MDB ตอนที่ 210 หลินจิน ปะทะ หยางเจี๋ย
หยางเจี๋ยดูเหมือนจะรอช่วงเวลานี้เช่นกัน เขาลุกขึ้นร่ายคาถาและกระโดดขึ้นนกยูงขาว จากนั้นพวกเขาบินขึ้นไปเพื่อลงจอดบนเวที
ภายในของเหล่าสาวกกำลังสูบฉีด เนื่องจากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นที่สุดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
จากนั้น หลายคนก็เริ่มตะโกนชื่อหยางเจี๋ย เมื่อมีคนเริ่มคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงตาม ทันใดนั้น สนามแข่งขันก็เต็มไปด้วยเสียงเชียร์สำหรับหยางเจี๋ย แสดงให้เห็นว่าเขามีผู้สนับสนุนจำนวนมาก
เหตุผลก็ง่าย ๆ สัตว์วิเศษของหยางเจี๋ยอยู่ในระดับสี่
สำหรับสาวกส่วนใหญ่ การมีสัตว์วิเศษระดับสี่ก็มากเกินพอที่จะทำให้หยางเจี๋ยไร้เทียมทานในการแข่งครั้งนี้ ท้ายที่สุด ระดับสี่คือสถานะของประเทศขนาดกลาง
หยางเจี๋ยไม่เสียเวลาพูดคุยและเพียงแค่กระตุ้นให้นกยูงขาวของเขาขยายร่าง ออร่าของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและบรรยากาศอันชวนกดดันของสัตว์วิเศษระดับสี่ก็ถูกปลดปล่อยออกมา
“หลินจิน ความรุ่งโรจน์ของเจ้าเป็นเพียงแค่ของชั่วคราวเท่านั้น แต่เจ้ายังจะพยายามท้าทายข้าอีกหรือ? สำหรับเจ้า มันยังเร็วเกินไปร้อยปี!”
หยางเจี๋ยร่ายมนตร์ที่ทำให้เขาลอยอยู่กลางอากาศ เสื้อคลุมของเขาพลิ้วไสวตามสายลม ชายคนนั้นดูเหมือนเทพที่เพิ่งลงมาจากสรวงสวรรค์
หลินจินยิ้มและยกมือขึ้นเพื่อใช้ทักษะกำราบสัตว์วิเศษของเขากับนกยูงขาว
เนื่องจากมันเป็นสัตว์วิเศษระดับสี่ มันควรได้รับอิทธิพลจากทักษะกำราบสัตว์วิเศษขั้นกลางด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าหลังจากที่หลินจินยื่นแขนขึ้นไป ราวกับว่ามันถูกตบด้วยแรงที่มองไม่เห็น นกยูงขาวก็ตกลงมาจากท้องฟ้าในพริบตา
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจ
ทันใดนั้นไม่มีใครส่งเสียงใด ๆ และสนามประลองเงียบจนน่าขนลุกจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหมุดตก
ตรงที่นั่งของเหล่าที่ปรึกษา เย่หยู่โจวถอนหายใจ “หยางเจี๋ยหยิ่งทะนงมากเกินไป ข้าหวังว่าบทเรียนในครั้งนี้จะทำให้เขาปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น”
หยางเจี๋ยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น เกิดอะไรขึ้นกับนกยูงขาวระดับสี่อันทรงพลังของเขาที่ตกลงมาจากอากาศแบบนั้น? เป็นเพราะการยกมือของหลินจินงั้นหรือ? ไม่มีทาง!
หยางเจี๋ยรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป
สัตว์วิเศษระดับสี่ของเขากำลังถูกปราบ
มันเป็นไปได้อย่างไร?
แต่นี่เป็นข้อเท็จจริง เมื่อสัตว์เลี้ยงของเขาถูกปราบลง เขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?
ผู้ชมคนหนึ่งเข้ามาและพึมพำ "ศิษย์พี่หยางเจี๋ยแพ้แล้วอย่างนั้นเหรอ?"
