Ep.386 - เซียนกระบี่ล่าแสง
3/3
Ep.386 - เซียนกระบี่ล่าแสง
มีหินสกิลสีฟ้าทั้งหมด 3 ก้อน
ข้อมูลตามลำดับของพวกมันก็ได้แก่
' เนตรเที่ยงแท้ ' หินสกิลหลักของนักทำลายภาพลวง มรดกขั้น 3
' ปราณสงครามพุ่งจู่โจม' หินสกิลหลักของวีรบุรุษนองเลือด มรดกขั้น 3
' ค่ายกลล่าแสงและเงา' หินสกิลของเซียนกระบี่ล่าแสง มรดกขั้น 4
ในบรรดาพวกมัน' เนตรเที่ยงแท้' คือสกิลสายตรวจสอบที่เฉียบคมมาก มันช่วยให้ล็อคเป้าหมาย ที่ผู้ใช้ต้องการได้ในพริบตา นอกจากนี้ยังสามารถทำลายการพรางตัว ภาพลวงตา หรือกับดักที่มีเลเวลต่ำกว่า 4 ไม่ก็เลเวล 4 บางส่วนได้
แต่น่าเสียดาย
ที่มรดกนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม
คาดว่าคงมีคนไม่มากนักที่ต้องการมัน
ส่วนอีก 2 สกิลก็ใช้ได้ทีเดียว
และในกลุ่มของพวกเขามีคนที่เหมาะแก่การใช้งานมันพอดี
ฮังอวี่โยนหนึ่งในหินสกิลสีฟ้าให้ฉูเทียนหัว " เหล่าฉู ปราณสงครามพุ่งจู่โจมนี้ คุณน่าจะต้องการใช้มัน รับไปเถอะ"
ฉูเทียนหัวตอนนี้สืบทอดได้แค่มรดกขั้น 2 เท่านั้น
อย่างแรกคือพลรบกระบี่ และอย่างหลังคือนักรบห้าวหาญ
อืม
ทั้งสองมรดกนี้ ทรงพลังในเชิงรุกมาก
และสกิลหลักของมรดกขั้น 3 ในส่วนของพลรบกระบี่คือปรมาจารย์กระบี่วินาศ
ส่วนในครั้งนี้ หินสกิลหลักของมรดกขั้น 3 วีรบุรุษนองเลือด ก็เป็นสกิลขั้นต่อไปของนักรบห้าวหาญพอดี
ฉูเทียนหัวเดิมก็มีพลังโจมตีที่สูงมากอยู่แล้ว คราวนี้เมื่อได้ครอบครองพวกมัน เขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ปราณสงครามพุ่งจู่โจมนี้
นักรบเซนทอร์ตัวเมื่อครู่ก็ใช้งานมันเช่นกัน
และในพริบตาเดียวสามารถสังหารล่างแยกสุนัขได้ถึง 2 ตัว!
พลังนี้
แรงระเบิดฝีเท้านี้
ช่างเป็นอะไรที่ร้ายกาจ!
คุ้มค่าที่จะ ครอบครอง!
" อย่างไรก็ตาม พูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนผมจะโชคดีกว่า คุณ" ฮังอวี่หัวเราะเบาๆ ถือหินสกิลสีฟ้าก้อนสุดท้ายในมือ " นี่คือมรดกขั้น 4 ของ' เซียนกระบี่ล่าแสง' มันคือมรดกขั้นต่อไปของนักรบเงาลมกรด!"
ทุกคนต่างตกใจ
" ว้าว! นี่หมายความว่าลูกพี่กำลังจะก้าวสู่ขั้น 4 ใช่ไหม? นี่มันน่าทึ่งจริงๆ " จางเสี่ยวเฉียงรีบกล่าว " โปรดรับการคารวะจากน้องเล็กคนนี้ด้วย!"
