852 - สิ่งมีชีวิตโบราณจากเก้าพันปีที่แล้ว
852 - สิ่งมีชีวิตโบราณจากเก้าพันปีที่แล้ว
เย่ฟ่านได้แอบเข้าสู่สำนักฉีซื่อเช่นกัน เมื่ออยู่ข้างในหลายวันเขาก็พยายามตรวจสอบทุกคนด้วยดวงตาศักดิ์สิทธิ์จนกระทั่งวันหนึ่งผังป๋อก็ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ
เขาแอบส่งเสียงเรียกสหายเก่าด้วยความตื่นเต้น จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไปและพบกันที่ภูเขาโบราณแห่งหนึ่ง
พวกเขาไม่ได้เจอกันมานานกว่าสองปีแล้วตั้งแต่แยกทางกันในตงหวง ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ภูมิภาคหนึ่งจะต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าสิบหรือยี่สิบปี แปลว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะพบกันอีกครั้ง
“จักรพรรดิดำส่งข้าไปที่ไหนก็ไม่รู้ มันเป็นใจกลางของภูเขาไฟที่ดับแล้ว”
ผังป๋อเล่าประสบการณ์และสาปแช่งจักรพรรดิดำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่นั้นมีเจดีย์ที่แกะสลักด้วยลวดลายเต๋าที่ไม่มีที่สิ้นสุดและเขาก็เกือบจะถูกขัดเกลาให้เป็นพลังงานของมัน
“ถ้ำโบราณมีสมบัติอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่มี” เขาฝึกฝนจนเลือดและเนื้อเหลือแปดสิบจิน
“อย่าให้ข้าเห็นหมาตัวนั้นอีก ไม่งั้นข้าจะย่างมันกินซะ!” ผังป๋อที่ติดอยู่ตรงนั้นมาเกือบสองปีถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักทั้งกลางวันและกลางคืนจนพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“ในสองปีครึ่ง การฝึกของเจ้าไปถึงการแปลงครั้งที่สี่อาณาจักรแปลงมังกรแล้ว ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งเจ้าได้รับผลประโยชน์มหาศาลสมควรที่จะอภัยให้มัน” เย่ฟ่านหัวเราะ
ทั้งสองคนเล่าประสบการณ์ของพวกเขา และผัวป๋อก็รู้ดีว่าเย่ฟานเคยประสบอะไรมาเมื่อไม่นานนี้ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า
“โชคดีที่ตอนนั้นข้าถือแส้สังหารเทพไปด้วย และหากมีมันอยู่กับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายกลใดๆทั้งสิ้น”
“มีผลลัพธ์แบบนั้นเหรอ?” เย่ฟ่านประหลาดใจ
เขาครุ่นคิดบางอย่าง หลังจากนั้นจึงหยิบสมบัติทั้งหมดบนร่างกายออกมา อย่างแรกเขาให้แผ่นไม้ที่ตัดจากต้นไม้โบราณแห่งการรู้แจ้งรวมทั้งตะปูหินหลายตัวออกมาให้ผังป๋อดู
“ขอเพียงเจ้านั่งฝึกฝนอยู่บนไม้นี้มันจะทำให้เจ้าได้รับผลรับในการฝึกฝนที่ดีกว่าเดิม 2 เท่า นี่คือโลงศพศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างโดยจักรพรรดิอมตะ”
“นี่คือสมบัติอันยิ่งใหญ่ที่สุดของสวรรค์พิภพ?” ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจมากเกี่ยวกับประสบการณ์ของเย่ฟ่าน
“สำนักฉีซื่อถูกตั้งขึ้นที่นี่ด้วยเจตจำนงบางอย่าง? บางทีอาจมีทางเข้าสู่อาณาจักรเซียนจริงๆ ข้ากำลังมองหามันอยู่ บางทีเราอาจกลับบ้านจากที่นั่นได้”
เย่ฟ่านมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าให้แก่ผังป๋อและกล่าวว่า “เจ้าไม่มีอาวุธในมือ เก็บอาวุธนี้ไว้ แต่อย่าให้เจ้าอ้วนชั่วร้ายนั้นรู้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด”
