SN-ตอนที่ 29 ทำลายแก๊ง (2)
“องค์กรไทรเด้น?” อัลดิช กล่าวขณะที่เขาเดินเข้าไปหา บอสของโอดินสัน เพราะชื่อขององค์กรไทรเด้น เป็นสิ่งที่ อัลดิช ไม่มีวันลืม
นี่คือ องค์กรอาชญากรรมที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา 1 ใน องค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และ มีอิทธิพลแพร่กระจายจากอเมริกาเหนือไปจนถึงเอเชียตะวันออก โดย วายร้ายที่มีชื่อเสียงและน่ากลัวที่สุดบางคนได้ทำงานอยู่ภายในองค์กร
แต่การทำลายองค์กรนี้จำเป็นจะต้องใช้เวลาและอำนาจ แต่โชคดีสำหรับ อัลดิช เพราะเขามีเวลา ในไม่ช้าเขาก็จะมีพลังและความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหตุใด องค์กรไทรเด้น จะต้องส่งคนมาจัดการกับแก๊งเร่ร่อนระดับล่างอย่างพวกแกด้วย?” อัลดิช กล่าวถาม
“อะไร แกไม่ใช่คนขององค์กรไทรเด้นหรอกเหรอ แล้วแกมายุ่งกับฉันทำไม อีกทั้งยังฆ่าลูกน้องของฉันอีก ทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน!?” บอสกล่าวถาม
“เพื่ออะไร? ฉันคิดว่าฉันควรจะเป็นฝ่ายถามแกมากกว่า นั่นก็เพราะแกต้องการจะฆ่าฉันต้องการทำร้ายเพื่อนสาวของฉัน ดังนั้น ฉันคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่จะจัดการพวกแกหรอกใช่มั้ย?” อัลดิช กล่าวพูดออกมา จากนั้นเขาก็นำเหรียญทองแดงออกมาจากฝ่ามือของเขา “ฉันต้องการซื้อขายและแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม แต่เป็นพวกแกที่โจมตีฉันก่อน ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำก็คือการปกป้องตัวเอง และ นี่คือราคาที่พวกแกพยายามจะทำร้ายพวกฉัน”
จากนั้น อัลดิช ก็หยิบปืนพกลูกโม่และยิ่งกระสุน 3 นัดไปชนเข้ากับ โล่ของ บอส โอดินสัน ก่อนที่รังกระสุนทั้งหมดจะว่างเปล่า แม้ว่าจะโดนกระสุนจำนวนมากไป แต่ โล่พลังงานก็ยังไม่ได้แสดงสัญญาณถึงการพังทลายออกมา สิ่งนี้มันค่อนข้างน่าประทับใจ
โล่พลังงานนี้ค่อนข้างดูหยาบเป็นอย่างมากในแง่ของการออกแบบ แต่โล่พลังงานนี้ อัดแน่นไปด้วยพลังงานขนาดใหญ่ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้
“แกไม่สามารถทำร้ายฉันได้” บอสกล่าวพูดออกมา จากนั้นเขาก็เอามือวางไปข้างหลังและพิงเข้ากับห้องเทคนิค สายไฟหลายเส้นได้เชื่อมกับตัวของเขาในขณะที่พลังไฟฟ้าก็ได้ถูกป้อนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “ตราบใดที่ฉันมีพลังงานมากพอ ฉันก็สามารถคงอยู่เกราะพลังงานนี้ได้หลายชั่วโมง”
“ในช่วงเวลาเหล่านี้ พวกโนแมดส์ คนอื่น ๆ จะมาเคาะประตูที่นี่ และ หลังจากที่พวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด พวกเขาจะรวมตัวกันต่อกรกับแก”
“เชื่อฉันเถอะ มันจะไม่เป็นแบบที่แกหวังหรอก” อัลดิช กล่าวพูดออกมา เขาวิเคราะห์ออกมาแล้วว่า บอสคนนี้ยังคงหายใจได้อย่างไม่ติดขัด ดูเหมือนว่าออกซิเจนจะยังคงไหลผ่านอยู่ภายในโล่พลังงานนั้น โดยเขาได้ยื่นมือเข้าไปตรงหน้าของโล่พลังงาน
“[ความกลัวที่ครอบงำ]” อัลดิช พูดพร้อมร่ายคาถา แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องร่ายคาถาโดยตรง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่า การจดจ่ออยู่กับมัน จะทำให้ เวลาร่ายคาถานั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้ เมฆที่ดำคลุม ที่เต็มไปด้วยอนุภาคแห่งเงา ก็มารวมตัวกันรอบมือของเขา และ ภายในเมฆสีดำนี้ก็มีลูกตาสีแดงเรืองแสงและจ้องเขม็งไปที่บอส