ในทางกลับกัน เจียงหนานรู้สึกสับสน " ถึงเซนทอร์ตัวนี้จะมีพลังมาก แต่ในตอนที่สู้กัน ไม่เห็นว่ามันจะใช้งานสกิลขั้น 4 เลย"
คนอื่นพอได้ฟังก็รู้สึกสับสนเช่นกัน
เมื่อฉังอวี่โจมตีใส่ชาเฮยอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าชาเฮยไม่สามารถไล่ตามความเร็วของฮังอวี่ได้ทัน แม้จะมีสิ่งเร้าภายนอกคอยรบกวน และมันเริ่มอ่อนแอลง แต่ถ้าอีกฝ่ายมีมรดกอย่างนักรบเงาลมกรดเช่นกัน อันที่จริงก็ไม่ควรเชื่องช้า ไล่ตามไม่ทันเช่นนี้
ขอแค่ศัตรูเปิดใช้งานเนตรแห่งเงา
มีหรือมันจะไล่ตามฮังอวี่ไม่ทัน
ฮังอวี่พูดว่า " ที่หินสกิลนี้ดรอปจากตัวมัน ไม่ได้หมายความว่ามันได้เรียนรู้สกิลนี้ไปแล้ว มันอาจถือหินสกิลนี้เพราะเหตุจำเป็นบางอย่าง เจ้าหมอนี่ถึงจะแข็งแกร่งมาก แต่ฉันไม่คิดว่ามันน่าเรียนรู้สกิลขั้น 4 แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกกำจัดได้ง่ายๆแบบนี้"
เซียนกระบี่ล่าแสงเป็นสกิลขั้น 4 ที่ทรงพลัง
ฮังอวี่รู้ดีว่าหากต้องการสืบทอดมรดกขั้น 4 นั้นจำเป็นต้องเรียนรู้สกิลเสริม 3 สกิลและสกิลหลักอีก 1 สกิล
หรือก็คือต้องเรียนรู้ทั้งหมด 4 สกิล
ขณะที่จำนวน หินสกิลของเซียนกระบี่ล่าแสงมีทั้งหมด 7 ก้อน นอกจากสกิลหลักที่ต้องเลือกแล้ว ที่เหลืออีก 6 สกิล จำเป็นต้องเลือกอีก 3 สกิล
และสกิลเหล่านี้ใช่ว่าจะเรียนรู้ได้ทันที เพราะบางสกิลเชื่อมโยงกับมรดกก่อนหน้านี้ที่สืบทอดไป
และแน่นอนว่าสกิลพวกนี้ก็เกี่ยวข้องกับสกิลในลำดับที่สูงกว่าซึ่งจะต้องเรียนรู้ในภายหลังเช่นกัน
แต่ตามที่ฮังอวี่รู้มา ค่ายกลแสงและเงาเป็นสกิลที่ควรค่าแก่การเรียนรู้และเหมาะสมกับเขา
เงื่อนไขในการเรียนรู้สกิลนี้ก็คือ
ข้อแรกต้องมี 10,000 แต้มวิญญาณ!
ข้อสองจะต้องสืบทอดมรดกของนักรบเงาลมกดมาก่อน และ เรียนรู้ปราณกระบี่ลมกรดมาแล้ว
ซึ่งฮังอวี่ตรงตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อพอดี
ขีดจำกัดสูงสุดแต้มวิญญาณในตัวเขาคือ 10,000 แต้ม นับว่าพอมีโชคอยู่บ้าง ที่มันมากพอในการเรียนรู้สกิลขั้น 4 นี้
ปัจจุบันเขาสะสมแต้มวิญญาณได้มากกว่าหมื่นแต้ม และแก่นแท้สีเขียวอีก 78 เปอร์เซ็นต์
อืม ในเมื่อมีแต่วิญญาณพออยู่แล้ว งั้นจะมัวรอช้าอะไรอีก?
