ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 86 การตื่นขึ้นของปีศาจ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 86 การตื่นขึ้นของปีศาจ
แปลโดย iPAT
ตอนนี้สามคนตาย อีกสองคนพิการ พวกเขาไม่สามารถต่อต้านเฟิงจางได้อีกต่อไป ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็กลัวเฟิงจางจะตอบโต้อย่างไร้ปรานี
เสี่ยวอันไม่หนี เขาคุกเข่าลงบนพื้นด้วยกระดูกที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เขามองทะเลเพลิงด้วยเลือดสองสายที่ไหลลงมาจากเบ้าตา เขาเปิดปากแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่าเขากำลังสะอื้นไห้
เฟิงจางหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ดูเหมือนข้าจะต้องทำด้วยตนเอง”
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้รอยยิ้มของเขากลับกลายเป็นแข็งค้าง กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นด้านหลังเขา มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังลืมตาตื่น
ท่ามกลางกองไฟ เสียงคำรามที่ดุร้ายดังขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันฟังดูไม่เหมือนเสียงที่มนุษย์จะสามารถสร้างได้ เฟิงจางหันกลับไปและเห็นร่างสีดำลุกขึ้นจากทะเลเพลิง มันสูงสิบฟุตพร้อมเขาคู่หนึ่งที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
แสงสีแดงสองจุดส่องประกายขึ้นเหมือนดวงตาของร่างสีดำ
ย้อนกลับไปขณะที่หลี่ฉิงซานเผชิญหน้ากับความตาย เขาสามารถทะลวงขอบเขตเข้าสู่ขั้นแรกของเคล็ดวิชาหมัดปีศาจพยัคฆ์ได้โดยไม่คาดคิด
เขารู้สึกว่าร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด ทุกสิ่งราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แปรสภาพ และหลอมรวมขึ้นใหญ่ เปลวเพลิงไม่สามารถเผาร่างของเขาแต่เขายังกลัวที่จะเปิดเปลือกตาขึ้น
คำพูดของวัวดำดังขึ้นในหูของเขาอีกครั้ง “เมื่อเจ้าบรรลุขั้นแรกของทั้งสองหมัด เจ้าจะได้เรียนรู้ความสามารถที่แท้จริงของมัน”
แม้ดวงตาของเขาจะปิดสนิทแต่เขายังรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของเสี่ยวอันและได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของเด็กน้อย
เสี่ยวอัน!
ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายผุดขึ้นในใจของเขาและทำให้เขาระเบิดเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลี่ฉิงซานลุกขึ้นยืนในกองไฟและเปิดเปลือกตาขึ้น แสงสีแดงไม่ได้ซ่อนอยู่ในรูม่านตาของเขาอีกต่อไปแต่มันเผยตัวออกมาอย่างสมบูรณ์ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและเหยียบศีรษะไม้ของเทพแห่งขุนเขาจนแตกสลาย
ภายใต้แรงกดดันที่มองไม่เห็น เปลวเพลิงราวกับดอกบัวที่ผลิบานอยู่ใต้เท้าของเขาขณะที่เขาก้าวออกมา
ทุกคนที่ยังมีชีวิตต่างกลั้นหายใจและเบิกตากว้าง
ร่างขนาดมหึมาดูแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก ผิวของมันเป็นสีดำสนิทเหมือนหลอมมาจากเหล็กดำ ลวดลายลึกลับแผ่ขยายจากศีรษะไปยังแขนและขาทั้งสี่ เท้าของร่างนี้เป็นกีบเท้าเหล็กขณะที่มือเป็นกรงเล็บที่แหลมคม
เขากระทิงคู่นั้นราวกับสามารถแทงทะลุท้องฟ้า เส้นผมสีแดงเพลิงของเขาเต้นรำอยู่ท่ามกลางแสงไฟ
ตำนานเทพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นที่นี่!
