Chapter 4
เย่เฉินมาถึงที่ที่มีเส้นเลือดมังกร แต่สิ่งที่เขาพบมีแต่ซากไร้ประโยชน์ที่หลินเทียนทิ้งไว้เท่านั้น
เขามาที่นี่หลังจากได้รับคำแนะนำมากมายจากอาจารย์ของเขา ซึ่งหนึ่งในคำแนะนำนั้นคือ แผนที่เส้นเลือดมังกร
แต่พอเขามาถึง มันก็เหลือแต่ซาก
เส้นเลือดมังกรถูกใครบางคนเอาไปแล้ว!
ใบหน้าของเขาก็หม่นหมองทันที มือของเขากำแน่นและกัดฟัน
“ฉันอุสส่าหาสิ่งนี้มาเป็นเดือน แต่มีไอ้เวรที่ไหนก็ไม่รู้ชิงตัดหน้าฉันไปแล้ว!”
“บัดซบ! คนอื่นไม่น่าจะรู้จักสิ่งนี้สิ จะมีคนมาเอาก่อนฉันได้ยังไง!” เย่เฉิน
พูดอย่างโกรธเคือง
เพราะอาจารย์ของเขาบอกว่ามันเป็นสมบัติที่สามารถเพิ่มฐานการฝึกฝนและพรสวรรค์ของเขาได้
เมื่อเห็นว่าโอกาสที่จะได้พัฒนาตัวเขาถูกแย่งไป เย่เฉินก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่ทำได้เพียงกำหมัดและกัดฟัน
“ถ้าฉันเจอตัวคนๆนั้นเมื่อไร ฉันสาบานว่าจะส่งมันไปนรกทันทีแน่ๆ!” เมื่อคิดถึงสิ่งถูกแย่งไป เขาสบถด้วยดวงตาที่เย็นชาและโหดร้าย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามันไป แต่เมื่อมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าคนๆ นั้นจะเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง บางทีเขาอาจอยู่ในระดับของจักรพรรดิยุทธ์
เขาไม่กลัวจักรพรรดิยุทธ์ ถึงการฝึกฝนของเขาจะอยู่ที่ระดับ 4 ของฐานก่อตั้งวิญญาน แต่เขามีเทคนิคลับที่สามารถต่อสู้กับคนแบบนั้นได้
“ฉันจะกลับไปก่อน และให้เฉาลี่ตรวจสอบว่ามีใครอยู่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์ในเมืองชิงไห่หรือไม่ เมื่อฉันพบมันแล้ว ฉันจะกำจัดพวกมันให้หมด!” เย่เฉินกล่าวอย่างชั่วร้าย
เฉาลี่เป็นเพื่อนของเย่เฉินซึ่งเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเฉาตระกูลเฉาเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงไห่ รองจากตระกูลไป่
เย่เฉินช่วยปู่ของเฉาลี่เอาไว้ ดังนั้นเขาและตระกูลเฉาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฉาลี่ เขาถือว่าเย่เฉินเป็นเหมือนพี่ชายของเขา
“มีคนมา!” เย่เฉินกล่าวด้วยความประหลาดใจ
เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังมากมายที่ใกล้เข้ามาเย่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบออกไปทันที
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะแสดงพลังของเขา
เขายังต้องหลบซ่อน อย่างน้อยก็หลังจากพบคนที่ฉวยโอกาสของเขาแล้ว
….
ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างสองร่างเดินตรงเข้ามา สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
“เจียงไป่ ดูเหมือนว่าจะมีวัตถุโบราณที่แข็งแกร่งมากหลับใหลอยู่ที่นี่ มันดึงดูดผู้คนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์ให้เข้ามา และเมื่อดูจากสถานการณ์รอบๆ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง” ชายวัยกลางคนร่างผอมพูดกับชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแรงที่อยู่ฉันงๆ เขา
“นอกจากนี้ ฉันยังรู้สึกถึงออร่าของใครบางคน แม้ว่ามันจะอ่อนแอกว่า แต่เขาอาจอยู่ที่ระดับก่อตั้งวิญญานหรือกษัตริย์ยุทธ์” ชายวัยกลางคนร่างผอมพูดต่อ
ชื่อของเขาคือถังหลิงรองหัวหน้าเมืองฉินไห่และถัดจากเขาคือเจียงไป่หัวหน้าเมืองฉินไห่
ทั้งสองคนเป็นผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่ง
เจียงไป่อยู่ที่ระดับกษัตริย์ยุทธ์และถังหลิงอยู่ที่ระดับจิตวิญญาณตั้งต้น
“ฉันไม่รู้ว่าคนที่อยู่ระดับจักรพรรดิยุทธ์เขาเป็นใคร แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาจากเมืองชิงไห่” ถังหลิงขมวดคิ้ว เพราะการมีจักรพรรดิยุทธ์ในเมืองชิงไห่ไม่น่าใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“แต่ที่แน่ๆ การที่หน้าผมบนภูเขาหลงโบนี้ถูกทำลาย มันเป็นเพราะพวกเขาแน่ๆ แต่พอมองไปรอบๆ มันไม่มีร่องรอยของคนสองคนที่สู้กันเลย เป็นไปได้ว่าใครบางคนในระดับจักรพรรดิยุทธ์ถล่มภูเขา จากนั้นก็มีคนมาพบเข้า” ถังหลิงกล่าวหลังจากมองไปรอบๆ
“พวกเขามาตามหาสมบัติที่นี่เหรอ? ภูเขาหลงโบมีตำนานที่มีชื่อเสียงอยู่ หากจักรพรรดิยุทธ์มาที่นี่ ตำนานนั่นคงจะเป็นเรื่องจริงละมั้ง?” ถังหลิงพูดต่อ
ถังหลิงไม่เข้าใจ มันเป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิยุทธ์จะทำลายภูเขาหลงโบแบบไม่มีเหตุผล
เนื่องจากไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือมีสมบัติมรดกอยู่ที่นี่จริงๆ
มีข่าวลืออยู่ตลอดว่ามีสมบัติลับบนภูเขาหลงโบ
“คนๆนั้นเชื่อข่าวลือนี่จริงๆเหรอเนี่ย?” ถังหลิงกล่าวอย่างสับสน
“ฉันจำได้ว่ามีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งหลายคนมาที่นี่เพื่อตรวจสอบมัน แต่พวกเขาก็ออกจากภูเขามือเปล่า” ถังหลิงดูสับสน เมื่อมีคนเชื่อในตำนานของภูเขาหลงโบจริงๆ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่สมบัติน่าจะถูกคนรุ่นก่อนๆเอาไปหมดแล้วสิ?
“ลืมมันไปเถอะ ในตอนนี้มีจักรพรรดิยุทธ์อยู่ในเมืองชิงไห่ เราต้องเสริมกำลังผู้พิทักษ์และเฝ้าระวังทุกวิถีทาง”
คราวนี้เป็นเจียงไป่ที่พูด การมีอยู่ของจักรพรรดิยุทธ์นั้นอันตราย แม้ว่าจะมีเพียงคนเดียว ก็สามารถใช้พลังยึดอำนาจของทั้งเมืองได้
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไว้วางใจสถานการณ์ตอนนี้ได้
"เข้าใจแล้ว" ถังหลิงพยักหน้า
…..
วิลล่าส่วนตัวของหลินเทียน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและตอนกลางคืนก็สิ้นสุดลง
เมื่อคือหลินเทียนรวบรวมพลังที่อยู่ในผลเทียนเซียนที่เพิ่งกินเข้าไปในในร่างกายของเขา หลังจากนั้นเขาก็เข้านอน
หวืดดด หวืดดด!
โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นบนเตียงของเขา
หลินเทียนสะลือสะลือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คนที่โทรเข้ามาปลุกหลินเทียนแต่เช้านั่นคือ ลู่หาว
เมื่อได้เห็นชื่อนี้ หลินเทียนก็เค้นความจำจากร่างของตนทันที
เขาเป็นรุ่นที่สามของตระกูลลู่ในเมืองเทียนไห่ มันเป็นของตระกูลชั้นยอด แต่ไม่ได้เป็นตระกูลโบราณ
ในความทรงจำของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลู่หาวนั้นดีมาก เพราะลู่หาวนั้นก็ขี้เกียจพอๆกับเขา ทั้งสองมักจะไปเที่ยวสนุกที่บาร์ด้วยกัน
“หลินเทียน นายอยู่ที่ไหน” เสียงของหลู่ห่าวดังขึ้นหลังจากที่เขารับสาย
“ฉันเพิ่งตื่น เมื่อวานฉันค่อนฉันงเหนื่อยเลย เลยอยากนอนเยอะๆอะ”หลินเทียนตอบกลับไปด้วยความงัวเงีย
"เอ้า นี่นายลืมเรื่องของวันนี้แล้วเหรอ?” ลู่หาวบ่นหลินเทียน
“ห้ะ วันนี้มีอะไร?” หลินเทียนถาม
“หลินเทียน แกมันเป็นชนชั้นสูงขี้ลืมจริงๆ วันนี้เป็นวันเกิดปีที่ 18 ของลูกสาวตระกูลฮั่นไงล่ะ”ลู่หาวได้ตอบกลับ
"วันเกิด?" เมื่อได้ยินชื่อลูกสาวของตระกูลฮั่น เขาก็เข้าใจ
เธอชื่อ ฮั่น เสี่ยวหยู ลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลฮั่น ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นนำในเมืองเทียนไห่
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว นายไปก่อนเลย ฉันขอเตรียมตัวแปปนึง” หลินเทียนกล่าว
“โอเค ตกลง จริงๆฉันก็จะไปรับนายแหละ แต่พอคิดดูดีๆ การที่รอนายอาบน้ำ กับการที่รอผู้หญิงแต่งตัว ชั้นไปหาผู้หญิงดีกว่า ลาก่อนเพื่อนรัก” นอกจากคำพูดของลู่หาวจะจบลงแล้ว การโทรก็จบลงด้วย
หลินเทียนยิ้มและส่ายหัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขามักจะอาบน้ำนานมากๆอยู่เสมอ แต่คราวนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้น
ที่หลินเทียนชอบอาบน้ำนานๆไม่ใช่เพราะนิสัยแปลกๆ หรือว่าอะไรที่ไม่ดี เขาแค่รักความสะอาดมากๆเท่านั้นเอง
…
เขาอาบน้ำเตรียมตัวและแต่งตัวทางการ
เขาไม่พลาดงานวันเกิดงานนี้แน่ๆ เพราะพองานใกล้จะจบ ก็มีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น
ฮั่นเสี่ยวหยูมีร่างกายพิเศษ เป็นร่างกายหยินบริสุทธิ์
ในเวลานั้นมีผู้ฝึกตนสายมารอยู่ที่นั่น และเขารู้ว่าฮั่นเสี่ยวหยูมีร่างกายที่พิเศษ เขาจึงลักพาตัวเธอ
แล้วเย่เฉินก็จะมาขัดขวาง ด้วยเหตุนี้พ่อของฮั่นเสี่ยวหยูจึงรู้สึกขอบคุณเย่เฉินมาก
เนื่องจากพ่อของฮั่นเสี่ยวหยูมีตำแหน่งสูงในสำนักหกทวาร เย่เฉินจึงกลายเป็นแขกพิเศษ และสำนักหกทวารก็สนับสนุนเขา
สำนักหกทวารเองก็เป็นหนึ่งในอำนาจสูงสุดในประเทศฉิน คล้ายกับนิกาย แต่เป็นทางการมากกว่า
…
ตอนเที่ยง หนึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มงาน หลินเทียนขับรถสปอร์ตจากวิลล่าไปที่บ้านของตระกูลฮั่น
ระยะทางระหว่างวิลล่ากับบ้านสาวไม่ไกลมากนัก หลังจากขับรถไป 40 นาที เขาก็มาถึงที่หมาย
เขาจอดรถของเขา แล้วส่งจดหมายเชิญให้ยามตรวจ