ฮังอวี่ไม่ลังเล จ่ายหมื่นแต้มวิญญาณออกไป เรียนรู้หินสกิลนี้ทันที ได้รับสกิลขั้น 4 สกิลแรกของเขา
เจ้าตัวลองตรวจข้อมูลดู
[ค่ายกลแสงและเงา] เลเวลปัจจุบัน 1 (0/10000) , ค่าความชำนาญในปัจจุบัน (2000/2000) , จ่ายค่าพลังจิต 30 หน่วยเพื่อเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่ , ในทุกๆ 3 วินาทีจะมีปราณกระบี่ลมกรดปรากฏขึ้นรอบตัวคุณ , เมื่อสะสมปราณกระบี่ได้ครบ 30 เล่มแล้ว คุณจะสามารถเปิดใช้งานค่ายกลโจมตีได้
นี่แค่คำอธิบายเท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าความสามารถของสกิลนี้รุนแรงแค่ไหน
ฮังอวี่เปิดใช้งานโดยไม่พูดอะไรสักคำ
อันดับแรกเขาจ่ายไป 30 พลังจิต หลังจากเริ่มสะสมพลังงานไม่กี่วินาที ค่ายกลกระบี่ก็เริ่มทำงาน
ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และคนอื่นๆต่างก็เห็นมัน
ฮังอวี่ค่อยๆปล่อยพลังปราณกระบี่ออกมาทีละเล็กทีละน้อย
และหลังจากที่ปราณกระบี่เล็กๆออกจากร่างเขา พวกมันก็ไปรวมตัวกันเบื้องหลัง กลายเป็นกระบี่โปร่งใสที่มีขนาดเล็กประมาณ 2 ฟุต เมื่อปราณกระบี่เล่มแรกก่อตัวอย่างสมบูรณ์ มันก็เริ่มเวียนว่ายอย่างช้าๆ
จากนั้นปราณกระบี่ที่ 2 ก็เริ่มปรากฏขึ้น
ตามด้วยปราณกระบี่ที่ 3
ในทุกๆ 3 วินาทีพวกมันจะก่อตัวขึ้นและค่อยๆไปรวมกัน
ค่าพลังจิตถูกสูบหายไปอย่างรวดเร็วระหว่างกระบวนการนี้
เทคนิคค่ายกลกระบี่ขั้น 4 นี้ ซ้อนทับกับสกิลปราณกระบี่ลมกรดในขั้น 3
หรือก็คือระหว่างกระบวนการสร้างค่ายกล สกิลปราณกระบี่ลมกรดจะถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง สิ้นเปลืองพลังงานมหาศาล
ฮังอวี่รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาว่างเปล่า ค่าพลังจิตหลั่งไหลอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานก็ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องรีบดื่มโพชั่นเพื่อเติมเต็ม
ก่อนที่กระบี่ทั้ง 30 เล่มจะถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์
ฮังอวี่ไม่สามารถใช้งานพวกมันเพื่อโจมตีได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากระบี่เล็กๆที่ลอยไปลอยมาอย่างช้าๆ เหล่านี้จะเป็นแค่เครื่องประดับ มันสามารถกลายเป็นพลังงานกระบี่ที่คอยปกป้องร่างกายได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนโจมตีฮังอวี่หรือกระทั่งเข้าใกล้
อีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจากปราณกระบี่เหล่านี้
และฮังอวี่สามารถใช้ปราณกระบี่ที่ปกป้องร่างกายนี้ต้านทานเวทมนต์ หรือดาเมจที่เกิดจากสกิลอื่นๆที่กระทบร่างกายได้เช่นกัน
และเมื่อปราณกระบี่ ก่อตัวจนครบ 30 เล่ม หากเขาเปิดใช้งานมัน ก็จะสามารถโจมตีด้วยค่ายกลกระบี่
ปราณกระบี่ทั้ง 30 เล่ม จะพุ่งโจมตีในพริบตา ลองคิดเอาเถอะว่ามันจะสร้างความเสียหายได้มากขนาดไหน แค่จินตนาการตามก็สยองแล้ว!
ไม่ต้องสงสัยเลย
ค่ายกลกระบี่นี้เป็นสกิลที่ผสมผสานทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ!
ในตอนแรกค่ายกลกระบี่จะอยู่ในรูปแบบเชิงรับ
แต่หลังจากมันก่อตัวครบทั้ง 30 เล่มแล้ว จะถูกสับเปลี่ยนเป็นเชิงรุก
แม้ความเร็วในการสร้างจะช้า อีกทั้งยังมีระยะเวลาในการสะสมนานเกินไป ไหนจะสิ้นเปลืองค่าพลังจิตไปมากมายและมีข้อเสียหลายประการ แต่มันก็ยังมีข้อดีที่ดีมากๆเช่นกัน
เพราะเจ้าสิ่งนี้ ไม่ต่างอะไรจากพลังพิเศษ มันคือสกิลที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ!
