ตอนที่ 655 : เจียงเฉินคนนี้ไม่ใช่มหาเศรษฐีอย่างแน่นอน!
ตอนที่ 655 : เจียงเฉินคนนี้ไม่ใช่มหาเศรษฐีอย่างแน่นอน!
เกิดอะไรขึ้น?
เจียงเฉินไม่เพียงแต่จะทำงานเป็นคนขับรถเท่านั้นแต่เขายังทำงานเป็นคนส่งพัสดุมาก่อนงั้นเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงไม่มีทางเป็นเจียงเฉินมหาเศรษฐีในตำนานอย่างแน่นอน!
(ประวัติการทำงานก่อนหน้านี้ของเจียงเฉินถูกซ่อนเอาไว้จึงมีน้อยคนมากที่จะรู้)
มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นล้านๆจะมาเป็นคนส่งพัสดุมาก่อนได้ยังไงกัน?
เจียงเฉินมองไปที่ไป่หยู่ฉีที่กำลังทำใบหน้าสับสนก่อนจะหัวเราะออกมาดีใจ
ซิวซวนเฟิงมาได้เวลาพอดี!
ในตอนนี้เจียงเฉินสามารถจำทุกอย่างเกี่ยวกับซิวซวนเฟิงได้แล้ว....
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณครึ่งปีหลังจากที่เจียงเฉินได้ร่วมงานกับบริษัทส่งพัสดุ.....
ในตอนนั้นเจียงเฉินเป็นคนส่งพัสดุที่มีประสบการณ์แล้วส่วนซิวซวนเฟิงนั้นเพิ่งจะได้เข้าทำงาน
ดังนั้นหัวหน้าในตอนนั้นจึงขอให้จียงเฉินเป็นคนฝึกสอนซิวซวนเฟิง
ในตอนแรกซิวซวนเฟิงก็ดูจะเชื่อฟังเจียงเฉินดี
แต่ไม่นานเจียงเฉินก็ค้นพบว่าเด็กคนนี้ไม่ปกติ
เขาแอบเปิดพัสดุของลูกค้าก่อนจะขโมยของมีค่าจากพัสดุของลูกค้าไป!
ครั้งหนึ่งเจียงเฉินยังเคยได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าโดยบอกว่าเครื่องประดับล้ำค่าที่ถูกส่งมานั้นหายไปจนเหลือเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้น!
และพัสดุชิ้นนั้นก็อยู่ในความรับผิดชอบของซิวซวนเฟิง
เจียงเฉินไปหาซิวซวนเฟิงแต่เด็กคนนี้ก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ เขาบอกว่าลูกค้าน่าจะจำผิดเองเพราะมันไม่มีข้อมีค่าในพัสดุนั้นและเขาก็ไม่เคยเปิดมัน
ส่วนลูกค้าในตอนนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะว่าเธอนั้นก็ไม่ได้ระบุว่าในพัสดุนั้นมีอะไรส่งมาบ้างและทางบริษัทเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าพัสดุนั้นมีอะไรที่ผิดปกติไป
แต่ว่าหลังจากนั้นเจียงเฉินก็ได้แอบสะกดรอยตามซิวซวนเฟิง
และเขาก็ได้ติดตามซิวซวนเฟิงไปจนพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไปที่โรงรับจำนำเครื่องประดับจริงๆและได้ทำการจำนำเครื่องประดับทองคำล้ำค่าชิ้นหนึ่ง
หลังจากนั้นเจียงเฉินก็ได้แอบถ่ายรูปของเขา
ก่อนจะนำไปเปิดโปงกับบริษัททันทีว่าซิวซวนเฟิงนั้นได้ทำความผิดฐานลักขโมย
ซิวซวนเฟิงจึงถูกไล่ออกจากบริษัทในทันทีส่วนเครื่องประดับก็ถูกส่งมอบคืนให้กับลูกค้า
ด้วยเหตุนี้ซิวซวนเฟิงจึงเกลียดเจียงเฉินเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะออกไปเขาก็เคยชี้หน้าและด่าสาบแช่งเจียงเฉิน
แต่น่าเสียดายหลังจากการกระทำในครั้งนั้นของเขาเขาก็ถูกบรรดาน้องชายของเจียงเฉินรุมทุบตีจนใบหน้าบวมกลายเป็นหัวหมู
ซิวซวนเฟิงหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “เจียงเฉิน! ในตอนนั้นนายทำกับฉันได้แย่มาก! นายคงนึกภาพไม่ออกเลยสินะว่ามันจะมีวันนี้!”
