ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 146 เหลี่ยมชนขอบประตู
ตอนที่ 146 เหลี่ยมชนขอบประตู
ณ ด้านหน้าหมู่บ้าน
หลังจากผ่านไปได้ประมาณ 20 นาที ประตูหมู่บ้านก็เปิดออก หลินฟานและทหารกองทัพตระกูลหลินค่อย ๆ ทยอยเข้าหมู่บ้าน
เมื่อหลินฟานเข้ามาในหมู่บ้านเขาก็เห็นปืน 1 กอง มีด 1 กอง และกลุ่มคนประมาณ 1,000 คน นั่งรวมตัวกันอยู่
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน!
หลินฟานพยักหน้าพอใจกับภาพด้านหน้า จากสภาพที่เห็น เห็นได้ชัดว่าหวังเทียนทำตามที่เขาต้องการ อาวุธที่ดูอันตรายทั้งหมดเหมือนจะโดนร่วมเอาไว้เรียบร้อย
ระหว่างกำลังมองภาพด้านหน้าด้วยความพอใจ หลินฟานก็มองเห็นหวังเทียนและคนอีกคนที่หน้าตาคล้ายหวังเทียน กำลังตรงมาทางเขา
“เจ้านั่นคือหวังหยานสินะ!”
หลินฟานคิดในใจ เขาสามารถระบุตัวได้จากชุดที่ใส่และหน้าตา
เมื่อมาหยุดต่อหน้าหลินฟาน หวังหยานก็ปั้นหน้ายิ้มแล้วเริ่มพูดว่า
“ ผมคือหัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่ครับ ในฐานะของหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ ผมขอเป็นตัวแทนของชาวบ้านพูดว่าพวกเรายอมรับการปกครองของกองทัพตระกูลหลิน พวกเราจะทำงานให้กองทัพตระกูลหลินครับ
“อีกอย่าง หมู่บ้านของเรามีต้นข้าวกลายพันธุ์อยู่ครับ ผมเชื่อว่าท่านจอมพลต้องชอบมันแน่ถ้าท่านได้เห็นพวกมัน”
น้ำเสียงของหวังหยานเต็มไปด้วยความนอบน้อม แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
หลินฟานตอบว่า
“ต้นข้าวกลายพันธุ์ที่ต้องให้ศพหรือเนื้อจากสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร จากนั้นมันก็จะออกเม็ดข้าวออกมา แกกำลังพูดถึงต้นข้าวแบบนี้อยู่หรือเปล่า?”
“ครับ???”
หวังหยานอุทานแปลกใจ
ตั้งแต่ที่วันโลกาวินาศเริ่มต้นขึ้น มีกลุ่มหลายกลุ่มเดินทางผ่านหมู่บ้านต้นข้าว แต่หลายกลุ่มที่เดินทางผ่านก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่เจอต้นข้าวแบบต้นข้าวกลายพันธุ์เลยสักครั้ง
เพราะถามมาแล้วหลายกลุ่ม หวังหยานเลยคิดว่าต้นข้าวกลายพันธุ์คงเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น
แต่… ทำไมหลินฟานถึงอธิบายระบบทำงานของต้นข้าวกลายพันธุ์ได้ล่ะ
มันเกิดอะไรขึ้น! หลินฟานรู้เรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์ได้ยังไง!
ในระหว่างที่หวังหยานกำลังจุมอยู่ในความคิดของตัวเอง หลินฟานก็ออกคำสั่งอีกว่า
“เล็ง”
แก๊ก!
แก็ก!!
แก็ก!!!