" นอกจากนี้ยังมีหินสกิลเขียว เหล่าจ้าว เจียงหนาน ทุกคนเอาไปแบ่งกัน"
" ถึงครั้งนี้จะมีแค่บางคนที่ใช้หินสกิลได้ แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่าทริปนี้ พวกเราจะเก็บเกี่ยวผลกำไรได้อีกมาก"
ฮังอวี่พูดอย่างพอใจ " ก็ดูนี่สิ ขนาดพวกเรายังไม่ทันเข้าไปในซากปรักหักพัง ยังไม่ได้สู้กับ คาลิมัวเลย แต่ก็กอบโกยได้มากมายขนาดนี้แล้ว ชัดเจนว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี"
ทุกคนพยักหน้า พวกเขาแบ่งปันสินสงครามที่ริบมาได้
เจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียง ฉินมู่ต่างยิ้มกว้าง
ฮังอวี่ ไม่มีธนูที่ทรงพลังพอดี
เพราะงั้นเขาเลยเลือกหยิบธนูสีฟ้าที่ดรอปจากชัคไป
[ธนูปีศาจไร่วิญญาณ] อุปกรณ์เลเวล 12 , สีฟ้าคุณภาพต่ำ , การโจมตีทางกายภาพ + 62 , ความว่องไว + 10 , พละกำลัง +8 , จิตรับรู้ + 8 , ร่างกาย + 5 , ความเร็วในการยิงลูกศร + 25% , สกิลเสริม : ยิงไล่วิญญาณ
' ยิงไล่วิญญาณ' นี่คือสกิลพิเศษ ต้องจ่ายพลังจิตอย่างน้อย 20 หน่วย เพื่อให้ลูกศรไล่ตามศัตรูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และการโจมตีนี้จะคงอยู่เป็นเวลา 1 นาที จนกว่ามันจะถูกตัวเป้าหมายหรือถูกขัดขวาง
อาวุธธนูชิ้นนี้เป็นของดี
สกิลเสริมที่มาพร้อมกับมันก็ดีเช่นกัน
แม้นักธนูจะมีสกิลขั้น 2 อย่างศรติดตามอยู่แล้ว แต่เอฟเฟกต์ในการไล่ตามของมันมีจำกัด อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ศัตรูจะสามารถหลบเลี่ยงได้
ขณะที่ยิงไล่วิญญาณนั้นทรงพลังมาก
เพราะความสามารถในการไล่ตามของมันไม่จำกัด ดังนั้นต่อให้ศัตรูจะกระโดดไปมา หลบมุม หรือกระทั่งหนีพ้นจากระยะโจมตีไป 10 หรือ 20 เท่าก็ตาม ลูกศรนี้ก็ยังคงไล่ล่าอย่างไม่ลดละ และมีแรงยิง เท่ากับตอนที่ปล่อยออกมาอยู่เสมอ
ฮังอวี่อยู่ไม่ไกลจากการอัพเลเวล 12
อีกไม่นานเกินรอเขาจะสามารถใช้ธนูเล่มนี้ได้
ขณะเดียวกัน เวลานี้รอบตัวฮังอวี่เต็มไปด้วยปราณกระบี่ พวกมันเหมือนฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ แค่มองก็ทำให้หนังศีรษะคนในทีมรู้สึกด้านชา หากถูกพวกมันโจมตี ไม่ต้องพูดถึง 30 เล่มแค่ 5-6 เล่ม พวกเขาอาจจะตายแล้วก็ได้
ช่างเป็นสกิลที่น่าพรั่นพรึง!
ค่ายกลกระบี่สามารถเปิดใช้งานได้แล้ว
ฮังอวี่รู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะรวบรวมให้สมบูรณ์ อีกทั้งเมื่ออยู่ในสถานะนี้ ยังต้องสูญเสียค่าพลังจิตอีกเล็กน้อยในทุกๆวินาทีเพื่อรักษาพวกมันไว้ ยังไงก็ตาม บังเอิญว่าเขามีความสามารถในการฟื้นค่าพลังจิต 1 หน่วยต่อวินาทีพอดี ดังนั้นจึงหักล้างกัน
เรียกได้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
สามารถเดินหน้าได้ทั้งแบบนี้โดยไม่ต้องกังวล!
" ไปเถอะ เดี๋ยวจะช้าเกินไป รีบเข้าไปข้างในกัน!" ฮังอวี่เดินเข้าไปในคุกโบราณก่อนเป็นคนแรก
หมาหวังเอ๋อเว้นระยะห่างฮังอวี่ถึง 3 ฟุต เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญจากปราณกระบี่ที่อยู่รอบตัวเจ้านาย มันดมกลิ่นไปรอบๆแล้วพูดว่า " ขุนนางใหญ่เพิ่งผ่านทางนี้ไปไม่นาน พวกเราควรไล่ตามเขาแล้วแอบลอบโจมตีจากด้านหลังไหม?"
" เจ้าหมานายสมองบวมไปแล้วหรือไง?" ฮังอวี่ส่ายหัว " อย่าคิดว่าฉันมีสกิลขั้น 4 แล้ว จะสู้กับคาลิมัวได้สิ ขืนทำแบบนั้นมันไม่ต่างอะไรจากการเอาไข่ตีหิน พวกเราจะไม่สู้ตรงๆ ทำได้แค่ใช้อุบายเท่านั้น"