“ข้าไม่ไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ สถานการณ์ตอนนี้ของเจ้าก็ไม่ได้ดีนัก อาวุธเก้าชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อเจ้ามาก” ผังป๋อไม่ยอมรับ
“นี่คือสิ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า เก้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหมาะสมที่สุดสำหรับจักรพรรดิอสูรเก้าบาดแผล ไม่ต้องกังวล ข้ายังมีอาวุธอยู่”
เย่ฟ่านกังวลเรื่องความปลอดภัยของผางป๋อจริงๆ ครั้งล่าสุดที่ หลิวอี้อี้ถูกจับได้ ถ้าไม่ใช่เพราะการคำนวณอย่างรอบคอบ เขาอาจจะถูกฆ่าตายที่นั่นไปแล้ว
เขารู้สึกคลุมเครือว่า เพื่อนเก่าของเขากำลังถูกโจมตี แม้ว่าศัตรูมากมายจะถูกฆ่าตายในตอนนั้น แต่ก็ยังหลงเหลือพวกมันอีกมาก
เย่ฟ่านบอกผังป๋อทั้งหมดนี้ ทั้งสองครุ่นคิดอยู่นานและรู้สึกว่าจำเป็นต้องปกป้อง "เพื่อนเก่า" สถานการณ์เช่นนี้อาจบอกได้ว่าค่อนข้างอันตราย
แม้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะถูกส่งออกไป แต่หม้อของเย่ฟ่านก็มีความแข็งแกร่งไม่เป็นรองอาวุธศักดิ์สิทธิ์แล้ว นอกจากนี้เขายังมีน้ำเต้าที่เขาขโมยมาจากบุตรศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง มันเพียงพอที่จะปกป้องเขาได้อย่างแน่นอน
ทั้งสองคุยกันถึงเรื่องที่พวกเขาประสบพบเจอตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเรียนรู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสำนักฉีซื้อจากปากของผัวป๋อ เมื่อทราบว่าอาจจะมีเส้นทางสู่โลกภายนอกพวกเขาก็เกิดความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของยอดฝีมือบางคนอย่างละเอียดเขาคิดว่า นอกจากหวังเถิงแล้ว ยังมียอดฝีมือนิกายพุทธะจากเขาพระสุเมรุที่ซ่อนตัวอยู่ในสำนักฉีซื่ออีกด้วย
“เสี่ยวเย่พวกเราต้องฝึกฝนกันให้หนักมากขึ้น เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีใครบางคนที่ถูกขนานนามว่าครึ่งก้าวจักรพรรดิ์โบราณได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว คนผู้นี้น่ากลัวอย่างยิ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะเอาชนะเขา?”
“ใคร?” เย่ฟ่านงงงวย
“เขาไม่ใช่คนในโลกนี้ ชื่อของเขาคือเซียงอี้เฟย”
“ฟังดูคุ้นๆนะ” ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็เบิกตากว้างเขาจำฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเก้าพันปีที่แล้วมีอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้บนแผ่นดินจงโจว ชื่อของเขาคือเซียงอี้เฟย เขากลายเป็นผู้สูงสุดตั้งแต่อายุสิบเก้าปี นี่เป็นบุคคลที่ถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นจักรพรรดิโบราณในอนาคต
น่าเสียดายที่สวรรค์ริษยาอัจฉริยะ เขาเสียชีวิตตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี แม้กระทั่งเครื่องรางอายุยืนก็ไม่สามารถยืดอายุของเขาได้
ตามตำนานโบราณในลมหายใจสุดท้ายเซียงอี้เฟยฝังตัวเองอยู่ภายในโลงศพน้ำแข็ง โดยเขาต้องการที่จะให้ร่างกายนี้คงอยู่ไปตลอดกาลรอวันฟื้นคืนชีพในอนาคต
เก้าพันปีผ่านไปต้วนเต๋อได้ขโมยเครื่องรางอายุยืนทั้งหมดบนร่างกายของเขามา แล้วเขาจะฟื้นคืนชีพอีกครั้งได้อย่างไร?
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นเซียงอี้เฟย?”
