ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ผู้เล่นครอสอัลฟ่ากลุ่มแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 เกมนี้สามารถกินได้ด้วย

ตอนที่ 7 ถ้าคุณต้องการรวย ต้องเริ่มจากการตัดไม้


ไม่มีอะไรสามารถทำได้โดยปราศจากกฏหรือมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นที่อยากลองทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ

[คู่มือผู้อาศัยศูนย์พักพิง เวอร์ชั่น 1.0. ]

[1. คำสั่งของผู้ดูแลระบบอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงทุกคนต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข ]

[2. สำหรับผู้อยู่อาศัยที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ ผู้ดูแลระบบจะใช้วิธีการขั้นสุดท้ายของ "บังคับหลับลึก" และ "การกักขัง" (หมายเหตุ: การบังคับหลับลึกเท่ากับการถูกเตะออกจากเกม และการกักขัง(แบน)จะนำไปสู่การห้ามเข้าสู่ระบบ)]

[3. ผู้ดูแลระบบมีสิทธิ์สุดท้ายในการตีความข้อกำหนดข้างต้น ]

การละเมิดกฏจะทำให้ผู้เล่นถูกเตะออกจากเกม? นี่ไม่ใช่พลังที่ NPC ธรรมดาจะมี เมื่อเห็นข้อความด้านล่างข้อ 2 ของคู่มือผู้อาศัย ผู้เล่นก็เข้าใจว่า NPC ที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้เป็นเพียง NPC เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิ์ของ GM และสามารถแบนผู้เล่นได้ ซึ่งส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้เล่น

ตอนนี้ยังมีไม่กี่คน กฎจึงมีเพียงสามข้อ หากมีอะไรเพิ่มเติมในภายหลัง ฉู่กวง จะพิจารณาเปิดตัวเวอร์ชัน 2.0 หรือแม้แต่เวอร์ชัน 20.0 สิ่งนี้จะช่วยให้เขาควบคุมกฎระหว่างผู้เล่นกับผู้เล่น ผู้เล่นกับ NPC ตลอดจนข้อห้ามในเกม และอื่นๆ นี่เป็นสาเหตุที่เปิดครอสอัลฟ่ารอบหนึ่งก่อนการทดสอบครอสเบต้าหรือโอเพ่นเบต้า

ศูนย์พักพิงมีที่ว่างไม่มาก ห้องยี่สิบห้องดูเหมือนจะเยอะแต่แต่ละห้องก็เล็กมากและห้องเพาะเลี้ยงก็กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องไปแล้ว

ผู้ดูแลระบบคนก่อนดูเหมือนกลัวว่าเขาจะไม่ทำอะไร ดังนั้นชั้นB1ทั้งหมดจึงถูกเคลียร์ทิ้ง ไม่มีอะไรเหลือ

ฉู่กวงไม่ได้อยู่ในที่พักพิงเป็นเวลานาน หลังจากบอกกฎแก่ผู้เล่นแล้ว เขาก็พาทั้งสี่คนและเสี่ยวฉีไปที่ลิฟต์ซึ่งนำไปสู่โลกภายนอก ผู้เล่นอัลฟ่าสี่คนนี้ยังคงเชื่อฟัง แต่พวกเขาอยากรู้อยากเห็นมาก ตั้งแต่วินาทีที่เท้าแตะพื้น พวกเขาเอื้อมมือไปจับทุกสิ่งที่พวกเขามองเห็น ต้องการสัมผัสประสบการณ์ทุกอย่างในเกม ไม่มีเซลล์ในร่งกายเซลเดียวที่ต้องการอยู่เฉยๆ!

ลิฟต์ค่อยๆ ช้าลงจนหยุดนิ่ง เมื่อมองดูแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างที่พังและหน้าลิฟต์ ผู้เล่นทั้งสี่คนก็อุทานออกมาอีกครั้ง

"เหี้*..."

"แสง! กำแพงนี้! นี่ นี่ นี่..."

"นี่มันเจ๋งเกินไปแล้ว!"

"แสงแดดส่องผ่านรอยแตกในซากปรักหักพังคอนกรีตและส่องลงบนหญ้า ฝุ่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจะลอยอยู่ในแสง... ทุกเฟรมคืองานศิลปะ และทุกวินาทีคือการเผาไหม้กองทุนเพื่อการพัฒนา!"

