Chapter 12
**จากนี้ไปเปลี่ยนจากเรอิกิ เป็น พลังฉี นะคะ**
ไม่ว่าหลินเทียนไปที่ไหน เถ้าแก่ก็แห่เสนอสินค้าของพวกเขาอย่างเต็มที่ ราวกับจะไม่มีตังจ่ายค่าแผงของวันพรุ่งนี้แล้ว
หลินเทียนไม่สนใจพวกเขา เขากำลังมองหาเจ้าของแผงลอยที่พิการ
10 นาทีต่อมา เขาพบแผงขายของ
ในเวลานี้ ชายหนุ่มอายุ 20 ปีอยู่ที่แผงขายของคนพิการและชี้ไปที่บางสิ่ง
ชายหนุ่มชี้ไปที่พระพุทธรูปและกำลังเสนอราคา
ทันทีที่หลินเทียนเห็นเขา ดวงตาของเขาก็หรี่ลงและจิตฆ่าฟันก็แวบผ่านดวงตาของเขา
'เย่เฉินควรจะมาที่ร้านนี้ประมาณ 22.00 น. เขามาที่นี่ก่อนหน้านี้ได้อย่างไร? นี่ฉันมาทีหลังเขาหรอ?' หลินเทียนคิดในใจอย่างสับสน
เขาสับสนว่าเย่เฉินมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
[ ตัวเอกมักถูกปกป้องด้วยโชคเสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรพึ่งพาความทรงจำในอนาคตเสมอไป]
'โชคดีอีกแล้ว! ดูเหมือนว่าฉันจะต้องอัปเกรดระบบให้ไวๆแล้วสิ เพื่อที่จะแย่งโชคของเย่เฉินมาได้เยอะขึ้น' หลินเทียนพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
โชคดีที่คนขายมาเร็ว ถ้าเขามาสายหน่อย เย่เฉินจะต้องได้มันไปแน่ๆ
________________________________________________
จากนั้นหลินเทียนก็เดินไปที่แผงขายของ
ขณะเดินดูของอยู่นั้น หลินเทียนก็มองดูพระพุทธรูปบนแผงลอยเช่นกัน
มันไม่ใช่พระพุทธรูปธรรมดาแน่ๆ เย่เฉินจะสนใจอะไรธรรมดาๆ ได้ไง?
พระพุทธรูปเป็นเพียงภาชนะ ข้างในมีกระดาษที่มีเทคนิคฮวงจุ้ยขั้นสูงอยู่
เทคนิคฮวงจุ้ยเป็นเทคนิคที่ทรงพลังมาก แม้ในอนาคตเมื่อพลังฉีแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง มันก็ยังเป็นเทคนิคระดับสูง
ที่เย่เฉินสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ในเวลาอันสั้น แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเทคนิคนี้
นอกจากนี้ เขาเป็นอัจฉริยะด้านฮวงจุ้ย ซึ่งเหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก
แต่แน่นอนว่า หลินเทียน จะไม่ยอมให้ เย่เฉิน ได้เทคนิคนี้ไป เขาจะซื้อมันไปก่อน
____________________________________
“เถ้าแก่ 500,000 หยวนสำหรับพระพุทธรูปองค์นี้แพงเกินไป อย่างน้อยก็ขอแค่ 200,000 หยวนเถอะ” เย่เฉินต่อรองกับเจ้าของแผงลอยที่พิการ
“ถึงพระพุทธรูปองค์นี้จะมีสภาพย่ำแย่ แต่ก็ยังเป็นของหายากจากราชวงศ์โจว ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน 500,000 หยวน เป็นราคาที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว” เจ้าของแผงลอยที่พิการส่ายหัวเมื่อได้ฟังข้อเสนอนั้น
“งั้น…400,000 ล่ะ ถ้าคราวนี้ไม่ยอมอีกก็จะไม่เอาแล้วนะ” เย่เฉินพูดเบา ๆ
"400,000 เหรอ...ก็ได้" หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าของร้านก็พยักหน้าในที่สุด
“เถ้าแก่ ผมต้องการรูปปั้นนี้ในราคา 500,000 หยวน”
ขณะที่เย่เฉินกำลังจะจ่าย ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างๆ
คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลินเทียน
“พี่ครับ ผมต่อรองกับเถ้าแก่ก่อน และเขาตกลงแล้ว” เย่เฉินพูดทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินเทียน
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉินที่ยังพูดดีกับเขาอยู่ เขาก็สับสนอย่างมากที่เย่เฉินไม่โกรธที่เขาทำร้ายร่างกายเย่เฉิน
หรือเขาตีหัวเย่เฉินแรงเกินไปจนจำอะไรไม่ได้เลย?