“ไม่ผิดแน่นอน ตอนนี้เซียงอี้เฟยกลายเป็นคนอายุยี่สิบปี แม้ว่าเวลาเก้าพันปีจะผ่านไปแล้วแต่มันก็ไม่ได้สร้างผลกระทบให้เขาแม้แต่น้อย”
“เป็นไปได้ยังไง ?!!” เย่ฟ่านตกใจ ไม่นานมานี้เขายังถอนหายใจด้วยความเสียดายว่าสวรรค์ริษยาผู้คนจนเกินไป
“ในอดีตเซียงอี้เฟยได้แกล้งตายภายใต้การช่วยเหลือของผู้คนจากสำนักฉีซื่อเพียงเพราะสถานการณ์บางอย่างบังคับ”
“ทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้?” เย่ฟ่านรู้สึกงงงวย
“เพราะในช่วงเวลานั้นคือยุคของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์อสูร เซียงอี้เฟยไม่สามารถกลายเป็นจักรพรรดิในยุคนั้นได้เขาจำเป็นต้องหลบซ่อนตัวเพื่อรอยุคใหม่ให้มาถึง”
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง หลังจากที่จักรพรรดิอสูรร่วงหล่นไปกว่าพันปีแล้วยุคสมัยของเขาก็ยังครอบคลุมพื้นที่ของโลกใบนี้ทั้งหมดและเป็นไปไม่ได้ที่อัจฉริยะรุ่นหลังจะกลายเป็นจักรพรรดิโบราณได้
“ในยุคหนึ่งจะมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สององค์ไม่ได้ เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงดำรงมาตั้งแต่ยุคโบราณและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้” ผังป๋อกล่าว
เย่ฟ่านรู้เรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จักรพรรดิดำก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียด
จักรพรรดิโบราณเป็นตัวแทนของความสำเร็จสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเขาครอบครองพลังของโลก เป็นอวตารของเส้นทางสวรรค์และพิภพ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของผู้คนมากมาย
หลังจากพวกเขาเสียชีวิตไปหลายพันปียุคสมัยของพวกเขาก็ยังไม่จบลง นั่นเป็นเหตุผลให้เซียงอี้เฟยต้องรอเป็นหมื่นปีถึงจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
จักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่เป็นตำนาน เขาพิสูจน์ตนเองแล้วว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดยุคสมัย
ไม่มีใครสามารถบอกได้ชัดเจนว่าชีวิตของเขาเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคใดกันแน่ ผู้คนรู้เพียงว่าเขาประทับอยู่ในดินแดนตะวันออกเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
“เซียงอี้เฟยต้องหลีกเลี่ยงช่วงเวลาพิเศษนั้นมิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถพิสูจน์เต๋าของตัวเองได้ แม้ว่าเขาจะมีลักษณะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แต่การเกิดขึ้นในยุคสมัยนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
เซียงอี้เฟยผู้ซึ่งกลายเป็นบุคคลชั้นนำในจงโจว เมื่ออายุได้สิบเก้าปีเขาสามารถต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่หลายคนที่หมายปองตำแหน่งของจักรพรรดิโบราณผู้ยิ่งใหญ่
น่าเสียดายที่เขาต้องเสียชีวิตลงเมื่ออายุไม่ถึงยี่สิบปี เรื่องนี้ทำให้ผู้คนเศร้าเสียใจอย่างไม่รู้จบ แต่ใครจะคิดว่าเก้าพันปีต่อมาเขากลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“หลับใหลเหมือนสัตว์โบราณ ฝันครั้งเดียวยาวนานถึงเก้าพันปี”
การปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดเช่นนี้สร้างความกดดันให้กับยอดฝีมือมากมายอย่างไม่รู้จบ
“หากเขาเสียชีวิตจริงๆ ต่อให้สร้างสังขารถูกแช่อยู่ในของเหลวต้นกำเนิดมันก็ไม่มีทางที่เขาจะฟื้นคืนชีวิตได้” ผังป๋อผู้ซึ่งรู้ความลับบางอย่างไม่ได้ตื่นเต้นไปกับคนภายนอก
เย่ฟ่านสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ มรดกของสำนักฉีซื่อนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้พวกเขาครอบครองของเหลวต้นกำเนิดมากแค่ไหนแต่หากไม่ได้รับความรู้จากคนโบราณก็คงไม่มีทางที่จะทำให้เซียงอี้เฟยมีชีวิตอยู่เกือบหมื่นปีได้!
ยิ่งกว่านั้นเพื่อที่จะปลุกเซียงอี้เฟยพวกเขายังจำเป็นต้องใช้ยาเซียนซึ่งมีอายุหลายหมื่นปีอีกด้วย
เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ บุคคลนี้ดูเหมือนจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ หากเขากลายเป็นจักรพรรดิไม่ได้สมบัติมากมายจะไม่สูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์หรือ?
“บุคคลผู้นี้ต้องมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เมื่อเก้าพันปีที่แล้วบุคคลระดับพระโพธิสัตว์แห่งทะเลทรายตะวันตกจึงได้ส่งสมบัติบางอย่างมาเพื่อต่ออายุเขา”
สำหรับซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิต นั่นถือเป็นวัตถุมงคลอันล้ำค่าที่ไม่มีผู้ใดเทียบ นั่นแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงของเซียงอี้เฟย
“เก้าพันปีแม้แต่นิกายพุทธก็ยังสนับสนุนเขา และตอนนี้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว ผู้ที่คิดจะแข่งขันกับเขาในการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คงต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก” ผังป๋อกล่าว
“ดูเหมือนว่าโลกได้เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้งตามที่จักรพรรดิดำกล่าว อิทธิพลของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ถูกขจัดออกไปแล้วหรือไม่ หากอิทธิพลยังอยู่ต่อให้เซียงอี้เฟยตื่นขึ้นมามันก็ยังเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี” เย่ฟ่านครุ่นคิด
“เจ้าพูดถูก แต่โอกาสนั้นมีน้อยอย่างยิ่ง การฟื้นคืนชีพของเขาย่อมได้รับการคำนวณมาอย่างดีแล้วว่ายุคสมัยของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ต้องจบลงอย่างสมบูรณ์”