“นั่นเป็นไปไม่ได้ ศิษย์พี่หยางเจี๋ยของเราไม่มีทางแพ้เด็ดขาด”
“ต้องมีบางอย่างผิดพลาด”
ฝูงชนเริ่มพูดคุยกัน
หยางเจี๋ยมองไปที่พวกเขาก่อนจะร่ายคาถาอีกครั้ง
“บทเพลงมนตรา!”
หยางเจี๋ยมีทักษะในการร่ายคาถาอย่างแท้จริง เขาเป็นถึงศิษย์เอกของเย่หยู่โจว ชายผู้นี้จึงเลือกคาถาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว
นกยูงขาวได้ส่งเสียงร้องออกมา
เสียงของนกนั้นบาดหูจนทำให้ผู้ชมต้องเวียนหัว
หลินจินรู้สึกวูบไปแว่บหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้ทักษะกำราบสัตว์วิเศษของเขาจึงถูกยกเลิกทันที
ในที่สุด นกยูงขาวก็สามารถเงยหน้าขึ้นได้ เจ้านกยูงมีบุคลิกเหมือนกับหยางเจี๋ย มันหยิ่งทะนงพอ ๆ กัน ดังนั้นหลังจากหลุดพ้นจากการของหลินจิน มันก็เข้าโจมตีทันที
เมื่อเปิดปากของมัน คมดาบศตวายุก็ถูกส่งไปยังเป้าหมาย
ในขณะเดียวกัน หยางเจี๋ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหลินจินใช้วิธีใดในการกำราบสัตว์วิเศษของเขา แต่เขามั่นใจว่าหากไม่ได้ใช้คาถาก่อนหน้านี้ เขาคงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปแล้ว
ทางเลือกเดียวของเขาในตอนนี้คือใช้สถานะระดับสี่ของสัตว์เลี้ยงของเขาเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ด้วยวิธีนี้หลินจินจะไม่มีโอกาสชนะ
ในมุมมองของหยางเจี๋ย สัตว์เลี้ยงของหลินจิน มันไม่สามารถป้องกันคมดาบศตวายุได้แน่นอน อันที่จริง หมายป่าอัคคีตัวนี้ มันอาจตายจากการโจมตีครั้งนี้ด้วยซ้ำ
การมีสัตว์วิเศษตายในการต่อสู้กันตัวต่อตัวเป็นหนึ่งในสิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา โครงร่างของเสี่ยวฮั่วก็ขยายใหญ่ขึ้นเปลวเพลิงอันร้อนแรงเข้าปกคลุมร่างกายของมัน จากนั้นด้วยการกวาดหางเบา ๆ วงล้อแห่งไฟก็ถูกส่งออกไปเพื่อตอบโต้คมดาบศตวายุ
การโจมตีทั้งสองปะทะกัน จากนั้นพวกมันก็สลายหายไป
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การเปิดเผยที่น่าตกใจที่สุด ออร่าของเสี่ยวฮั่วไม่ได้ด้อยกว่านกยูงขาวเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ มันแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ถึงตอนนี้ ใครก็ตามที่มีตาสามารถบอกได้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น
“ระดับสี่!”
“มันเป็นสัตว์วิเศษระดับสี่!”
ฝูงชนทั้งสนามต่างอ้าปากค้าง
การค้นพบนี้น่าตกใจเกินไป อย่างไรก็ตาม มีสัตว์วิเศษระดับสี่เพียงไม่กี่ตัวทั่วทั้งอาณาจักรมังกรหยกและส่วนใหญ่เป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ของจักรพรรดิเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ในเมืองเมเปิ้ล มีเพียงเย่หยู่โจวที่มีสัตว์วิเศษระดับสี่ นั่นเป็นสาเหตุที่วิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงของหยางเจี๋ยจึงทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ แต่ใครจะรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของหลินจินก็พัฒนาไปถึงระดับสี่ด้วย
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สัตว์วิเศษไปถึงระดับสี่เป็นเรื่องง่ายดายเช่นนี้?
ตรงที่นั่งของเหล่าที่ปรึกษา พวกเขาต่างพากันอ้าปากค้าง
หลังเป่ยเหอ, ท่านยี่และแม้แต่หวงฟูหมิงก็เหมือนกัน เมื่อหายจากอาการช็อกครั้งแรก พวกเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น
ในฐานะที่ปรึกษาของสมาพันธ์นักบวชระดับสัตว์เลี้ยงของพวกเขานั้นต่ำกว่าเหล่าสาวกจริง ๆ
“การแข่งขันครั้งนี้น่าจับตามองจริง ๆ”
“ถูกต้อง ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริง ๆ ที่จะได้เห็นการปะทะกันระหว่างสัตว์วิเศษระดับสี่”
นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาสนใจในสิ่งที่หลินจินเคยปราบนกยูงขาวของหยางเจี๋ยมากกว่า
ในขณะเดียวกัน บนสังเวียน หลินจินสังเกตเห็นว่าเสี่ยวฮั่วกำลังจะเปิดฉากโจมตี แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ตระหนักว่าตั้งแต่เจ้าหมาป่าพัฒนาถึงระดับสี่ มันไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้ที่แท้จริงมาก่อน มันคงจะอึดอัดในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเสี่ยวฮั่วที่จะลองใช้พลังของมัน
ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดใช้งานทักษะกำราบสัตว์วิเศษก็ค่อนข้างเหนื่อย ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลสำหรับเขาที่จะส่งเสี่ยวฮั่วเข้าสู่การต่อสู้
"ไปเลยเสี่ยวฮั่ว!"
หลินจินตะโกนจากด้านหลังและเสี่ยวฮั่วเริ่มการโจมตีทันที
ในบรรดา คนที่ตกใจมากที่สุดที่พบว่าสัตว์เลี้ยงของหลินจินได้บรรลุระดับสี่ นั่นก็คือหยางเจี๋ย
เขารู้ว่าการเลื่อนขั้นสัตว์วิเศษให้ถึงระดับสี่นั้นยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด แม้จะใช้เม็ดยาโบราณ เขาก็ยังต้องสั่งสมประสบการณ์เป็นเวลาหลายปีเพื่อให้นกยูงขาวของเขาสามารถวิวัฒนาการได้
ในขั้นต้น แผนของเขาคือการสอนบทเรียนที่โหดร้ายกับหลินจินกับสัตว์เลี้ยงของเขา เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขายังคงเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของหลินจินก็วิวัฒนาการเช่นกัน
แต่หยางเจี๋ยพยายามสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ถึงมันจะพัฒนาไปถึงระดับสี่ แล้วมันจะทำใมล่ะ?
สัตว์เลี้ยงของพวกเขาในระดับเดียวกัน ชัยชนะตอนนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการร่ายคาถา
เมื่อถึงจุดนี้หยางเจี๋ยได้ตัดสินใจปลดปล่อยคาถาสูงสุด
เขาไม่สามารถใช้คาถาเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อีกต่อไป ในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามอย่างหลินจิน เขาต้องทุ่มสุดตัว
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ฝ่ายตรงข้ามที่เขาไม่สนใจก็กลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาไปแล้ว
“พันธสัญญาโลหิต พลังจ้าวสัตว์ป่า!”