“ใครบอกว่าเราตกลงกันแล้วน่ะพ่อหนุ่ม ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะขายในราคา 400,000 สักหน่อย ว่าแต่นายท่านตรงนี้จะซื้อในราคา 500,000 ใช่ไหมครับ ผมพร้อมขายมากๆ” เจ้าของแผงลอยพิการขัดจังหวะคำพูดของเย่เฉินทันที จากนั้นมองไปที่หลินเทียนด้วยรอยยิ้ม
“เถ้าแก่ แต่เมื่อกี้คุณบอกตกลงไม่ใช่เหรอ?” เย่เฉินขมวดคิ้ว
“มันเป็นเรื่องของธุรกิจน่าพ่อหนุ่ม ใครเสนอราคามากกว่าก็ได้ไป ชายหนุ่มคนนี้เสนอราคาที่ 500,000 หยวนเลยนะ ถ้ามีคนเสนอให้มากกว่านี้ก็คงจะขายให้คนๆนั้นแหละ” เจ้าของร้านมองไปที่เย่เฉินและพูดเบาๆ
"550,000 ฉันจะจ่าย 550,000!" เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของร้าน เย่เฉินก็พูดขึ้นทันที
หลังจากนั้น เย่เฉิน มองไปที่ หลินเทียน ที่อยู่ข้าง ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม:
“พี่ชาย ยกพระพุทธรูปองค์นี้ให้ฉันเถอะ ฉันสัญญาว่าครั้งนี้จะนับเป็นหนี้บุญคุณเลย พี่จะไม่เสียใจที่ฉันติดหนี้บุญคุณพี่แน่นอน”
"ติดหนี้บุญคุณ จากนายน่ะเหรอ?" เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน หลินเทียนก็เยาะเย้ย
"ใช่ ทำไม?" ดวงตาของเย่เฉินหรี่ลงเมื่อเขาเห็นท่าทีของหลินเทียน
“ฉันไม่คิดว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณในอนาคตหรอกนะ ถ้าคุณต้องการพระพุทธรูปองค์นี้ จงใช้เงินของคุณแย่งซื้อมันซะสิผมขอเสนอราคาที่ 1 ล้านหยวน!!” หลินเทียนเยาะเย้ย เย่เฉิน แล้วพูดกับเจ้าของร้าน
"1 ล้าน?" เจ้าของร้านดีใจมากที่ได้ยินข้อเสนอของหลินเทียน
“เถ้าแก่ อย่าไปเชื่อคำพูดของเขานะ! คุณไม่สงสัยหรือว่าทำไมเขาถึงใช้เงินมากมายเพียงเพื่อพระพุทธรูปองค์นี้? มันน่าสงสัยไม่ใช่ไง บางทีเขาอาจเป็นนักต้มตุ๋นก็ได้” เย่เฉินไม่สามารถเสียโอกาสในการครอบครองพระพุทธรูปองค์นี้ได้ จึงพยายามโน้มน้าวเถ้าแก่
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน เถ้าแก่ก็ฉุกคิดขึ้นมา เขาหรี่ตามองไปที่หลินเทียน
“แค่ล้านเดียว มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆสำหรับฉัน ไม่รู้จักคนรูปหล่อพ่อรวยที่มีนามว่าหลินเทียนรึไง” หลินเทียนขมวดคิ้วและพูดอวยตัวเองอย่างเย็นชา
“หลินเทียน?” เจ้าของร้านดูจะรู้อะไรเกี่ยวกับชื่อนี้
หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“นายน้อยหลิน โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าเป็นแค่
ชายชราพิการ ตอนนี้ข้าจำนายน้อยหลินไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ข้านี่มันหยาบคายจริงๆ ถ้านายน้อย ต้องการพระพุทธรูปองค์นี้ ข้าจะให้ฟรีเลย” เมื่อได้ยินชื่อของ หลินเทียน เจ้าของร้านก็พูดอย่างสุภาพมากขึ้น