“หวังว่าแกจะฝันดีนะ หลังจากที่แกตื่น ฉันแน่ใจว่าแกจะมีอารมณ์ที่ดีมากพอที่จะพูดคุยกันมากขึ้น” อัลดิช กล่าวพร้อมกับเดินจากไป โดยเขาปล่อยให้ สกิล [ความกลัวที่ครอบงำ] ทะลุผ่านโล่พลังเข้าไป
“อะไร-นี่คืออะไร!?” บอสกล่าวพูดออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อถูกคาถาปกคลุมใบหน้า จากนั้นเขาก็เริ่มสำลักครู่นึงก่อนที่จะคุกเข่าและทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับน้ำลายไหล เขาสั่นสะท้านอยู่บ่อยครั้ง และ ทั่วร่างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด และ ร้องครวญครางออกมาราวกับว่ากำลังติดอยู่ในฝันร้าย ซึ่ง จริง ๆ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้น
“ส่วนพวกแกสองคน…” อัลดิช มองไปยังเคาน์เตอร์ที่พวกเทคโนซ่อนตัวอยู่ พวกเขายังคงก้มตัวอยู่ใต้โต๊ะ “ลุกขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะเจาะทะลุกะโหลกของพวกแกทั้ง 2 คน”
นักเทคโนทั้ง 2 ได้ยืนขึ้นพร้อมกับยกแขนเพื่อมอบตัว ตัวของพวกเขาสั่นไปด้วยความกลัว และ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีร่างกายผอมบางกว่าพวกคนของกลุ่มโอดินสัน
“ได้โปรด พวกเราสามารถให้ทุกอย่างที่คุณต้องการได้!” พวกเขาได้กล่าวพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
==
“อืม ฉันจะให้พวกแกทำอะไรให้ดีนะ?” จากนั้น อัลดิช ก็โยนเหรียญ Elden World ขึ้นมา พร้อมกับชี้ปืนไปที่พวกเขา “พวกแกคงจะเชี่ยวชาญเรื่องการปลอมแปลงและการโจรกรรมใช่ไหม โดยเฉพาะอัญมณี เช่นนั้นลองประเมินสิ่งนี้ดู ฉันอยากจะรู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน”
นักเทคโนคนนึงตัวสั่นคลอนแล้วหยิบเหรียญนี้ขึ้นมา เขาได้เคาะแว่นบนหน้าของเขาด้วยสายตาที่สั่นเครือขณะที่จ้องมองไปที่ เหรียญ
“นี่…สิ่งนี้คุณไปเอามาจากไหน?” นักเทคโนคนนี้รีบกล่าวถาม
เหรียญนี้ส่องแสงสีทองลึกลับและมีขนาดเท่ากับฝ่ามือของชายคนนึง มันมีเส้นรอบวงอีกทั้งบนเหรียญยังสลักใบหน้าของหญิงสาวแสนสวยที่มีลวดลายพิศวง
“วิธีการแกะสลักใบหน้าที่งดงามแบบนี้…นายเคยเห็นแบบนี้หรือไม่?” นักเทคโนอีกคนได้ยกเหรียญนี้ขึ้นและให้อีกคนมอง
“นี่มันศิลปะ ใครกันที่สามารถทำสิ่งนี้ อีกทั้งยังสร้างมาจากทองคำบริสุทธิ์ที่เป็นของแข็งอีกด้วย”
อัลดิช ดูเหมือนจะได้ข้อมูลที่เขามองหา ดูเหมือนว่าเหรียญนี้จะมีค่าบางอย่างในโลก ดังนั้นเขาจึงยื่นมือไปด้านหน้า “ส่งเหรียญของฉันคืนมาได้แล้ว”
“อะ ครับ” นักเทคโนรีบพูดขึ้นทันที
อัลดิช ได้คว้าเหรียญไว้ในฝ่ามือและเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของ ของเขา
“ตอนนี้ ฉันจะบอกสิ่งที่ฉันต้องการให้” อัลดิช กล่าวออกมา “พวกแกสักคนมาถอดรหัสเครื่องนี้ซะ”
เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋า และ หยิบ Eye-Phone ของ โกสต์ ออกมา
“ครับ เดี๋ยวผมจะทำให้! นี่คือ โมเดล X พวกเราสามารถเจาะเข้าระบบได้ภายในไม่กี่นาที” นักเทคโนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วนำไปที่โต๊ะอื่น ซึ่งเขาได้เชื่อมต่อมันกับสายเคเบิลและต่อเข้ากับหน้าจอคอมพิวเตอร์
“ส่วนแก…” อัลดิช ชี้ไปที่ นักเทคโนอีกคนที่เหลือ“แกมี CID ขายใช่ไหม แสดงทุกอย่างที่มีให้ฉันดู ฉันต้องการ CID สำหรับฉันและเพื่อนของฉัน”
“เข้าใจแล้ว” นักเทคโนคนนี้กล่าวพูดออกมา “คุณคิดว่าคุณสามารถสำรองเหรียญนั่นเป็นตัวอย่างเพื่อแลกเปลี่ยน CID ของพวกเราได้หรือไม่ พวกเราสามารถให้บัญชีสินทรัพย์เพิ่มเติมได้?”