“เป็นกวีที่ดีมาก เอมเพิลไทม์!”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา ฉู่กวง พบว่ามันน่าหัวเราะ แต่เขาก็สามารถเข้าใจความกระตือรือร้นของพวกเขาได้เช่นกัน เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย ทำตามหน้าที่ในฐานะ NPC และพาพวกเขาออกไปนอกบ้านพักคนชรา

เมื่อมองไปที่เครื่องมือบนพื้น ฉู่กวงก็หันไปเผชิญหน้ากับพวกเขา "อย่างที่คุณเห็น สงครามนิวเคลียร์ได้ยุติลงแล้วกว่าสองร้อยปีแล้ว ตอนนี้เราอยู่ในเขตชานเมืองด้านเหนือของเมืองชิงชวน ซึ่งห่างไกลจากหลุมระเบิดไฟนิวเคลียร์ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องรังสีแกมมามากเกินไป เว้นแต่จะมี 'ฝนเรืองแสง' หรือเมฆกัมมันตภาพรังสีที่มองเห็นได้”

“ที่พักพิงไม่สามารถปกป้องเราได้ตลอดเวลา และอารยธรรมของเราไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ใต้ซากปรักหักพังได้ตลอดไป จำไว้ว่าเราคือแนวหน้าที่ย้อนคืนสู่พื้นดิน และมีคนหลายพันคนอยู่เบื้องหลังเรารอข่าวดีของเรา

“สิ่งแรกที่เราต้องทำในตอนนี้คือการซ่อมแซมบ้านพักคนชราใต้เท้าของเรา สร้างด่านหน้าจากซากปรักหักพัง มันจะกลายเป็นสะพานให้คนของเรากลับคืนสู่พื้นโลกอีกครั้ง

“ตอนนี้ฉันจะมอบหมายงานให้พวกคุณ หยิบขวานบนพื้น ออกไปข้างนอกและตัดไม้มา ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง เราต้องเตรียมเชื้อเพลิงให้เพียงพอ และซ่อมกำแพงรอบๆ เราพร้อมๆ กัน อย่าลืมอย่าไปไกลเกินไป ถ้าเจอพวกกลายพันธุ์ ให้รีบหนีออกมา ไปได้!”

เดิมฉู่กวงคิดว่าเขาจำเป็นต้องพูดมากกว่านี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้เล่นเหล่านี้จะเชื่อฟังมาก พวกเขาต่างหยิบขวานและออกไปทำงาน

การกระทำของพวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาต้องการให้เขาพูดจบให้เร็วที่สุดโดยกลัวว่างานของพวกเขาจะล่าช้า

“นายท่าน พวกเขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสี่ยวฉีที่กำลังติดตามพวกเขาแสดงความกังวล มันมักจะรู้สึกว่าหัวของโคลนเหล่านี้ไม่ปกตินัก

“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันให้เธอตามฉันมา” ฉู่กวงมองขึ้นไปที่บ้านพักคนชราที่อยู่ข้างหลังเขา หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ไปที่หน้าต่างบนชั้นสามทางทิศเหนือ รายงานฉันหากพวกเขาเจอสถานการณ์ที่ยุ่งยากหรือออกไปไกลเกินไป” ส่วนเขาจะตรวจสอบรางวัลภารกิจที่สำเร็จ

ถังขยะข้างฉู่กวงไม่ขยับ หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวฉี ก็พูดว่า "... นายท่าน"

"มีอะไร?"

"ฉันไม่มีขา"

ถังขยะเคลื่อนไหววนรอบขาของ ฉู่กวง เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเคลื่อนไหวอย่างไร จนกระทั่งถึงตอนนั้น ฉู่กวงสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวเล็กตัวนี้เคลื่อนไหวด้วยสี่ล้อมาตลอด

“...เอ่อ ฉันจะพาเธอขึ้นไปเอง” ฉู่กวงถอนหายใจ คุกเข่าลงและแบกมันไว้บนบ่าของเขา

'ดี มันค่อนข้างหนัก'

...

ต้นไม้ที่หนาเท่าต้นขามนุษย์ค่อยๆ ล้มลง กระแทกกับพื้นและทำให้เกิดเสียงดัง

“ฉันว่ามันไม่เหมือนกับแดนรกร้างนะ?”

“ยังไง”

“มันให้ความรู้สึกเหมือนป่า… ฉันหมายถึงเกม 'The Forest' ฉันไม่รู้ว่าพวกนายเคยเล่นมาก่อนหรือเปล่า แต่มันเกี่ยวกับการตัดต้นไม้และสร้างบ้าน”

“แน่นอน ฉันเคยเล่นเหมือนกัน ไม่เพียงแต่ฉันเคยเล่น แต่ฉันยังสร้างบ้านบนท้องฟ้า การสร้างบ้านนั้นง่ายกว่ามาก มันง่ายแค่คลิกเมาส์ ไม่เหมือนกับเกมี้…เวร ขวานนี้ค่อนข้างหนัก”

“เมื่อพูดถึงฉากในเกม ฉันคิดว่ามันค่อนข้างเหมือนจริง ฉันจำได้ว่าเคยดูสารคดีเกี่ยวกับการกลับมาสู่เชอร์โนบิล เป็นเวลาสี่สิบปีแล้วที่ไม่มีการรบกวนของมนุษย์ มันได้พัฒนาเป็นระบบนิเวศใหม่อาคารล้อมรอบด้วยเถาวัลย์และต้นไม้ก็สูงกว่าบ้าน ฉากของเกมนี้คือ 200 ปีหลังจากสงครามนิวเคลียร์ ซึ่งใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์ในเมืองอาจจะรุนแรงกว่าที่นี่ด้วยซ้ำ”

เมื่อมองไปที่ความเละเทะที่อยู่ข้างหลังเขา เฒ่าขาวก็ปาดเหงื่อและตบริมฝีปากของเขา

“ถ้าเป็นในชีวิตจริง ฉันคงต้องนอนคุกข้อหาลักลอบตัดไม้ไปแล้ว”

สองชั่วโมงต่อมา...

แม้ว่าพวกมันจะไม่มีประสิทธิภาพมากนักและตอไม้ที่อยู่ข้างหลังเหมือนกับว่าพวกมันถูกหมาแทะ พวกเขายังคงตัดต้นไม้ขนาดเท่าต้นขามนุษย์และต้นที่เล็กกว่าอีกนับไม่ถ้วน ผู้ดูแลระบบไม่ได้บอกว่าเขาต้องการเท่าไร และไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาตัดพอรึยัง

“ฉันต้องยอมรับว่าเกมนี้สมจริงเกินไป... ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบของขวานที่ตัดต้นไม้ หรือขี้เลื่อยและแสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้ มันทำให้ฉันนึกถึง—”

“หยุดพูดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว” ไนท์เท็นขัดจังหวะการพูดของเอมเพิลไทม์ มือของไนท์เท็นวางอยู่บนด้ามขวาน ขณะที่เขามองดูกิ่งไม้และใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น หอบหายใจ

“ในเมื่อเราสามารถตัดต้นไม้ การสร้างบ้านและทำฟาร์มไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่ไหม?”

ความสามารถในการเคลื่อนไหวของร่างกายในเกมนั้นแข็งแกร่งกว่าร่างกายในความเป็นจริงมาก ในโลกจริงร่างกายของไนท์เท็นเป็นเพียงนักศึกษาที่มีร่างกายอ่อนแอที่ไม่สามารถจับหนูได้ด้วยซ้ำแต่ในเกมร่างกายของเขามีมัดกล้ามขึ้นเป็นบางส่วน

แน่นอน สิ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดคือ White_horse_passing_a_crevice หรือเฒ่าขาวแม้ว่าบุคลิกของผู้ชายคนนี้จะดูไม่ค่อยดีนักและมีหนวดเคราและตอซังเต็มไปหมด เมื่อเขาพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทำให้เขาดูแข็งแรงมาก

“ถ้าเราจะทำฟาร์ม ฉันแนะนำให้จุดไฟเผาต้นไม้เป็นเถ้าถ่านแล้วเกลี่ยให้ทั่ว พอหน้าหนาวผ่านไปก็จะกลายเป็นปุ๋ย...แน่นอนว่าเกมนั้นต้องเหมือนจริง ไม่อย่างนั้นก็เสียเวลาเปล่า”

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉันสงสัยว่า… ทำไมกล้ามเนื้อของเฒ่าขาวถึงดูแข็งแรงจนดูเหมือนว่าเขาเคยฝึกมาก่อนในขณะที่ฉันต้องพยายามใช้กำลังยกขวานนขึ้น” เกลหอบ ตัวละครของเขาน่าจะใกล้เคียงกับร่างกายที่แท้จริงของเขามากที่สุดในแง่ของสมรรถภาพทางกาย ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เขาเหนื่อยหลังจากใช้กำลัง

“คุณสมบัติของตัวละครแต่ละคนต้องแตกต่างกัน… แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ามันถูกกำหนดมาอย่างไร” เอมเพิลไทม์เกาศีรษะของเขาและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ฉันเดาได้”

“เดาอะไร?”

ผู้เล่นทั้งสามคนสนใจการค้นพบของเขามาก

ใครก็ตามที่เคยอยู่ในสโมสรอาชากระทิงมาสักระยะหนึ่งจะรู้ว่าเขาเป็นสมาชิกของทีมวางแผนสำหรับเกมที่เล่นคนเดียวหลายเกม และยังมีเกมมากที่สุดในบัญชีสตรีมจากทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น FPS, RPG หรือ SLG ไม่มีเกมประเภทใดที่เขาไม่เล่น

“พวกนายควรจะสังเกตเห็นว่าตอนเราตื่นขึ้นมาในห้องสีเงิน-ขาว เมื่อพิจารณาถึงธีมของเกมนี้แล้ว ฉากนี้มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือเราถูกจำศีลก่อนสงครามผ่านเทคโนโลยีโคลสลีปจนถึงปัจจุบัน อย่างที่สองคือเราทุกคนล้วนเป็นโคลนนิ่ง แน่นอนว่า โดยส่วนตัวฉันคิดว่าการตั้งค่าแบบหลังจะสะดวกกว่า ท้ายที่สุด ปัญหาเรื่องการฟื้นคืนชีพสามารถอธิบายได้ง่าย ๆ โดยใช้ DNA ที่เก็บไว้ในห้องเพาะเลี้ยงเพื่อสังเคราะห์ร่างกายใหม่โดยตรง .” เมื่อเห็นว่าผู้เล่นต่างมองหน้ากัน เอมเพิลไทม์กล่าวต่อว่า "ฉันคิดว่าาการตั้งค่าต่างๆ เช่น แผงแอตทริบิวต์และระดับจะถูกเพิ่มในภายหลัง และความแตกต่างในสมรรถภาพทางกายของเราน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกบอกล่วงหน้า!"

"ฉันหวังว่าผู้พัฒนาจะสามารถพัฒนาชุดกลไกเกมที่ไม่เหมือนใคร เช่น การรวม DNA และระบบคลาส แยกผู้เล่นพละกำลังออกจากผู้เล่นสายว่องไว และกำหนดเส้นโค้งการเติบโตของแอตทริบิวต์ที่แตกต่างกัน สิ่งนี้จะไม่เพียงรับประกันระดับความเป็นอิสระเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างวิธีการเล่นเกมอีกด้วย น่าเสียดายที่ตัวละครถูกสุ่มคุณสมบัติ คงจะดีถ้าเราสามารถกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นได้เอง"เขารู้สึกกระหายน้ำหลังพูดจบ ในที่สุด เอมเพิลไทม์ก็หยุด "หยุดพูดไร้สาระดีกว่า ฉันจะคุยกับพี่กวง(ไลท์)ตอนฉันออกจากระบบ"

'พี่กวงเคยกล่าวว่าเขาเป็นนักออกแบบเกมนี้ ดังนั้นการพูดคุยกับเขาโดยตรงในประเด็นนี้ย่อมดีกว่าการพูดคุยกับพวกเขาที่นี่อย่างแน่นอน'

ในขณะนี้ ไนท์เท็นกำลังมองไปในระยะไกลด้วยความงุนงงก็พูดขึ้นว่า "พวกนายรู้ไหมว่าแผนที่นี้ใหญ่แค่ไหน"

"ฉันไม่รู้."

“ถ้าฉันเดินต่อไปในทิศทางเดียวเรื่อยๆ...”

เมื่อมองไปที่ไนท์เท็นที่กระตือรือร้นอยากทดลอง เกลก็วางขวานไว้ด้านข้างอย่างลังเล แล้วพูดว่า

"อาจมีบางอย่างที่เหมือนกับกำแพงที่มองไม่เห็น ไม่อย่างนั้นนายก็อาจจะถูกฆ่าโดยเกม... ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันขอแนะนำว่าอย่าลองเลยดีกว่า"

“ลืมไปแล้วเหรอว่าผู้ดูแลระบบพูดอะไร เขาบอกกับเราว่าอย่าออกห่างจากบ้านพักคนชรามากเกินไป”

“เขาเป็นแค่ NPC นายจะเชื่อฟังเขาเหรอ?”

“แต่เขาสามารถเตะเราออกจากเกม และแม้กระทั่งยึดสิทธิ์ทดสอบอัลฟ่า” เกลเตือนเขา

เอมเพิลไทม์ยังเตือนเขาจากด้านข้างว่า “ใช่ และฉันสงสัยว่าด้วยความฉลาดของ NPC ในเกมนี้ อาจมีการตั้งค่าลับเช่นความโปรดปราน นายจะเห็นได้ว่าทัศนคติที่มีต่อผู้เล่นแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันทุกประการ ต้องมีอัลกอริธึมที่ซ่อนอยู่”

“ก็ได้ ฉันจะไม่ลอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา แม้แต่ ไนท์เท็น ที่ดื้อรั้นที่สุดก็ยังสงบ เขาไม่มีทางเลือกอื่น คำพูดเหล่านี้น่ากลัวเกินไป

ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมสามารถเห็นคุณค่าของเกมนี้ เกมเสมือนจริงที่สมบูรณ์แบบ...

เมื่อเทคโนโลยีนี้แพร่ออกสู่โลกภายนอกก็จะส่งผลกระทบในทางลบต่อสื่อบันเทิงของสังคมยุคใหม่ แม้กระทั่งวิถีชีวิต! แม้ว่าคนจะไม่อยากเล่นเกม แต่ใครจะไม่อยากมีเวลามากกว่าคนอื่น 8ถึง12ชั่วโมงต่อวัน? ตามที่พี่กวงบอกในกลุ่ม เวลาที่อยู่ในโลกของเกมเท่ากับการนอนในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งหมายความว่าต่อให้อยู่ที่นี่ทั้งคืนก็ไม่กระทบต่อความสามารถในการทำงานของพวกเขาในวันรุ่งขึ้น! เป็นการยากที่จะ

เป็นสิ่งเหลือเชื่อที่เกมซึ่งถูกกำหนดให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จะเปิดทดสอบอย่าง “เลอะเทอะ”และเงียบสงบเช่นนี้

บริษัทนี้ไม่ต้องการเงินเหรอ?

ไม่ว่าในกรณีใด เนื่องจากพวกเขาได้โอกาสนี้แล้ว จึงไม่มีใครยอมเสียมันไปง่ายเกินไป

เมื่อ ไนท์เท็น สะกดความอยากที่จะสำรวจขอบเขตของแผนที่กลับไปและกำลังจะตัดต้นไม้ต่อไปอย่างเชื่อฟัง ลางสังหรณ์อันรุนแรงก็ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา ความรู้สึกหนาวสั่นเคลื่อนลงมาตามกระดูกสันหลัง เหงื่อเย็นอย่างรวดเร็วไหลออกมาจากหลังของเขา เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกอัตรายมาจากไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นความตายอันน่าสลดของเขาอยู่เบื้องหน้

ขาของเขาอ่อนลงและเดินโซเซไปข้างหลัง แต่การเซนี้ทำให้เขาหลีกเลี่ยงเงาดำที่ตกลงมาจากฟากฟ้าได้

ปัก!

ขี้เลื่อยลอยฟุ้งกระจาย และรอยกรงเล็บสามรอยปรากฏอยู่บนตอไม้ข้างๆเขา!

“แกว๊ก!” เสียงกรีดร้องดั่งวิญญาณร้ายดังขึ้น!

สิ่งมีชีวิตที่โจมตีพลาดไปหนึ่งครั้ง ใช้แรงผลักกลับจากการกระแทกต้นสน กระพือปีกเพื่อเพิ่มระดับความสูงอีกครั้งและหายตัวไปบนยอดไม้

เมื่อมองดูขนนกสีดำที่ร่วงหล่น ไนท์เทนที่ตกลงบนพื้นก็ตกตะลึงและเอามือลูบหัวอย่างมึนงง

'อะไรวะ?'

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด