั้งถ้ำ แม้มันจะน่าพอใจมากแต่หลี่ฉิงซานกลับบดริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพลงกล่อมเด็ก ด้วยวิธีนี้เขาจึงตระหนักว่าราชินีแห่งความมืดรักและดูแลแมวของนางเหมือนลูกของนางเอง อย่างไรก็ตามบทเพลงที่ถูกขับร้องออกมาอ่อนโยนและทำให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายมาก

เมื่อเสี่ยวอันได้ยินมัน เปลวไฟในดวงตาของเขาก็เต้นรำเป็นจังหวะ ทว่าราวกับมีบางสิ่งขวางกั้นเขาเอาไว้ เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือสิ่งใดและมาจากไหน

“ข้าร้องเพลงจบแล้ว ตอนนี้ถึงคราวเจ้าแล้ว!”

“ข้าจำไม่ได้ ร้องอีกครั้ง!” หลี่ฉิงซานกล่าวและคิด ‘ข้าเป็นชายชาตรีที่สูงมากกว่าสิบฟุต เพื่อเห็นแก่สวรรค์ ข้าควรแสดงท่าทางเยี่ยงบุรุษที่แข็งแกร่ง เจ้าจะให้ข้าร้องเพลงเช่นนั้นได้อย่างไร?’

“มันง่ายมากแต่เจ้ายังจำไม่ได้งั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าเป็นปีศาจบ้านนอก ข้าโง่มาก ข้าไม่เข้าใจและจำอะไรไม่ได้เลย”

ซวนเยว่ต้องร้องเพลงซ้ำอีกครั้งโดยไม่ทางเลือก แต่มันยังเหมือนเดิม หลี่ฉิงซานจำไม่ได้ ซวนเยว่อารมณ์เสียแต่ในจังหวะนี้นางกลับเกิดแรงบันดาลใจบางอย่าง นางถือเม็ดยาจิตวิญญาณเอาไว้ด้วยสองนิ้วและเผยรอยยิ้ม “หากเจ้าร้องเพลง เจ้าจะได้กินเม็ดยาจิตวิญญาณ!”

“แมวน้อย ลูกแมวแสนดี นอนเถิดหนา ไปนอน…” หลี่ฉิงซานร้องเพลงออกมาทันที เหตุใดจะไม่ร้องหากมีผลประโยชน์? เขาเพียงขายความสามารถทางศิลปะ ไม่ใช่ร่างกาย! ดังคำกล่าวของเจ้าสัวบางคนที่ว่า ไม่เลือกงานไม่ยากจน อย่างไรก็ตามเสียงของเขาทุ้ม หนักแน่น และแหบมาก มันเหมือนเสียงโลหะขูดกัน ควบคู่ไปกับวิธีการร้องเพลงที่ใช้ลมจากปอดของเขา เพลงกล่อมเด็กจึงกลายเป็นร็อกแอนด์โรล

“หยุด! เจ้าเสียงดังเกินไป!” ซวนเยว่โยนเม็ดยาเข้าไปในปากของหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานหัวเราะ เขากลืนเม็ดยาและนั่งสมาธิต่อ เขาไม่รู้ชื่อยา แต่ยาทุกเม็ดที่เขาได้รับจากนางสามารถหล่อเลี้ยงร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ผลลัพธ์ของมันน่าเหลือเชื่อมาก สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป สิ่งนี้อาจเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก แต่ด้วยการร้องเพลงเล็กน้อยๆ เขากลับได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่

ซวนเยว่หมดความสนใจ นางกลับไปนอนหลังจากความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่นางยังถามด้วยความสงสัย “เหตุใดรูปร่างหน้าตาของเจ้าจึงเป็นเช่นนี้? ให้ข้าเดา แม่ของเจ้าต้องเป็นเสือและพ่อของเจ้าก็ต้องเป็นวัวใช่หรือไม่?”

หลี่ฉิงซานไม่ตอบ ไม่ว่าเขาจะตีความอย่างไร มันก็ฟังดูเหมือนเป็นการด่าเขา แต่เมื่อคิดว่านางก็เป็นสัตว์เช่นเดียวกัน เขาจึงอดทนกับมัน

“เช่นนั้นพ่อของเจ้าก็เป็นเสือและแม่ของเจ้าก็เป็นวัว?”

หลี่ฉิงซานตอบอย่างไม่เต็มใจว่า “อืม”

ซวนเยว่กล่าวต่อ “ข้าเดาถูก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสามารถแปรงร่างแม้เจ้าจะอ่อนแอ ดังนัั้นพ่อแม่ของเจ้าก็เป็นปีศาจทั้งคู่ พวกเขาน่าจะเป็นปีศาจที่ทรงพลังเช่นกัน แล้วพวกเขาอยู่ที่ใด?”

หลี่ฉิงซานตอบอย่างใจเย็น “พวกเขาตายแล้ว” เขาคิดถึงพ่อแม่ในชีวิตนี้

ซวนเยว่เงียบไปชั่วครู่ “ข้าเสียใจด้วย” หลังจากนั้นนางก็กล่าวต่อ “ข้าก็เช่นกัน”

หลี่ฉิงซานมองซวนเยว่ก่อนกล่าว “นอนซะ” จากนั้นนางก็หันหลังให้เขาและไม่กล่าวสิ่งใดอีก

หลี่ฉิงซานถอนหายใจเบาๆและเริ่มร้องเพลงกล่อมแมวอีกครั้งอย่างแผ่วเบา “แมวน้อย ลูกแมวแสนดี นอนเถิดหนา ไปนอน…”

หูของซวนเยว่ตั้งขึ้นขณะที่เสี่ยวอันตั้งใจฟังอยู่อย่างเงียบๆ ในเวลานั้นไม่มีเสียงอื่นใดในถ้ำนอกจากเสียงเพลง

…..

ห่างออกไปมากกว่าห้าสิบกิโลเมตร ชายชราที่มีดาบอยู่บนแผ่นหลังบินลงมาจากท้องฟ้าและลงจอดบนภูเขาถ้ำมังกร เขามองซากปรักหักพังของนิกายถ้ำมังกรด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

เส้นผมสีเทาของเขาถูกมัดเป็นมวย เคราถูกเล็มอย่างพิถีพิถัน ดวงตาส่องประกายด้วยความเฉลียวฉลาดที่เกิดจากประสบการณ์ชีวิต

เขาคือนักดาบมังกรทะยานผู้ก่อตั้งนิกายถ้ำมังกร เขายังไม่ตาย อย่างไรก็ตามเขาออกจากนิกายและเลิกเป็นนักดาบยาจกไปนานแล้ว ในความเป็นจริงเขาคือเฒ่ามังกรทะยานแห่งวังหลอมรวมดาบ

เขาปิดเปลือกตาลงเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศรอบๆขณะที่คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ดาบไม้ที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังล้มเหลวในการฆ่าศัตรู!

ดาบไม้เป็นทักษะลับของวังหลอมรวมดาบ มันต้องได้รับการเครื่องเซ่นไหว้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดแม้แต่วันเดียว เมื่อเวลาผ่านไป มันจะรวบรวมพลังจิตและแรงศรัทธาทั้งหมดเอาไว้เพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจที่ไม่สามารถหยุดยั้งออกมา

เฒ่ามังกรทะเยานตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน นิกายถ้ำมังกรเป็นเพียงมรดกที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังโดยบังเอิญเมื่อเขาออกมาท่องเที่ยวในโลกของมนุษย์ ในชั่วพริบตา หนึ่งศตวรรษก็ผ่านไป เขาไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาต้องทำธุระสำคัญให้สำเร็จก่อนจะตามหาอาชญากรและจัดการคนผู้นั้น

ขณะที่เขากำลังจะจากไป ดวงตาของเขาก็หรี่ลง เขาเห็นร่างสีขาวบินลงมาจากท้องฟ้า

มันคือกู่เยี่ยนหยิน!

นางเผยรอยยิ้มกล่าว “เฒ่ามังกรทะยาน นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน” อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ วังหลอมรวมดาบส่งผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำออกมา เรื่องนี้กลายเป็นซับซ้อน หลังจากทั้งหมดสองราชินีแห่งมณฑลชิงโจวได้แก่ราชินีแห่งความมืดและราชินีแสงเป็นศัตรูกันมานานแล้ว ราชินีแสงมาจากวังหลอมรวมดาบ เมื่อใดก็ตามที่พวกนางมีโอกาส พวกนางจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ

เฒ่ามังกรทะยานกล่าว “ดังนั้นก็เป็นผู้บัญชาการกู่ เหตุใดเจ้าจึงมายังสถานที่ห่างไกลเช่นนี้?” ชายชราค่อนข้างระวังตัว ท่ามกลางผู้บัญชาการหลายคนของกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ นางเป็นคนที่รับมือได้ยากที่สุดและนางก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชินีแห่งความมืด

กู่เยี่ยนหยินกล่าว “ข้ามาเพื่อจัดการธุระเล็กๆน้อยๆภายใต้คำขอของราชินีแห่งความมืด แต่ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะพบท่านที่นี่ เมื่อเราพบกันแล้ว เหตุใดไม่มาดื่มด้วยกันสักเล็กน้อย?” ตราบเท่าที่นางสามารถยื้อชายชราไว้ที่นี่ แมวตัวนั้นจะสามารถหลบหนีไป ในความเป็นจริงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปีศาจแมวสร้างปัญหาให้นางคอยตามล้างตามเช็ดมามากมาน นางรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากเห็นแมวตัวนั้นอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงความรู้สึกของราชินีแห่งความมืด นางก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หากไม่มีทางเลือก ในอนาคตนางต้องขอให้บิดาของนางช่วยเจรจากับจักรพรรดินีจิ้งจอกเก้าหางเท่านั้น