เมื่อร่ายคาถาของเขาแล้ว นกยูงขาวก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นกระแสของพลังก็ไหลออกมาจากปากของมันและเป็นลำแสงพุ่งตรงเข้าสู่ร่างกายของหยางเจี๋ย
เย่หยู่โจวที่กำลังดูจากที่นั่งของเหล่าที่ปรึกษาได้ตกใจกับฉากตรงหน้า 'หยางเจี๋ยถึงกับต้องใช้คาถานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าชัยชนะมา'
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพึมพำกับตัวเอง “โอ้ หยางเจี๋ย เจ้าเป็นศิษย์ของข้า แน่นอนว่า ข้าหวังว่าเจ้าจะชนะ แต่ข้าแน่ใจว่าศิษย์ของภัณฑารักษ์ต้องมีไพ่ลับบางอย่างติดตัวอยู่เช่นกัน ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่อาจบรรลุความปรารถนาของเจ้าได้
ข้าได้ลองคิดดูดี ๆ มันเป็นความผิดของข้าเองที่ทำให้เจ้าทะนงตนเช่นนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเรียนรู้และเติบโตจากประสบการณ์นี้”
คำพูดของเขาทำให้หลู่ปื่นและไป่เจิ้นคงตกใจ
เห็นได้ชัดว่าพลังของหยางเจี๋ยอยู่ที่จุดสูงสุดและอาจทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมังหรหยกแต่เย่หยู่โจวยังคงทำตัวราวกับว่าชายคนนั้นไม่อาจเอาชนะหลินจินได้
แต่นั่นก็สมเหตุสมผล ตามคำอธิบายของเย่หยู่โจว มันเกี่ยวข้องกับ 'ภัณฑารักษ์' ผู้ลึกลับ ถ้าชายคนนั้นโดดเด่นได้มากขนาดนี้ ศิษย์ของเขาก็ควรจะน่าประทับใจไม่แพ้กัน
ด้วยความสนใจ ทั้งสองจึงมุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ต่อ
ในสนามประลอง ร่างของหยางเจี๋ยเปล่งประกายด้วยแสงสีขาวราวกับพายุที่ปกคลุมเขา เขายืนขึ้นเหนือพื้นดิน 20 ฟุตโดยมีปีกคู่หนึ่งปรากฏอยู่บนหลังของเขา เขาดูเหมือนเทพเจ้าที่จุติมายังโลกมนุษย์
ทุกคนตะลึงกับฉากนี้ ผู้รอบรู้จำได้ทันทีว่านี่เป็นคาถาพันธสัญญาโลหิตระดับสูง มันถูกใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ร่ายด้วยพลังของสัตว์วิเศษ แต่มันคงได้เพียงสั้น ๆ เท่านั้น
ด้วยพลังของคาถา พวกเขาจะมีพลังแบบเดียวกับผู้อมตะในสมัยโบราณ บุคคลเหล่านั้นจะมีพลังเหนือธรรมชาติที่สามารถเรียกฝนหรือฟ้าผ่าได้ และหากระดับของสัตว์เลี้ยงและระดับพันธสัญญาโลหิตถึงระดับที่สูงมากพอ พวกเขาสามารถเคลื่อนภูเขาและย้ายทะเลบางส่วนได้
อย่างไรก็ตาม หยางเจี๋ยเชี่ยวชาญในระดับเริ่มต้นของทักษะนี้เช่นั้น ถึงกระนั้น พลังของเขาก็ยังเป็นสิ่งที่นักบวชทั่วไปไม่สามารถทำได้
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าหยางเจี๋ยกำลังวางแผนที่จะให้สัตว์วิเศษของเขาปราบสัตว์วิเศษของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หลินจิน
หากเป็นเช่นนั้น หลินจินก็ไม่สามารถสู้กับหยางเจี๋ยได้
เว้นแต่เขาจะได้ศึกษาคาถาพลังจ้าวสัตว์ป่าเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้
เมื่อพูดถึงการต่อสู้ทางกายภาพ นอกเหนือจากความรู้เล็กน้อยในการใช้นิ้วพลังงานวิญญาณ เขาไม่รู้ทักษะการโจมตีอื่น ๆ เลย ไม่ต้องพูดถึงทักษะที่มีความซับซ้อนเช่นนี้
หยางเจี๋ยกระพือปีกและร่ายคาถาดาบวายุ
จากนั้นดาบวายุหลายอันตกลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้หลินจินก็รีบพลิกตัวหนีออกจากพื้นที่เป้าหมายไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร จุดที่เขายืนตอนนี้ถูกฟันเปิดด้วยเศษซากกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
ที่ปรึกษาข้างเวทีที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น หน้าที่ของพวกเขาคือรักษาความสงบเรียบร้อยและรับรองความปลอดภัยของเหล่าสาวกในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของดาบวายุของหยางเจี๋ยนั้นเกินกว่าที่เหล่าที่ปรึกษาจะตอบสนองทัน พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ทันเวลาหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น นอกจากนี้ นักสู้ทั้งสองในสังเวียนนั้นอยู่นอกเหนือสิ่งที่เขาจะรับมือได้ ดังนั้นแม้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
พวกเขาเกรงว่า หากมีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น มันอาจร้ายแรงถึงขึ้นพรากชีวิตของผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมได้