Chapter 21
ในเวลานี้ ซ่งหลัวเดินไปที่ห้องพิเศษในการประมูลตระกูลซ่ง
เมื่อเข้ามาจะเป็นห้องที่หรูหรามาก หรูหรายิ่งกว่าห้องวีไอพีในงานประมูล
ซ่งหลัวเห็นคนสองคนคุยกันขณะเพลิดเพลินกับการดื่มกาแฟ
พวกเขาสองคนไม่ใช่คนอื่น พวกเขาคือซงเจี๋ยและหวังไห่
“ลุงซ่งหลัว คุณมาที่นี่ทำไม ฉันคิดว่าการประมูลเพิ่งเริ่มต้นเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว มีปัญหาอะไรไหม?” เมื่อเห็นซ่งหลัวเข้ามาใกล้ ซ่งเจี๋ยถามด้วยความสงสัย
“ใช่แล้ว มีปัญหาแน่นอน” เมื่อได้ยินคำถามของซงเจี๋ย ซ่งหลัวก็พยักหน้าและส่งเหรียญหยกขาวที่เขาได้รับจากเย่เฉินให้ซงเจี๋ย
“นี่คือสัญลักษณ์ของบุญคุญของปรมาจารย์ เอามันมาจากไหน” เมื่อเห็นเหรียญหยก ซ่งเจี๋ยจึงถามซ่งหลัวอย่างจริงจัง
“ฉันได้มันมาจากชายหนุ่มชื่อเย่เฉิน” ซ่งหลัวมองไปที่ซ่งเจี๋ย แล้วกล่าว
“เย่เฉิน? ฉันเคยได้ยินชื่อนั้นที่ไหนสักแห่ง”
“เหรียญนี้เป็นสิ่งที่แสดงความกตัญญูของตระกูลซ่ง และฉันก็รู้สึกว่าเหรียญนี้มีพื้นเพมาจากผู้เฒ่าคนนึง ผู้เฒ่าเคยกล่าวไว้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมอบเหรียญหยกขาวที่มีชื่อของเขาสลักไว้ให้กับผู้ฝึกตนขอบเขตจักรพรรดิ ชื่อเทียนหยางจื่อ”
“และผู้เฒ่ายังบอกด้วยว่าหากบุคคลนั้นแสดงเหรียญต่อตระกูลซ่งและถ้าเขาต้องการอะไรตระกูลซ่งจะต้องเติมเต็มความปรารถนาของเขา”
“คนนั้นเขาอยากได้อะไรไหม” ซ่งเจี๋ยถามอย่างจริงจัง
ถ้ามีคนให้เหรียญนั้นกับเขา เขาต้องเป็นคนที่สำคัญมาก
“ชายหนุ่มคนนั้นต้องการสิ่งของประมูลชิ้นหนึ่ง และเขาก็ต้องการให้แขก VIP คนหนึ่งถูกไล่ออกจากการประมูลด้วย” ซ่งหลัวพยักหน้าตอบคำถามของซ่งเจี๋ย
“ของประมูลมีค่ามากไหม อีกอย่าง ใครคือคนที่เขาต้องการให้ไล่ออกไป?” ซ่งเจี๋ยพูดอย่างสงสัย
เขาสับสน รายการประมูลสำคัญขนาดที่ต้องใช้เหรียญหยกของตระกูลซ่งเลยหรอ? และเขายังสงสัยว่าใครคือคนที่เขาต้องการขับไล่?
“ชายหนุ่มคนนั้นต้องการภาพวาดโบราณที่มีราคาเริ่มต้น 250 ล้านหยวน เนื่องจากมีคนที่ต้องการภาพวาดนั้นด้วย ราคาของภาพวาดจึงสูงถึง 1.5 พันล้านหยวน” ซ่งหลัวมองไปที่ซ่งเจี๋ย แล้วกล่าวว่า
“เขาต้องการแค่ภาพวาดที่มีมูลค่า 1.5 พันล้านหยวนเท่านั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งหลัว ซ่งเจี๋ยก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
เขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงใช้เหรียญหยกของตระกูลซ่งสำหรับภาพวาดมูลค่า 1.5 พันล้านหยวน
“แล้วคนที่เขาต้องการขับไล่คือใคร” ซ่งเจี๋ยถามซ่งหลัว
“นั่นล่ะปัญหา คนที่เขาต้องการขับไล่คือหลินเทียน นายน้อยของตระกูลหยาง และตระกูลหลิน”
“หลินเทียนเป็นคนที่สู้ราคาของภาพวาดกับ เย่เฉิน, หลินเทียนเสนอราคา 1.5 พันล้านหยวน เพราะงั้นเย่เฉินจึงไม่สามารถเสนอราคาได้ บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่เย่เฉินต้องการภาพวาดและต้องการให้หลินเทียนถูกไล่ออกจากการประมูล”
“ฉันกลัวว่าถ้าฉันเตะ หลินเทียน ออกจากการประมูลทันที มันจะทำให้เขาขุ่นเคือง และทั้งตระกูลหลินและตระกูลหยางจะไม่รักษาความสัมพันธ์กับตระกูลซ่งอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจะทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องยากสำหรับเรา” ซ่งหลัวกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“คุณเพิ่งพูดชื่อ หลินเทียน หรือเปล่า นายน้อยของตระกูลหลินอะนะ?” เมื่อได้ยินชื่อหลินเทียน หวังไห่ก็ขัดการสนทนาทันที
“ใช่แล้ว นายน้อยหลินเทียน” เมื่อได้ยินคำพูดของหวังไห่ ซ่งหลัวก็พยักหน้า
“ถ้าเป็นนายน้อยหลิน คุณก็ไม่สามารถไล่เขาออกได้ แม้ว่าคุณจะเป็นลูกชายคนที่ 3 ของตระกูลซ่งก็ตาม” หวังไห่เตือนซ่งเจี๋ยทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าหลินเทียนจะถูกไล่ออกจากการประมูล
“ผู้อาวุโสหวังไห่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงส่งบัตรเชิญวีไอพีที่ฉันมอบให้คุณกับหลินเทียน และไม่รู้ว่าคุณมีความสัมพันธ์อะไรกับหลินเทียน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นกฎของตระกูล ฉันต้องขอโทษด้วย คนนั้นมีเหรียญหยกตระกูลซ่ง เขาต้องการให้หลินเทียนถูกไล่ออกจากที่นี่ ดังนั้นเขาจะถูกไล่ออก” ซ่งเจี๋ยมองไปที่หวังไห่ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินว่าซ่งเจี๋ยจะขับไล่หลินเทียน หวังไห่ก็เตือนเขาอีกครั้งทันที:
“คุณขับไล่เขาออกไปไม่ได้จริงๆ นายน้อยหลินคือ…”
แต่ก่อนที่หวางไห่จะพูดจบ ซ่งเจี๋ยก็ตัดบทการสนทนาเขา:
“ผู้อาวุโสหวังไห่ ฉันจะสั่งให้ผู้ประมูลขับไล่หลินเทียน ทันทีเทียนหยางจื่อเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ คุณรู้ไหมว่าขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์เป็นสุดยอดของฐานการบ่มเพาะ นอกจากนี้เทัยนหยางจื่อยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ฮวงจุ้ยที่แข็งแกร่งและ ปรมาจารย์วิญญาณที่แข็งแกร่ง”