“ฉันคิดว่าฉันสามารถใช้ปืนนี้เป็นค่าตอบแทนได้” อัลดิช กล่าวพร้อมกับยกปากกระบอกปืนชี้ไปที่ใบหน้าของนักเทคโนคนนี้ “อย่าคิดว่าจะได้จากฉันไปสักเหรียญเดียว และ ถึงแม้ว่าแกจะได้ไป แกก็คงไม่มีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่หรอก ดังนั้น ทำตามที่ฉันบอก แล้วไปทำหน้าที่ของแกซะ”
“ขะ…เข้าใจแล้ว!” นักเทคโนรีบเดินไปที่ด้านหลังของห้องและเปิดตู้ล็อค ซึ่งมี บัตรอนุญาติจำนวนนับไม่ถ้วนจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเขาได้หยิบลิ้นชักทั้งใบมาวางบนเคาน์เตอร์ด้านหน้าของ อัลดิช
“เชิญคุณเลือกเลย” นักเทคโนกล่าวพูด “ทางเรามี CID อยู่ 3 คลาส , คลาส 1-2 ทางเรามี CID สำหรับนักสืบเอกชน CID ของตำรวจ หรือ แม้แต่ CID ที่เป็นพนักงานบริษัทใหญ่ กว่าพวกเราจะได้พวกมันมา พวกเราจำเป็นจะต้องลอบเข้าไปในสำงานใหญ่เพื่อขโมยข้อมูลมา”
“เอาล่ะ เลือกสิ่งที่คุณต้องการได้เลย แล้วทางเราจะถ่ายรูปของคุณ อัปโหลดไปยัง ID เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลประจำตัวใหม่ทั้งหมด โดยค่าบริการเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 10,000 เครดิต แต่สำหรับคุณ … ขอแค่ไว้ชีวิตพวกเราก็พอแล้ว”
“ทำงานของแกให้ดี” อัลดิช พูดขึ้น โดยเขามองไปที่ CID เหล่านี้ ยิ่งเป็น CID ของพลเมืองชั้นสูง ความมั่งคั่งและอิทธิพลก็จะมีมากยิ่งขึ้น
ในบรรดา CID คลาส 3 ส่วนใหญ่ เป็นพวกผู้ใช้แรงงานและสังคมระดับล่าง ส่วน คลาส 2 เป็นพวกพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่ ในขณะที่ คลาส 1 ก็คือ ส่วนหลักของสังคม เช่น พวกนักการเมือง หรือ ฮีโร่ 100 อันดับแรกที่ร่ำรวยมากที่สุด
“หากจะให้ผมแนะนำก็คงจะเป็นอันนี้” นักเทคโนได้หยิบ CID ขึ้นมา “นี่เป็น CID ของคู่หนุ่มสาวที่ร่ำรวยจากกองทุนมรดก มันเป็น CID คลาส 1 ซึ่งก็หมายความว่าหากมี CID นี้คุณจะได้รับความสะดวกสบายอย่างที่สุด”
“นอกจากนี้ เงินที่คุณได้รับก็มาจากกองทุนส่วนบุคคล ดังนั้น จึงไม่มีบริษัทใดที่สามารถสืบร่องรอยและติดตามคุณกลับไปได้ หาก คุณต้องการมีชีวิตที่สงบสุข นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด”
“ฉันเข้าใจแล้ว” อัลดิช กล่าวพูดออกมา “เอาพวกนี้ด้วยแล้วกัน”