สิ้นสุดคำสั่งของหลินฟาน ทหารกองทัพตระกูลหลินต่างก็ยกปืนขึ้นแล้วเล็งไปยังชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันอยู่ เนื่องจากตั้งแต่เข้ามาในหมู่บ้านทหารกองทัพตระกูลหลินก็กระจายตัวออกทันที ทำให้ตอนนี้ทุกทิศรอบ ๆ ตัวกลุ่มชาวบ้านเต็มไปด้วยกระบอกปืน
หลินฟานมองไปทางหวังเทียนที่กำลังมองไปทางกองปืน จากนั้นก็รีบเตือนว่า
“คิดว่าขาแกกับลูกปืนอะไรมันจะเร็วกว่ากัน ถ้าอยากลองก็ลองได้”
“…”
หวังเทียนไม่ได้ตอบอะไร เขาทำแค่หันหน้าหนีดวงตาของหลินฟาน
อันที่จริงหวังเทียนก็ไม่กล้าอยู่แล้ว เพราะถึงเขาจะได้ปืนมาอยู่ในมือเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้กับทหารกองทัพตระกูลหลินนับพัน แถมยังต้องสู้กับรถหุ้มเกราะอีก มีแค่ปืนก็ไม่ต่างอะไรจากเอาไข่ไปตีหิน
ต่างจากหวังเทียน หวังหยานกำลังมองหลินฟานด้วยใบหน้าใจเย็น
หวังหยานเปิดปากพูดว่า
“ ท่านจอมพล ท่านทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไงครับ พวกเราหมู่บ้านต้นข้าวยอมจำนนต่อกองทัพตระกูลหลินแล้ว พวกเรายอมแล้วท่านน่าจะปล่อยพวกเราไปตามสัญญาที่ท่านบอกไว้สิครับ อีกอย่าง การที่ท่านทำแบบนี้คิดว่าพวกเบื้องบนในกองทัพตระกูลหลินจะปล่อยท่านไปเหรอครับ
“ที่สำคัญที่สุด ผมไม่รู้ว่าท่านรู้เรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์มากแน่แค่ไหน แต่ถ้าไม่มีผมผู้ที่มีทักษะการเพราะปลูกข้าว ข้าวพวกนั้นก็ไม่ให้ผลผลิตครับ ก่อนท่านทำอะไรโปรดท่านคิดให้รอบคอบด้วย”
น้ำเสียงของหวังหยานไม่ใช่น้ำเสียงของคนกำลังกลัว แต่มันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“หึ!”
หลินฟานจิปาก จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า
“เลเวล : 10 พลัง : HP:22 SP:15 MP:10 คุ้น ๆ ไหม?”
หวังหยานหน้าซีด เขาไม่ได้ตอบอะไรจากสิ่งที่หลินฟานพูดออกมา
ส่วนเหตุผลที่ทำให้หวังหยานหน้าซีดก็เป็นเพราะนั่นคือข้อมูลของตัวเขาเอง หวังหยาถามมาหลายกองกำลังแล้วว่ามีวิธีตรวจสอบพลัง หรือสถานะคนอื่นไหม และแต่ละกองกำลังก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้งว่า ไม่มี!
เพราะแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่สามารถตรวจสอบสถานะของตัวเองได้ หวังหยานเลยใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้บอกว่า ถ้าไม่มีเขาต้องข้าวก็ไม่ออกผลผลิต! นี่คือสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ว่าจะใช้เป็นเครื่องต่อรอง แต่ตอนนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว หวังหยานไม่คิดมาก่อนว่าหลินฟานจะมองเห็นสถานะของตัวเองได้แบบนี้
มืดแปดด้าน! นี่คือความรู้สึกของหวังหยานเวลานี้
“พะ… พ่อ พวกเราจะเอายังไงต่อ?”
หวังเทียนถามเบา ๆ ให้ได้ยินเพียง 2 คน
หวังหยานตอบว่า
“ใจเย็นก่อน มันคงไม่ฆ่าพวกเราจริง ๆ หรอก มันอายุแค่นี้คงเป็นแค่ทหารระดับสูงธรรมดา มันต้องมีพวกอยู่สูงกว่ามันในกองทัพตระกูลหลินแน่ และตอนนี้พวกเราก็ยอมเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลหลินแล้ว ฆ่าพวกเราก็เหมือนฆ่าคนของกองทัพตระกูลหลิน และฆ่าคนที่ยอมแพ้แล้วก็จะทำให้มันเสียชื่อเสียงในกองทัพตระกูลหลิน เพราะงั้นไม่ต้องกลัว มันไม่มีทางทำอะไรพวกเราหรอก นี่มันแค่การขู่เท่านั้น บางทีมันคงจะอยากเอาคืนแก”
“คือ…”
หวังเทียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง หลังจากที่ได้ยินหวังหยานพูดมาเขาก็รู้ว่าลืมเล่าเรื่องบางเรื่องให้พ่อของตัวเองฟัง
แต่ก่อนที่หวังเทียนจะพูดอะไรออกมา หลินฟานก็พูดขึ้นก่อนว่า
“ออกมา!!”
เมื่อได้รับคำสั่งของหลินฟาน ซูเป่ยก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากด้านหลังของทหารกองทัพตระกูลหลิน
วินาทีที่หวังหยานเห็นซูเป่ย เขาก็เข้าใจเรื่องทุกอย่าง
ใบหน้าของเขาขาวซีดเพราะความกลัว หวังหยานตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายต่อตัวเขาขนาดไหน