“วันนี้มีอะไรงั้นเหรอ?”
เจียงเฉินยิ้ม
ซิวซวนเฟิงชี้ไปที่ป้ายที่ห้อยอยู่บนหน้าอกของเจียงเฉิน “นั่นมันป้ายชื่อคนขับรถไม่ใช่หรอ? ตอนนี้นายเป็นคนขับรถงั้นหรอ?”
เจียงเฉินก้มหน้าและมองดูมัน “ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันทำงานเป็นคนขับรถจริงๆแต่แล้วมันยังไง? นายคงไม่ได้เปลี่ยนงานมาเป็นคนขับรถด้วยหรอกใช่ไหม?”
“ขอโทษนะ!”
จู่ๆซิวซวนเฟิงก็ตะโกนออกมาว่า “นี่! นายคงคิดไม่ออกเลยสินะว่ามันจะมีวันนี้!”
ซิวซวนเฟิงเดินไปรอบๆเจียงเฉินสองครั้ง
เจียงเฉินในตอนนี้ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาให้กลายเป็นเครื่องแบบของคนขับรถไปแล้ว (เพื่อให้สามารถหนีออกจากโรงแรมเลเจนเดลโดยไม่ดึงดูดความสนใจของคนอื่น) และเขาก็สวมป้ายชื่อของคนขับรถเอาไว้อยู่ด้วยทำให้เขาดูเหมือนเป็นเพียงแค่คนขับรถธรรมดาเท่านั้น
เจียงเฉิน “ใช่แล้ว สายตาของนายดีไม่น้อยเลยนะ”
“แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องขอบคุณสำหรับการกระทำของนาย!”
“ฉันต้องขอบคุณนายที่ทำให้ฉันถูกไล่ออกเพราะมันทำให้ฉันได้มาทำงานนี้และได้รับการจัดอันดับให้เป็นพนักงานระดับห้าดาวในย่านนี้เป็นเวลาสิบเดือนติดต่อกัน!”
ชิวซวนเฟิง "และรับประกันได้เลยว่า เดือนนี้มันก็จะยังต้องเป็นของฉัน!"
เจียงเฉินพูดอย่างเฉยเมย "คราวนี้อาจจะไม่ใช่อีกต่อไปก็ได้!"
ชิวซวนเฟิงเยาะเย้ยออกมา “นายยังคิดว่านายยังเป็นรุ่นพี่ที่หยิ่งผยองอยู่อีกหรอ? ในเวลานั้น นายมีน้องชายหลายคนและฉันยอมรับว่าฉันไม่สามารถทำให้นายขุ่นเคืองได้! แต่ตอนนี้ นายก็เป็นเพียงแค่คนขับรถ!”
เจียงเฉิน "ฉันอยากจะพูดอะไรหน่อย"
ชิวซวนเฟิงก็พูดขัดขึ้นมาทันทีและยิ้มออกมาอย่างเคร่งขรึม "นายจะบอกว่า อาชีพการงานของฉันจบลงแล้ว ชีวิตของฉันไม่มีความหวัง ฉันในตอนนี้ก็เป็นได้แค่คนส่งพัสดุ! ใช่ไหม?"
เจียงเฉินส่ายหัว "ไม่!"
ซิวซวนเฟิงพูดต่อทันที "มันจะไม่เป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน! เพราะในความเป็นจริงฉันกำลังจะได้เข้าร่วมทีมผู้บริหารและกลายเป็นผู้จัดการประจำสาขาของบริษัทในเดือนหน้าแล้ว!"
เขาพูดออกมาไม่หยุด
เจียงเฉินดูหมดหนทาง เขาชี้ไปที่ไป่หยู่ฉีที่กำลังตกตะลึงอยู่ข้างเขา “บอกเขาหน่อย!”
ไป่หยู่ฉีมองออกไปและถอนหายใจ “ฉันจะบอกให้แทนก็แล้วกันนะน้องชาย ฉันเดาว่าเจียงเฉินกำลังจะหมายความว่า ถ้านายยังไม่รีบตามส่งพัสดุของนาย ฉันเกรงว่าวันนี้นายคงจะถูกไล่ออกแล้ว แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย เพราะมันจะไม่มีความหมายอะไร เพราะนายจะไม่มีโอกาศได้กลายเป็นพนักงานสิบอันดับแรกหรือเป็นสมาชิกของทีมบริหาร!”
ชิวซวนเฟิง "???"
เขามองย้อนกลับไป!
เวรแล้ว!
凸(艹皿艹)!
เพราะในตอนนี้เขากำลังเห็นรถขนพัสดุของเขากำลังถูกหัวขโมยขับหนีออกไป!
รถกำลังจะหายไป!
“รถของฉัน!”
ซิวซวนเฟิงพยายามวิ่งไล่ตามสุดกำลัง!
เจียงเฉินกับไป่หยู่ฉี “…”
เป็นไปได้ไหมว่าแท้จริงแล้วนายเป็นคนโง่?
แต่อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของซิวซวนเฟิงนั้นก็ได้ช่วยแก้ปัญหาของเจียงเฉินได้อย่างมาก เพราะเมื่อไป่หยู่ฉีได้ยินจากซิวซวนเฟิงว่าเจียงเฉินนั้นเคยเป็นคนส่งพัสดุมาก่อนเธอก็เลยมั่นใจว่าเจียงเฉินนั้นจะต้องไม่ใช่คนใหญ่คนโตอย่างแน่นอนและเจียงเฉินคนนี้ก็ไม่มีทางเป็นบอสเจียงผู้มีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ได้!
ทั้งสองจึงกลับมาคุยกันอย่างผ่อนคลายอีกครั้ง
“นั่นเป็นเพื่อนร่วมงานเก่าของนายหรอ?”
“ใช่”
เจียงเฉินยิ้มออกมา “คุณไม่ได้ยินที่เขาพูดหรอ? แต่ฉันจะบอกให้เลยนะว่าคนๆนี้น่ะมีนิสัยที่แย่มากๆ เขาขโมยพัสดุของลูกค้าแล้วเอาไปขายแต่พอถูกฉันจับได้และรายงานเขาก็เลยโดนไล่ออก”
“อา? แย่จริงๆ”
ไป่หยู่ฉีก็ขมวดคิ้ว
ในเวลานี้เองซิวซวนเฟิงก็หายใจไม่ออกเขาวิ่งกลับมาพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว
“นายเจอรถของนายรึยัง?”
เจียงเฉินพูดติดตลกออกมา
“นายกล้าทำให้ฉันโกรธงั้นหรอ?!”
ซิวซวนเฟิงกัดฟันของเขา “ฉันไม่ใช่คนเดิมในอดีตอีกต่อไปแล้ว! ตอนนี้ฉันเป็นพี่ใหญ่ของคนส่งพัสดุฉันมีน้องชายอยู่รอบตัวฉันมากมาย! นายรอก่อนเถอะ!”
ซิวซวนเฟิงพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
หลังจากพูดจบเขาก็กดโทรออกทันที
ไม่นานก็มีเสียงดังออกมา
“พี่ครับ มีอะไรรึเปล่า?”
“มีใครกล้าทำร้ายพี่ชายของผมหรอ?”
“พี่ซิว ใครกล้าทำให้พี่โกรธผมจะหักขามัน!”
ซิวซวนเฟิงมองไปที่เจียงเฉินอย่างเยาะเย้ย “หึหึ เป็นยังไงบ้างล่ะ?! นายเห็นไหม?!”
เจียงเฉินมองไปที่ซิวซวนเฟิงและน้องชายของเขาด้วยความสนใจก่อนจะพูดออกมาว่า “อะไรกัน? นายให้ผลประโยชน์อะไรกับพวกเขา พวกเขาถึงได้เชื่อฟังนายขนาดนี้?”
ซิวซวนเฟิงหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “ไม่มีอะไรทั้งนั้น! ฉันที่กำลังจะเป็นถึงผู้จัดการของเขตนี้มันก็มากเพียงพอแล้วไม่ใช่หรอที่จะให้โบนัสกับพวกเขา?”
เจียงเฉินก็ตระหนักได้ในทันทีและก็พยักหน้า “พลังเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ”
“ก็แค่เฉยๆ”
ซิวซวนเฟิงเยาะเย้ยออกมาและกำลังจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขาเข้าไปจัดการกับเจียงเฉิน
แต่ใครจะคิด
เจียงเฉินกลับสังเกตเครื่องแบบของพวกเขาอย่างละเอียดก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าของเขา
“อ๋อ คุณใช่บริษัทขนส่งจิงถงรึเปล่า?”
“สวัสดี ผมชื่อเจียงเฉิน ผมอยากจะถามว่า [บริษัทขนส่งจิงถง] ของพวกคุณมีฝ่ายขายไหม บริษัทของพวกคุณราคาเท่าไหร่แล้วก็ให้ประธานของพวกคุณโทรกลับมาหาผมด้วย”
เมื่อเจียงเฉินพูดออกมาแบบนั้นซิวซวนเฟิงและลูกน้องก็พากันตกตะลึง
ใบหน้าของคนทั้งสิบอึ้ง!
พระเจ้า!
ในเวลานี้เองน้องชายคนหนึ่งก็ตัวสั่น “พี่เฟิง เขาต้องการที่จะซื้อบริษัทของเราจริงๆงั้นเหรอ?”
ซิวซวนเฟิงก็ตกตะลึงเช่นกัน
ตอนที่เจียงเฉินจัดการกับเขาในตอนนั้น เจียงเฉินเองก็ยังเป็นแค่คนส่งพัสดุธรรมดายังไม่ทรงพลังขนาดนี้เลยไม่ใช่หรือยังไง?
แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงสามารถพูดออกมาได้ว่าตัวเองกำลังจะซื้อบริษัท?
เป็นไปได้ด้วยเหรอ?
ไม่สิ!
ฉันกำลังถูกหลอกแน่ๆ!
เขากัดฟันของเขา “ไม่ต้องไปกลัว! ผู้ชายคนนี้ก็เคยเป็นพนักงานส่งพัสดุเหมือนพวกเรา! เขาไม่มีทางมีความสามารถขนาดนั้นหรอก!”
หลังจากนั้นไม่นานเจ้าของบริษัทจิงถงก็โทรกลับมาหาเจียงเฉิน
“คุณคือเจ้าของบริษัทจิงถงใช่ไหม?”
อีกด้านหนึ่งเจ้าของบริษัท [จิงถง] ก็พูดออกมาอย่างสุภาพ “ใช่ครับ คุณเฉิน! ไม่ทราบว่าคุณยังจำชื่อของผมได้ไหมครับ ผมเชื่อว่าเจิ้งเฉิง!”
เจียงเฉิน “….”
ทำไมเขาถึงสุภาพกับฉันขนาดนี้?
เจียงเฉินถามกลับไป “ทำไมคุณถึงต้องสุภาพกับผมขนาดนี้ด้วย? ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร ผมแค่ต้องการที่จะถามคุณว่าคุณจะขาย [บริษัทขนส่งจิงถง] ของคุณไหม? ราคาเท่าไหร่? บอกตัวเลขมาให้ผมได้ไหม?”
“อะไรนะ?”
บอสเจิ้งเฉิงตกตะลึง “คุณต้องการซื้อบริษัทของผมงั้นเหรอ?”
เจียงเฉินตอบกลับ “ใช่แล้ว”
เจิ้งเฉิงเต็มไปด้วยความดีใจในทันที “นี่.... ผมเกรงว่าคุณจะไม่สามารถซื้อได้!”
“ทำไม?”
เจียงเฉินไม่เข้าใจ “มีปัญหาเรื่องราคางั้นหรอ? นายสามารถเสนอมาสูงกว่าราคาจริงก็ได้”
“ไม่ใช่แบบนั้น!”
บอสเจิ้งเฉิงยิ้มออกมา “เพราะว่า…..[บริษัทจิ้งถง] คุณเคยซื้อมันไปแล้ว! ตอนนี้มันเป็นบริษัทของคุณอยู่แล้ว! คุณเจียงคุณลืมไปแล้วเหรอ?”
เจียงเฉินตกตะลึง….
มันเป็นบริษัทของฉัน?
ทำไมฉันถึงไม่คุ้นเลย?