เขาหยิบ CID ขึ้นมา 10 ชุด สำหรับตัวเอง และ วาเลร่า ซึ่งแต่ละตัวตนก็เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งจะอนุญาติให้พวกเขาแทรกซึมเข้าไปได้ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการพวกมันในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองอาจจะมีโอกาสได้ใช้ในอนาคตหรือไม่
ดังนั้นเขาควรจะเตรียมตัวให้พร้อม
“เอ่อ หากคุณเอาพวกมันไปเยอะเช่นนี้ พวกเราคงจะลำบากเป็นแน่ ได้โปรดเถอะ พวกเราทำธุรกิจด้านนี้ และ บางส่วนของพวกมันก็ยังถูกสัญญาไว้กับลูกค้ารายใหญ่อีก”
“ฉันเดาว่าแกคงไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ถ้าปืนนี้ เจาะศีรษะของแกใช่มั้ย?” อัลดิช กล่าวพูดออกมา “ฉันเดาว่าแกคงจะเคยเห็นฉันลงมือกับเพื่อน ๆ ของแกแล้ว เพราะงั้น ฉันไม่มีความลังเลเลยที่จะเป่าศีรษะของแกในตอนนี้”
“อะ–เข้าใจแล้ว” นักเทคโน นำ CID ไปที่ คอมพิวเตอร์อย่างไม่เต็มใจ “คุณช่วยพาเพื่อนสาวของคุณมาที่นี่ได้ไหม ผมต้องการรูปถ่ายของเธอ”
อัลดิช มองผ่านสายตาของ วาเลร่า ที่เปียกโชกไปด้วยเลือด โดย เธอได้รั้งอยู่ด้านนอกบ้านเคลื่อนที่พร้อมกับนั่งอยู่บนยอดศพของชายร่างใหญ่ ที่เป็น คนของกลุ่มโอดินสัน
วาเลร่า ยิ้มขณะที่เธอใช้มือของเธอเจาะเข้าไปที่ท้องของอีกฝ่ายจนทำให้อีกฝ่ายสำลักโลหิตตายโดยตรง
‘วาเลร่า ฉันอยากให้เธอมาที่นี่’ อัลดิช กล่าวพูด
วาเลร่า พยักหน้าทันที ‘เข้าใจแล้ว นายท่าน’
อัลดิช รอเพียง 3 วินาที ก่อนที่ วาเลร่า จะปรากฏตัว โดยเธอพุ่งทะลุผ่านเพดานของห้องเทคโนและลงจอดที่ด้านข้างของ อัลดิช พร้อมกับ ก้มศีรษะลง
“ข้ากำจัดมนุษย์ที่น่ารังเกียจเหล่านั้นหมดแล้ว” วาเลร่า กล่าวพูดพร้อมกับเลือดสีแดงที่เปรอะเปื้อนไปที่วร่างกายของเธอ จากนั้นเลือดเหล่านี้ ก็ได้ถูกซึมซับเข้าไปในร่างกายของเธอทั้งหมด โดยเธอได้จ้องมองไปที่ นักเทคโน 2 คน และ ส่งเสียงออกมา “ให้ข้าจัดการพวกเขาเลยหรือไม่?”
“ไม่ พวกเรายังจำเป็นจะต้องถ่ายรูป” อัลดิช กล่าว
“ถ่ายรูป?” วาเลร่า รู้สึกสงสัย
“จริงสิ เธอไม่รู้ว่ากล้องคืออะไรสินะ” อัลดิช กล่าว “มันเหมือนกับ…คริสตัลที่สามารถบันทึกภาพของเราได้”
“โอ้ นี่เป็นการกระทำเพื่อรำลึกถึงการสังหารในครั้งนี้ใช่หรือไม่?” วาเลร่า กล่าวออกมา “ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นายท่าน!”
วาเลร่า ได้พิงไหล่ของ อัลดิช อย่างเขินอาย และ มองไปข้างหน้า เพื่อรอให้ภาพของพวกเขาถูกบันทึก
“เอ่อ…จะต้องถ่ายภาพแยกกัน” หนึ่งในนักเทคโน ได้กล่าวพูดออกมา
“แกกล้ามาขัดขวางช่วงเวลานี้งั้นหรือไม่?” วาเลร่า ได้ส่งเสียงดังและเผยเจตนาฆ่าที่รุนแรงออกมา
“พวกเราจะถ่ายรูปคู่ด้วย เช่นนั้นก็ถ่ายไปเถอะ” อัลดิช กล่าว “จากนั้นพวกเราจะถ่ายรูปเดี่ยวสำหรับบัตรประจำตัวของพวกเรา”
“ขะ…เข้าใจแล้ว” หนึ่งในนักเทคโน ได้กล่าว เขาถ่ายภาพโดยจ้องมองไปที่ อัลดิช และ วาเลร่า จากนั้นก็กดปุ่มบนแว่นตาที่บังหน้า
“ตอนนี้ พวกเราจะถ่ายรูปแยกกัน” อัลดิช พูดขึ้น
“ค่ะ นายท่าน” วาเลร่า พูดออกมาขณะที่รอยยิ้มของเธอได้เบิกบานเป็นอย่างมาก
นักเทคโน ได้ถ่ายรูปทีละภาพ แล้ว เอา CID ของ อัลดิช วางลงไปบนแท็บเล็ตที่เชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ โดยใช้ปลั๊กเสียบผ่านเบ้าหัว
“กระบวนการนี้ใช้เวลานานแค่ไหน?” อัลดิช กล่าว “และอย่าแม้แต่จะคิดโทรหาคนช่วยเหลือ เพราะ ฉันให้เวลาพวกแกแค่ 20 นาที หากยังไม่เสร็จ ฉันจะยิงพวกแกทั้งคู่”
“อา…พวกเราเข้าใจแล้ว พวกเราจะเร่งมือให้เร็วที่สุด” นักเทคโน กล่าวออกมา
“เช่นนั้นฉันหวังว่าพวกแกจะเร่งมือให้เร็วมากยิ่งขึ้น” อัลดิช กล่าวพูดอย่างเรียบง่าย
=
เขาให้เวลา 20 นาที แต่นักเทคโนเหล่านี้ก็ทำงานเสร็จภายใน 15 นาที
โดยพวกเขาได้มอบโทรศัพท์ที่ปลดล็อคของ โกสต์ และ CID ใหม่ของ อัลดิช
อัลดิช รวบรวมทุกอย่างไว้ในกระเป๋าของโกสต์แล้วรูดซิปขึ้น
“พวกเราทำงานให้คุณเสร็จแล้วใช่มั้ย เช่นนั้นคุณจะปล่อยพวกเราไปได้หรือยัง?” หนึ่งในนักเทคโน ได้กล่าวพูดออกมา
เพียงแต่ อัลดิช ได้ยิงปืนไปที่ศีรษะของ นักเทคโนคนนึงจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น
ในขณะเดียวกัน วาเลร่า ก็ฮัมเพลงออกมาอย่างมีความสุข ขณะที่เธอจ้องมองไปที่ รูปถ่ายของเธอกับอัลดิช จากนั้นก็เอามือ แตะแก้มของเธออย่างเขินอาย
“เชี่ย! ไหนคุณบอกว่าจะปล่อยพวกเราไป!” นักเทคโน อีกคนได้กล่าวพูดออกมา
อัลดิช ชี้ปืนไปที่อีกฝ่ายและตอบกลับ “ฉันไม่เคยบอกว่าจะปล่อยพวกแกไป อีกทั้ง พวกแกทั้ง 2 คนยังปากสว่างอีกด้วย”
“แต่พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย!” นักเทคโน กล่าวออกมา “ที่ฉันทำงานด้านนี้ ก็เพราะทำตามคำสั่งเท่านั้น!”
“คำสั่ง?” อัลดิช พึมพัมออกมา “โอ้ ใช่แล้ว คำสั่ง ก็พวกแกเป็นพวกเดียวกัน หาก ฉันไม่ได้มีความสามารถมากพอ พวกแกก็คงจะจัดการฉันได้ไปแล้วถูกมั้ย?”
“มันเป็นเรื่องง่ายที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง หากว่านั่นคือสิ่งที่ดีต่อแก”
“แต่แกรู้อะไรไหม ฉันล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าแกจะปฏิบัติตามคำสั่งได้มากน้อยแค่ไหน”
“และนี่คือคำสั่งสุดท้ายของฉัน ฉันต้องการให้แก ‘ตาย’”
อัลดิช ยิงปืนไปที่ศีรษะของ นักเทคโน คนสุดท้าย โดย พลังงานสายฟ้าได้เจาะไปที่กะโหลกศีรษะของเขาในทันที
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะเผาที่นี่แล้ว” อัลดิช กล่าวพร้อมกับ เตรียมความพร้อม โดยคิดจะจุดประกายไฟเพื่อเผาไหม้สถานที่แห่งนี้ เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ข้างหลัง