ใครบ้างที่ไม่รู้จักหลินเทียน? แม้ว่าเขาจะเป็นชายชราที่ยากจน แต่เขารู้เรื่องของหลินเทียน เพราะวีรกรรมและชื่อเสียงความโด่งดังของวงศ์ตระกูล
“เถ้าแก่ แต่ฉันเห็นพระพุทธรูปองค์นี้ก่อน” เมื่อได้ยินว่าเจ้าของร้านต้องการมอบพระพุทธรูปให้หลินเทียน เย่เฉินพูดแทรกทันที
“พระพุทธรูปองค์นี้เป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะมอบให้ใครก็ได้” เจ้าของร้านพูดเบาๆ
“ฉันไม่ชอบเป็นหนี้ใคร พระพุทธรูปองค์นี้ ฉันจะซื้อในราคา 1 ล้านหยวน” หลินเทียนมองไปที่เจ้าของร้าน
“ถ้าอย่างนั้น 1 ล้านก็พอขอรับไม่ต้องเพิ่มไม่ต้องทิป พระพุทธรูปองค์นี้เป็นของท่านแล้ว” เจ้าของร้านยิ้มแล้วส่งพระพุทธรูปให้หลินเทียนโดยไม่ลังเล
“ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นพ่อค้าที่ไม่เป็นธรรม ข้าเป็นคนแรกที่ประมูลพระพุทธรูปองค์นี้” ทันใดนั้น เย่เฉินก็พูดขึ้นว่าเขายังไม่ยอมแพ้ต่อรูปปั้นนี้
แม้ว่าพระพุทธรูปจะดูธรรมดา แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่มหัศจรรย์อยู่ภายในรูปปั้น
เขารู้สึกว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีความสำคัญต่อเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียมันไป
“เฮ้ เจ้าหนู ฉันเป็นเถ้าแก่ที่นี่ เพราะงั้นฉันคือราชา ฉันจะทำอะไรก็ได้” เจ้าของร้านขมวดคิ้ว
“ให้ตายเถอะท่านผู้เฒ่า”
"คุณชื่อหลินเทียนใช่ไหม พี่หลิน ได้โปรดมอบพระพุทธรูปองค์นั้นแก่ฉันเถอะ ฉันจะตอบแทนคุณอย่างงามแน่ๆ ฉันสาบานว่าคุณจะไม่เสียใจ" เย่เฉินมองไปที่หลินทียนและพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เฉินมีเงินเพียง 600,000 หยวนในบัญชี ซึ่งเขาได้รับจากชายชราที่เขาช่วยชีวิตเมื่อวานนี้
"ไม่จำเป็น" หลินเทียนกล่าวอย่างเฉยเมย
“พี่หลิน คุณแน่ใจนะ ถ้าคุณปฏิเสธ คุณจะไม่ได้รับความเมตตาจากผมแน่ๆ” เย่เฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียพระพุทธรูปไป
“ฉันจำเป็นต้องพูดซ้ำไหม ถ้าเธอยากจน จงหางานทำ อย่าร้องขออย่างขอทาน” หลินเทียนขมวดคิ้วและพูดดูถูก
"อะไรวะ?" เย่เฉินไม่พอใจทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลินเทียน
“นายน้อยหลิน อย่าไปฟังเขา บางทีเขาอาจเป็นคนบ้า อย่าสนใจเขาเลย” เจ้าของร้านพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เฉินก็ยอมแพ้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถต่อรองได้อีกแล้ว
'หลินเทียน ฉันจะจำสิ่งนี้ไว้ คุณจะต้องเสียใจที่แย่งของที่ควรเป็นของฉันไป' เย่เฉินคิด