“เทียนหยางจื่อยังมีเทคนิคที่ทรงพลังอย่างยิ่งและมีความเชื่อมโยงที่กว้างขวาง เขาไม่ได้ด้อยกว่าตระกูลซ่ง ฉันได้ยินมาว่าเทียนหยางจื่อมีศิษย์ ฉันเชื่อว่าเย่เฉินเป็นลูกศิษย์ของเขา”
“เปรียบเทียบศิษย์ของจักรพรรดิยุทธ์กับ หลินเทียน ฉันก็ยังรู้เลยว่าใครเก่งกว่ากัน แม้ว่าตระกูลหลินและหยางจะทำอะไรกับตระกูลซ่ง ฉันก็ไม่กลัว” ซงเจี๋ยมองไปที่หวังไห่และพูด
“ซ่งเจี๋ย ถ้าคุณไล่นายน้อยหลินออกไป ฉันเกรงว่าจะมีภัยเกิดขึ้นกับตระกูลซ่ง” หวังไห่เตือนซ่งเจี๋ยอย่างเคร่งขรึม
“ผู้อาวุโสหวัง อย่ามาขัดฉันอีกเลย ฉันจะไม่ฝ่าฝืนกฎของตระกูลซ่งแน่ๆ” ซงเจี๋ยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหวังไห่
“ศิษย์ของจักรพรรดิยุทธ์หรือจักรพรรดิยุทธ์ เจ้าจะเลือกใคร?” หวังไห่มองไปที่ซ่งเจี๋ยและพูดเบาๆ
“ผู้อาวุโสหวัง ท่านหมายความว่าอย่างไร” การแสดงออกของซงเจี๋ยเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหวังไห่
“ตระกูลซ่งกำลังจัดประมูลในเมืองเทียนไห่ ซึ่งเป็นเมืองที่มีกฎที่เข้มงวด คุณเป็นลูกชายคนที่ 3 ของตระกูลซ่งคงรู้เรื่องนี้ดี” หวังไห่มองไปที่ซ่งเจี๋ยและเย้ยหยัน
“ฉันไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสหวังกำลังพูดถึงอะไร” ซ่งเจี๋ยพูดด้วยความสงสัย
“ครอบครัวซ่งของคุณไม่รู้เกี่ยวกับศึกระหว่างสองผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของสำนักหกทวารเหรอ?” หวังไห่กล่าวอย่างเย็นชา
"การต่อสู้ระหว่างผู้สมัคร 2 คนสำหรับผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุกสำนักหกทวาร? ผู้อาวุโสหวังพูดอะไรตลกจริงๆ ตระกูลซ่งของฉันจะไปรู้ข้อมูลแบบนั้นได้ไง" ซงเจี๋ยส่ายหัวเมื่อได้ยินคำพูดของหวังไห่
“ตระกูลซ่งไม่รู้เรื่องนั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีการประมูลตระกูลซ่งทุกปีเหมือนกัน เพราะฉันไม่ได้อยู่ในเทียนไห่”
“การประมูลตระกูลซ่งสามารถจัดได้ในเมืองเทียนไห่ซึ่งมีกฎที่เข้มงวดและตระกูลซ่งก็เป็น 1 ในตระกูลโบราณที่อยู่ที่เมืองนี้ ถ้าตระกูลซ่งยังไม่รู้ว่าสำนักหกทวารมีศึกตัดสินผู้นำสูงสุด แล้วคนทั่วไปจะรู้ได้ไง ขนาดตระกูลท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับเทียนหยางจื่อนะเนี่ย”
“ถ้าคุณไม่ใส่ใจว่าผู้นำสูงสุดในอนาคตของสำนักหกทวารจะเป็นใคร ตระกูลซ่งคงถึงราวล่มสลายแล้ว” หวังไห่มองไปที่ซ่งเจี๋ยและพูดอย่างเย็นชา
“ผู้อาวุโสหวัง ตระกูลซ่งไม่เคยรูเรื่องเกี่ยวกับผู้นำของสำนัก มีเพียงปรมาจารย์และฉันเท่านั้นที่รู้ในตอนนี้” เมื่อได้ยินคำพูดของหวังไห่ ซ่งเจี๋ยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม
“ในเมื่อตระกูลซ่งอยู่ในเมืองเทียนไห่ แต่ไม่บอกข่าวอะไรเลยทำเหมือนไม่รู้เรื่องแบบนี้ คงจะไม่รู้สินะว่าในการเลือกผู้นำสูงสุดของสำนักหกทวารคนที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดไม่ใช่เทียนหยางจื่อ” หวังไห่กล่าวอย่างเย็นชา
“ผู้อาวุโสหวาง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับฉันที่ไล่หลินเทียน ออกจากการประมูลหรือไม่ เป็นไปได้ไหมที่หลินเทียนมีความสัมพันธ์อันดีกับคู่ต่อสู้จองเทียนหยางจื่อที่น่าจะเป็นจักรพรรดิยุทธ์นั่น?” ซ่งเจี๋ยพูดอย่างสงสัย