ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 147 ความผิดที่แท้จริง
ตอนที่ 147 ความผิดที่แท้จริง
“ซูเป่ย… กะ แกโดนสัตว์กลายพันธุ์ฆ่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ!?!?!?!”
คนที่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจคือหวังเทียน
ตามรายงานที่หวังเทียนได้รับจากคนกลุ่มเดียวกันที่ออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับซูเป่ย พวกนั้นต่างก็รายงานเหมือนกันว่าเห็นหมาป่ากลายพันธุ์ฆ่าซูเป่ยกับตา เพราะงั้นหวังเทียนจึงรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นซูเป่ยปรากฏตัวต่อหน้าตอนนี้
ส่วนเหตุผลที่ชาวบ้านต้องออกจากกำแพงและเข้าไปในป่าก็เป็นเพราะว่า ต้องไปทำประโยชน์ให้หมู่บ้านโดยการหาผักหรือผลไม้ ใครไม่ยอมออกไปหาสิ่งที่รออยู่ก็คือกลายเป็นสารอาหารของต้นข้าวกลายพันธุ์
หวังเทียนมองไปทางกลุ่มคนที่รายงานตัวเอง
กลุ่มคนที่โดนมองต่างก็มองหวังเทียนกลับด้วยแววตาสะใจ
“พวกแกรวมหัวหลอกฉันใช่ไหม ฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่”
หวังเทียนตะโกนใส่กลุ่มคนที่กำลังมองตัวเองอยู่
“หุปปาก!!”
หวังหยานรีบหยุดลูกตัวเอง สถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายมากพอแล้วเขาไม่ต้องการให้หวังเทียนทำให้มันเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
ทางด้านของซูเป่ยเมื่อเดินออกมาก็ไม่ได้สนใจ 2 พ่อลูกตระกูลหวัง เขากวาดตามองเข้าไปในกลุ่มชาวบ้านเพื่อหาครอบครัวของตัวเอง
“คุณค่ะ”
เสียงผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น
ซูเป่ยหันมองไปทางนั้นทันทีด้วยท่าทางดีใจ นั่นคือเสียงภรรยาของเขาไม่ผิดแน่ แต่… เมื่อมองไปทางภรรยาเขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าโมโหอย่างรวดเร็ว
ข้าง ๆ ภรรยาของซูเป่ยก็คือลูกสาวของเขาที่นั่งอยู่ แววตาของเธอไร้การโฟกัส เสื้อผ้ามีรอยฉีกขาดเต็มไปหมด แถมบนเสื้อผ้ายังมีคาบสีขาวจำนวนมากติดอยู่ มองเพียงไม่กี่วินาทีซูเป่ยก็สรุปได้ว่าลูกสาวของเขาโดนอะไรมา
ซูเป่ยกำมัดทั้ง 2 แน่น แววตาที่เขามองไปทางหวังหยาน และหวังเทียน มันเป็นแววตาที่ต้องการฆ่าเต็มที่
หลินฟานสังเกตเห็นอาการของซูเป่ย จากนั้นจึงรีบพูดว่า
“คุณไปหาครอบครัวของคุณก่อนเถอะ เรื่องหลังจากนี้ผมจะจัดการเอง”
“ครับ…”
ซูเป่ยยอมรับแต่โดยดี ถึงเขาจะโกรธแต่ก็ไม่ได้โกรธจนเสียสติ
เมื่อจัดการเรื่องของซูเป่ยเรียบร้อย หลินฟานก็มองไปทางหนิงซิวเย่และเวโรนิก้า ตัวของเวโรนิก้ากำลังแสดงใบหน้าไม่พอใจออกมา ส่วนหนิงซิวเย่กำลังยืนนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ว่า หลินฟานสัมผัสได้ว่าเธอเองก็มีความต้องการฆ่าเหมือนกัน
แต่การที่ทั้ง 2 แสดงอาการออกมาแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยังไงซะก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เห็นเพศเดียวกันในสภาพนั้นต้องไม่พอใจเป็นธรรมดา
คนที่อยู่ในสภาพแววตาไร้การโฟกัส เสื้อผ้าฉีกขาดและมีคาบสีขาวติดอยู่ตามเสื้อผ้า ไม่ได้มีเพียงลูกสาวของซูเป่ยคนเดียว แต่ผู้หญิงอีกประมาณ 40 – 50 คน ก็อยู่ในสภาพแบบนั้นเหมือนกัน
ถ้าถามว่าหลินฟานโมโหไหม หลินฟานยอมรับว่าเขาโมโหมาก แต่เขาไม่ได้โมโหการกระทำของหวังหยานและพวกลูกน้องของมัน พวกที่เขาโกรธคือครอบครัวของเหยื่อเหล่านี้ต่างหาก
คนในครอบครัวโดนทำขนาดนี้พวกชาวบ้านยังอยู่เฉย ๆ และยอมทำตามคำสั่งของหวังหยานและพรรคพวก ในสายตาของหลินฟาน ชาวบ้านที่ไม่ยอมช่วยและดูอยู่เฉย ๆ ทุกคนล้วนมีความผิดทั้งหมด
หลินฟานหันมองไปทางหวังหยานและถาม
“บอกมาหน่อยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้หญิงพวกนั้น”
หวังหยานตอบทันทีว่า
“ พวกเธอคือคนที่ไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเองดี ๆ ครับ นักรบของเราต้องปกป้องหมู่บ้านจากซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนล้วนเกิดความเครียด เพื่อที่จะทำให้พวกเขาหายเครียดจึงต้องมีการระบายกันบ้าง
“ ท่านน่าจะเข้าใจว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ผู้หญิงเหล่านี้ได้รับการปกป้องจากนักรบของหมู่บ้าน พวกเธอก็ต้องตอบแทนกันบ้างใช่ไหมล่ะครับ
“อีกอย่าง คนที่ยอมทำหน้าที่ง่าย ๆ ผมก็ดูแลพวกเธออย่างดี แต่ส่วนน้อยที่ไม่รู้หน้าที่ของตัวเองก็เป็นแบบที่ท่านเห็นครับ จะให้ผมใช้งานแต่คนที่ยอมเชื่อฟังมันก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะถ้ายอมปล่อยคนไม่เชื่อฟัง 1 ครั้ง มันก็ต้องมีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และครั้งต่อ ๆ ไปตามมา”
หวังหยานอธิบายเหตุผลของตัวเองอย่างใจเย็น เขาพูดราวกับว่าเรื่องที่เขาทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
“ไม่!!!”
ระหว่างที่หลินฟานกำลังฟังหวังหยานอธิบาย เสียงตะโกนของหญิงสาวก็ดังขึ้น เสียงที่ดังขึ้นดังมาจากลูกสาวของซูเป่ย
เธอตะโกนต่ออีกครั้ง
“อย่าทำฉัน!!! อย่าทำฉัน!!! อย่าตีฉัน!!!”
“นะ นี่พ่อเอง”
“ออกไป!!! อย่าเข้ามา!!! อย่าตีฉัน!!!”
ซูเป่ยพยายามเข้าไปหาลูกสาวของเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินฟานหันมองหวังหยานอีกครั้ง
“สิ่งที่นายทำถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดในวันโลกาวินาศ”
“ใช่ไหมล่ะครับ ผมคิดเอาไว้แล้วว่าท่านต้องเข้าใจ วันโลกะ-”
“แต่มันผิดกฎตระกูลหลิน ตอนนี้นายเป็นคนของตระกูลหลินแล้วนายและคนที่ทำเรื่องโหดร้ายกับพวกเธอ ทุกคนต้องได้รับโทษตามกฎของตระกูลหลิน”
หลินฟานขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็ออกคำสั่งว่า
“จับคนที่ทำผิดกฎของตระกูลหลินเอาไว้ เราจะไม่ฆ่าพวกมันที่นี่”
พวกทหารกองทัพตระกูลหลินเริ่มเคลื่อนไหวกันทันที
หวังหยาน หวังเทียน และคนอื่น ๆ ที่ทำเรื่องโหดร้ายกับพวกผู้หญิงโดนจับตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนเหตุผลที่หาตัวได้ง่าย ๆ ก็เป็นเพราะว่า พวกชาวบ้านต่างก็พากันชี้ตัว
ใจจริงหลินฟานอยากลงโทษครอบครัวของพวกผู้หญิงที่โดนทำร้ายด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ทำมัน เหตุผลที่หลินฟานไม่ลงโทษครอบครัวของพวกเธอก็เป็นเพราะหลินฟานเห็นใจ เห็นใจในที่นี้คือเห็นใจพวกผู้หญิงที่โดนทำร้ายเหล่านั้น
ตอนนี้พวกเธอก็มีบาดแผลในจิตใจมากพอใจ ถ้าพ่อหรือแม่ต้องมาตายในตอนนี้ จิตใจของพวกเธอคงมีบาดแผลมากขึ้นไปอีก
“ซูเป่ย”
หลินฟานเรียกชื่อ
ซูเป่ยตอบทันทีว่า
“ครับ”
“นำทางพวกเราไปที่ต้นข้าวกลายพันธุ์”
หลินฟานสั่ง
“ครับ”
ซูเป่ยพยักหน้าแล้วเริ่มออกเดิน ระหว่างเดินเขาก็หันมองลูกสาวด้านหลังด้วยแววตาเศร้าใจ แต่หลังจากมองไม่กี่วินาทีเขาก็เริ่มเดินต่อ
หลินฟานหันไปทางหลี่หมิงข้าง ๆ ก่อนจะออกคำสั่งว่า
“ฉันจะไปจัดการเรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์เอง ส่วนนายให้พวกทหารจัดระเบียบในค่ายแห่งนี้ให้เรียบร้อย แล้วก็ซ่อมแซมกำแพงค่ายให้ดีกว่าเดิมด้วย เพราะหมู่บ้านต้นข้าวจะกลายเป็นฐานอีกแห่งของกองทัพตระกูลหลิน”
หลินฟานยังไม่ได้ตรวจสอบจึงไม่รู้ว่าต้นข้าวกลายพันธุ์สามารถย้ายที่ปลูกได้ไหม แต่ว่า ต่อให้ย้ายได้หลินฟานก็ไม่ย้ายมัน หลินฟานตัดสินใจก่อนหน้านี้แล้วว่าจะใช้ที่นี่เป็นค่ายอีกแห่ง
ส่วนเหตุผลที่หลินฟานเลือกที่นี่เป็นค่ายอีกแห่งก็เพราะว่า รอบ ๆ หมู่บ้านแห่งนี้มีภูเขาล้อมรอบจำนวนมาก หากจัดการระบบป้องกันดี ๆ หมู่บ้านแห่งนี้จะถือได้ว่าเป็นสุดยอดป้อมปราการเลย เป็นทำเลที่เหมาะในการสร้างค่ายอีกแห่งมาก
“ครับ”
หลี่หมิงตอบรับคำสั่งหลินฟาน จริง ๆ แล้ว ถ้าหลินฟานไม่สั่งเขาก็จะเสนอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะหลี่หมิงเองก็เห็นว่าหมู่บ้านนี้สามารถกลายเป็นป้อมปราการได้