บทที่ 800 เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน(ตอนฟรี)
บทที่ 800 เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน
“รองอาจารย์ใหญ่เกา!”
จี้เฟิงเรียกเกาต้าซงที่กำลังจะจากไปด้วยความโกรธไว้ “โปรดจำไว้ว่า ถ้าคุณยังเป็นคนขี้ขลาด ไม่ว่าในอนาคต คุณจะอยู่ในตำแหน่งใด สิ่งนี้ก็จะเป็นความอัปยศของคุณไปตลอดชีวิต และคุณก็คือความอัปยศของประเทศจีน!”
“ฮึ่ม!” เกาต้าซงที่ถูกเรียกไว้หันกลับมามองลึกเข้าไปในดวงตาจี้เฟิง ราวกับกำลังเก็บความขุ่นเคืองใจในครั้งนี้ไว้ทุกรายละเอียดเพื่อรอวันเอาคืน จากนั้นเกาต้าซงก็หันศีรษะแล้วเดินจากไป
จู่ๆ ซาซากิก็ก้าวเข้ามาหาจี้เฟิงสามสี่ก้าว เขาลดเสียงลงและพูดเป็นภาษาจีนว่า “อีกหนึ่งวัน ฉันจะรอแกอยู่ที่เวทีประลอง จากนั้นฉันจะทุบตีแกจนกว่าแกจะคุกเข่าต่อหน้าฉันและขอร้องอ้อนวอนอย่างน่าสมเพช!”
จี้เฟิงยิ้มอย่างไม่แยแส “อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป!”
“ถ้าคุณไม่มา ฉันจะให้ซาซากิส่งเพื่อนร่วมสถาบันของคุณไปลงนรก!” คาวากิ ไยโกะที่อยู่ข้างๆซาซากิพูดคำขู่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ซาซากิมองไปที่จี้เฟิงอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ตัวเขาเองก็หมายความอย่างที่คาวากิ ไยโกะเพิ่งพูดไปด้วยเช่นกัน!
รอยยิ้มของจี้เฟิงหายไปทันที เขาขมวดคิ้วและมองไปที่ซาซากิและคาวากิ ไยโกะและพูดอย่างเคร่งขรึม “เมื่อกี้นี้ วาตานาเบะก็ใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ฉัน และเขาก็ทำสำเร็จ เพราะแบบนั้น พวกแกก็เลยทำบ้าง?”
แววตาของเขาฉายแววดุร้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ถ้าพวกแกกล้าทำอะไรกับคนของฉัน ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด!”
“คำขู่ของฉันได้ผลสำหรับคุณ แต่คำขู่ของคุณไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ! เพราะคนที่จะฆ่าคุณก็คือฉัน!” ซาซากิเลียริมฝีปากของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับผู้หญิง
“ล้างคอรอไว้ได้เลย!”
คาวากิ ไยโกะพูดอย่างเย็นชาและหันหลังเดินจากไป
“จำไว้ให้ดี อีกหนึ่งวัน ที่สนามประลองของสหพันธ์มหาวิทยาลัย การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตจะเกิดขึ้น แล้วฉันจะรอ!” ซาซากิเหลือบมองจี้เฟิงก่อนจะหันหลังและเดินตามคาวากิ ไยโกะไป
ใบหน้าของจี้เฟิงมืดมน เขายืนกำหมัดแน่น
“เสี่ยวเฟิง เรื่องนี้...” เจิ้งหยวนซานไม่รู้จะพูดอะไร เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แม้ว่าเขาจะเป็นรองสำนักงานเทศบาล เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและต่อสายหาจี้เจิ้นกั๋ว อารองของเขาอีกครั้ง “อาสองครับ ผมต้องการให้เกาต้าซง รองอาจารย์ใหญ่ของสหพันธ์มหาวิทยาลัยออกจากตำแหน่ง ไม่สิ ออกจากมหาวิทยาลัยไปเลย!”
ใบหน้าของจี้เจิ้นกั๋วเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “เรื่องนี้มันใช่ธุระกงการของเธองั้นเหรอ?”
“อาสอง ผมไม่เคยขออะไรอาสองเลย แต่ครั้งนี้ผมขอ กำจัดเกาต้าซงให้พ้นหูพ้นตา!” จี้เฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
จี้เจิ้นกั๋วเงียบไปครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นว่า “ดูจากลักษณะแล้ว บุคคลนี้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในตำแหน่งนั้นต่อไปอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรจะถาม!”
พูดจบ จี้เจิ้นกั๋วก็วางสายทันที
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าคำพูดและน้ำเสียงของอาสองจะเป็นการตำหนิ แต่เขาก็รู้ว่าเกาต้าซงจะไม่มีวันได้เป็นรองอาจารย์ใหญ่ของเขาอีกต่อไป และมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในสหพันธ์มหาวิทยาลัยต่อด้วย ไม่ว่าจะในตำแหน่งใดๆก็ตาม
“จี้เฟิง เรื่องที่ซาซากิพูดเมื่อกี้...” เซียวหยูซวนมองจี้เฟิงด้วยสายตาที่เป็นกังวล “เขาอยากจะต่อสู้กับนายเหรอ?”
“เหอะ! คนอย่างเขาไม่คู่ควร!” จี้เฟิงเยาะเย้ย
“แล้วถ้าเขาทำร้ายนักเรียนในมหาวิทยาลัยของเราล่ะ?” เซียวหยูซวนถาม “นายก็รู้นี่ว่าทางมหาวิทยาลัยเราเป็นยังไง เวลาที่อยู่ต่อหน้ากับชาวต่างชาติ มักจะอ่อนน้อมถ่อมตนจนเกินพอดี และยิ่งเป็นการประลองการต่อสู้ ถ้าฝ่ายเราออมมือหรือป้องกันตัวเองน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายลงมืออย่างเต็มที่ มันจะไม่เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงเหรอ?”
คนจีนมักจะมีค่านิยมการปกครองแบบผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน สถาบันหรือประชาชนคนทั่วไปก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น คนเป็นพ่อเป็นแม่ เมื่อลูกของตัวเองมีความขัดแย้งกับลูกของผู้อื่น ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เขาจะตบลูกตัวเองเพื่อเป็นการลงโทษโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล
และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชาวต่างชาติ หน่วยงานและสถาบันต่างๆก็ทำแบบนี้เช่นกัน
จี้เฟิงเข้าใจสิ่งนี้โดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าความกังวลของเซียวหยูซวนนั้นมีเหตุผล
“ผู้อำนวยการเจิ้ง คุณพอจะส่งคนไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยหน่อยได้หรือเปล่าครับ?” จี้เฟิงหันไปถามเจิ้งหยวนซาน
“ถ้าเราไม่ได้รับคำเชิญจากสหพันธ์มหาวิทยาลัย มันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะเข้าไปยุ่มย่ามแบบไม่มีเหตุผลที่ดีพอ!” เจิ้งหยวนซานกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “สหพันธ์มหาวิทยาลัยมีระดับสูงกว่าเรามาก”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงต้องจับตาดูด้วยตัวเองแล้วว่าไอ้พวกเจี๋ยเผิงอวดดีนั่นมันจะสร้างเรื่องอะไรอีก!”
เมื่อนึกถึงสายตาที่เยือกเย็นของซาซากิและบุคลิกที่เย่อหยิ่งจองหองของคาวากิ ไยโกะ ความเย็นชาก็ฉายวาบออกมาจากดวงตาของจี้เฟิง
......
“ไอ้จี้เฟิง นังเซียวหยูซวน ไอ้เด็กเปรตกับผู้หญิงร่าน ฉันจะไม่มีทางปล่อยพวกแกไปเด็ดขาด!” เกาต้าซงที่เดินออกมาจากห้องสอบสวนคิดอยู่ในใจด้วยความโกรธแค้น เขาถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้านักเรียนคนหนึ่งท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย เป็นความอัปยศที่เขาจะไม่มีวันลืม!
ศักดิ์ศรี หน้าตาในสังคม เขาไม่เหลืออะไรแล้ว!
หัวใจของเกาต้าซงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใบหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายสั่นเตาและดวงตาแดงก่ำราวกับหมาป่าที่บ้าคลั่ง!
Rrrrrr~!
ในขณะที่เกาต้าซงหมกมุ่นอยู่กับความเกลียดชังที่ฝักลึกเข้ากระดูก เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“หืม? เลขากงโทรมางั้นเหรอ?” เกาต้าซงหยิบโทรศัพท์ออกมา และเมื่อเห็นหมายเลขที่โทรเข้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกดรับโทรศัพท์ “สวัสดีครับเลขากง!”
“เกาต้าซง คุณทำอะไรลงไป?! งามหน้ามาก ทุกอย่างมันเป็นความผิดของคุณ เลขาจี้ถึงกับส่งคำเตือนมาด้วยตัวเองโดยตรง!” ทันทีที่เกาต้าซงรับสาย เลขากงก็ตะคอกเสียงดัง
เกาต้าซงตกตะลึงทันที “ละ เลขากง ใจเย็นๆก่อน มันเกิดอะไรขึ้น?”
“คุณยังมีหน้ามาถามอีกงั้นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?!” เสียงของเลขากงในสายดูโมโหมาก “เกาต้าซง คุณลวนลามอาจารย์ผู้หญิงในงานเลี้ยง ซึ่งทำให้เกิดอิทธิพลที่เลวร้ายมาก ตามคำแนะนำของพรรคเทศบาลนครเจียงโจว และคณะกรรมการพรรคของสหพันธ์มหาวิทยาลัย ได้ลงชื่อโหวตกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณถูกพักงานและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการตรวจสอบ!”
เปรี้ยง—!
คำพูดของเลขากงราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงตรงกลางกระหม่อมของเกาต้าซงโดยตรง แข้งขาของเขาอ่อนแรงลงทันที หัวสมองว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง มีเพียงคำสองคำที่วนเวียนอยู่ในหัว จบแล้ว มันจบแล้ว!
เกาต้าซงรู้ดีกว่าใครๆถึงสิ่งที่เขาทำในอดีต และตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกพักงาน แต่ยังต้องถูกตรวจสอบอีกด้วย ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“แกเองสินะ!”
ทันใดนั้น เกาต้าซงก็นึกถึงคำที่จี้เฟิงพูดก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องสอบสวน แต่ในตอนนั้นเขาคิดว่าจี้เฟิงแค่แสดงความอวดดีไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าจี้เฟิงจะทำได้จริงๆ เขามีเส้นสายใหญ่ถึงขนาดรายงานเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการพรรคการเมืองโดยตรง...
“ไอ้สารเลว ฉันจะไม่มีวันอภัยให้คนอย่างแก!” เกาต้าซงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
........
ในที่สุด เรื่องต่างๆก็ได้รับการแก้ไข จี้เฟิงและเซียวหยูซวนขับรถกลับบ้านทันที แต่พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ถงเล่ยและเสี่ยวอิงต้องเป็นกังวล พวกเขาเพียงแค่พูดคุยและหัวเราะกันตามปกติ
ถงเล่ยนำซุปที่ตุ๋นรอไว้มาเสิร์ฟให้ทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ใบหน้าที่สวยงามของเธอมองไปที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวนที่ซดน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อยอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น จี้เฟิงขับรถพาเซียวหยูซวนไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำเรื่องขอลาออก
แต่เพราะเซียวหยูซวนเป็นครูสัญญาจ้าง ขั้นตอนการลาออกจึงง่ายมาก เพียงแค่ไปที่แผนกบุคคลของมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นจดหมายลาออก จากนั้นก็ไปที่แผนกการเงินเพื่อเคลียร์บัญชีต่างๆ และสุดท้ายคือการคืนเอกสารและบัตรผ่านต่างๆให้กับทางมหาวิทยาลัย และเมื่อเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน เซียวหยูซวนก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวอีกต่อไป
“จากนี้ไป ฉันก็ไม่ได้เป็นครูอีกแล้วสินะ!” เซียวหยูซวนที่นั่งอยู่ในรถเอนหลังพิงพนักพิงของเบาะอย่างสบายๆ “เมื่อก่อน ฉันคิดอยู่เสมอว่า ฉันจะต้องเป็นครูที่ดี จะต้องสอนนักเรียนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งใจทำทุกอย่าง ไม่กล้าทำอะไรแบบลวกๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้ว! จบลงเสียที! เฮ้อ~”
จี้เฟิงหันไปมองเธอสองสามครั้งด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“นายกำลังคิดว่าฉันไม่น่าจะมีท่าทีแบบนี้ใช่มั้ย? ฉันควรจะหงอยหรือเศร้าอะไรแบบนั้นใช่รึเปล่า?” เซียวหยูซวนถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นจี้เฟิงทำหน้าแปลกๆ
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “เธอชอบการเป็นครูมากเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วตอนนี้เธอลาออกแล้ว ไม่ได้เป็นครูอีกแล้ว ทำไมเธอถึงดูมีความสุขมากขึ้นล่ะ?”
“ก็จริงนะ ที่ฉันชอบเป็นครู แต่การเป็นครู มันไม่จำเป็นต้องยากขนาดนั้น สิ่งที่กดดันมากที่สุดกลับไม่ใช่การเรียนการสอน แต่เป็นเรื่องอื่นๆซะอย่างนั้น!” เซียวหยูซวนยิ้มหวาน “และในเมื่อเราไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำแล้ว ต่อให้จะชอบมันมากแค่ไหน ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เราจะต้องอดทนกับมันต่อไป!”
“นั่นเป็นเพราะเธอใจอ่อนเกินไปน่ะสิ!” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “ถ้าเป็นคนหัวแข็งหน่อย เวลาที่มีใครมาทำให้เราไม่มีความสุข อีกฝ่ายก็ต้องไม่มีความสุขด้วยเหมือนกัน! แต่โชคดีแล้วล่ะ ที่เธอไม่ได้เป็นคนแบบนั้น และฉันก็ชอบที่เธอเป็นเธอ!”
“ฉันก็โชคดีเหมือนกันที่มีแฟนหล่อและรวยมาก! และเพราะแบบนั้น ฉันถึงเป็นคนตกงานได้สักพักนึง มีเวลาให้พักผ่อนและคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี!” เซียวหยูซวนยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เธอไม่อยากเป็นครูต่อแล้วเหรอ?” จี้เฟิงตกใจ
“ฉันรู้สึกว่าอะไรหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไป ทั้งความคิดของฉันเอง แล้วก็ระบบต่างๆ อาชีพครูมันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่ฉันคิด....” เซียวหยูซวนส่ายหัวเล็กน้อย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ดูเหมือนว่าเรื่องของเกาต้าซงจะส่งผลกระทบต่อเซียวหยูซวนอยู่ไม่น้อย
“ไอ้สารเลวเกาต้าซง ขยะแห่งวงการศึกษาชัดๆ!” จี้เฟิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้โอกาสนี้ในการพักผ่อนก็ดีเหมือนกัน บางทีคิดตอนที่หัวสมองโล่งๆ อาจจะเจอสิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นที่อยากทำ!” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม และในขณะเดียวกันเขาก็เหยียบคันเร่ง จากนั้นบีเอ็มดับบลิวก็พุ่งทะยานพร้อมกับเสียงคำรามและหายวับไปที่สุดปลายของถนน
ถงเล่ยและเสี่ยวอิงค่อนข้างแปลกใจเมื่อได้ยินข่าวการลาออกของเซียวหยูซวน หลังจากซักถามกันอยู่พักใหญ่ๆ เซียวหยูซวนก็ยอมเปิดเผยเหตุผลการลาออกของเธอ
ใบหน้าที่สวยงามของถงเล่ยเย็นชาขึ้นมาทันที และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอตบโต๊ะด้วยความโกรธ
จี้เฟิงและเซียวหยูซวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบพูดให้เธอใจเย็นลง แต่เพียงไม่นานถงเล่ยก็ระงับความโกรธลงได้และมาพูดปลอบโยนเซียวหยูซวน
ในชั่วพริบตา ก็มาถึงอีกวัน
หลังจากรับประทานอาหารเช้า จี้เฟิงออกกำลังกายที่สนามหน้าบ้านอย่างสบายๆ โดยแสดงเทคนิคการต่อสู้บางอย่างที่เขาได้เรียนรู้จากมือทั้งสองข้าง แต่เนื่องจากความบังเอิญ การเคลื่อนไหวของเขาเกือบจะผิดรูป และมันก็ดูเหมือนการเต้น
“จี้เฟิง” เซียวหยูซวนเดินมาหาจี้เฟิงที่สนามหน้าบ้านและพูดด้วยเสียงเบาๆ “วันนี้เป็นวันที่มหาวิทยาลัยจะมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนด้านศิลปะการต่อสู้กับกลุ่มแลกเปลี่ยนเจี๋ยเผิง นายอยากไปรึเปล่า?”
...... จบบทที่ 800 ~