เฟิงจางสอดมือเข้าไปในหน้าอก แต่ทันใดนั้นสายลมพลันกรรโชกแรง เส้นผมสีแดงปัดผ่านใบหน้าของเขาทำให้เส้นขนทั่วร่างของเขาชูชันขึ้นพร้อมกับฟันและร่างกายที่สั่นสะท้านอย่างแรง
เขาไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอีกต่อไป ความคิดเดียวที่เหลืออยู่ของเขาคือวิ่ง! ปีศาจหรือสัตว์อสูร แม้จะระดับต่ำก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขั้นสองเช่นเขาจะสามารถรับมือได้
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของหลี่ฉิงซานไม่ใช่เฟิงจางแต่เป็นลู่ติงรุ้ย ตั้งแต่นางเห็นหลี่ฉิงซานโผล่ออกมาจากกองไฟ นางก็หันหลังกลับและวิ่งหนีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พลังของยันต์เคลื่อนวายุยังอยู่ ดังนั้นนางจึงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่นางอยู่กลางอากาศ กรงเล็บขนาดใหญ่ก็พุ่งมาจากด้านหลังและคว้าศีรษะของนางเอาไว้ หลี่ฉิงซานกล่าว “บอกข้า ผู้ใดคือสัตว์ประหลาด!” เสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบมาก มันยังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันที่น่าสะพรึงกลัว
ลู่ติงรุ้ยอ้าปากแต่นางไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา นางเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งที่ท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพมาระยะหนึ่งแล้ว แต่นางไม่เคยเห็นปีศาจตัวจริงมาก่อน นางรู้สึกเหมือนตนเองเป็นหนูที่อยู่ในอุ้งเท้าแมว ภายใต้แรงกดดันมหาศาล มันทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าความตย
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!” อาวุธลับจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งปะทะร่างของหลี่ฉิงซานและทำให้เกิดประกายไฟขึ้นเป็นชุด หลี่ฉิงซานหันกลับและกล่าวว่า “หายไปซะ!”
คลื่นเสียงที่บรรจุปราณปีศาจเหมือนค้อนขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ากระแทกชูซินและส่งเขาลอยกลับหลังไปไกลกว่ายี่สิบเมตร ศีรษะของเขายุบและเอียงไปข้างหนึ่ง เขาไม่สามารถตายได้มากกว่านี้
นักสู้ชั้นสองกระโดดขึ้นจากพื้น เขาติดยันต์ไว้บนดาบและทำให้แสงสว่างไสวขึ้น เดิมทีเขาแกล้งตาย แต่ตอนนี้เขาต้องการใช้โอกาสนี้ลอบโจมตีหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานที่กำลังหันหลังกลับส่งหางพยัคฆ์กวาดไปในอากาศราวกับแส้เหล็กและตัดผ่าร่างของนักสู้ชั้นสองผู้นั้นออกเป็นสองส่วน
หลี่ฉิงซานชำเลืองมองหางของตนเองด้วยความประหลาดใจก่อนจะใช้มือบดขยี้ศีรษะของลู่ติงรุ้ยที่อยู่ในมือราวกับผลแตงโม
ในเวลาต่อมา เขาก็หายตัวไปจากจุดนั้นอย่างกะทันหัน
เขาปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้านักสู้ชั้นสองและนักสู้ชั้นสามที่เหลือทีละคนและทำการสังหารหมู่อย่างไร้ปรานี ภายในเวลาไม่กี่วินาที ไม่มีผู้ใดเหลือรอด มีเพียงเฟิงจางเท่านั้นที่พยายามหลบหนีลงจากภูเขาอย่างบ้าคลั่ง
หลี่ฉิงซานย่อตัวลงเล็กน้อยทำให้พื้นดินรอบข้างยุบตัวลง จากนั้นเขาก็ทะยานร่างออกไป
เฟิงจางที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดถูกร่างสีดำที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้ากดทับด้วยน้ำหนักมหาศาล
ทักษะของเฟิงจางค่อนข้างน่าประทับใจ แต่ต่อหน้าหลี่ฉิงซานในเวลานี้ เขาไม่แม้แต่จะสามารถตอบโต้ เลือดพุ่งออกมาจากปากขณะที่เขากรีดร้อง “ปีศาจ เจ้าเป็นปีศาจ!” มือของเขาตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นแต่ไม่มีทางที่เขาจะสามารถต่อต้านความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซานได้ แม้หลี่ฉิงซานจะยกเท้าขึ้นแต่อวัยวะภายในและกระดูกของเฟิงจางก็ถูกบดขยี้ไปหมดแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่เพียงเพราะพลังปราณของเขาเท่านั้น
หลี่ฉิงซานก้มลงกล่าว “ข้าจะฉีกแขนขาของเจ้าออกจากร่างทีละข้าง” แสงสีแดงในดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความเกลียดชังและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าปีศาจตนใด
ทันใดนั้นเสี่ยวอันก็พุ่งเข้ามาดึงมือของหลี่ฉิงซาน เด็กน้อยพยายามเรียกสติของฝ่ายหลัง แต่หลี่ฉิงซานกลับตะโกน “หลีกไป!”
เมื่อเห็นเสี่ยวอัน เศษเสี้ยวของเหตุผลในใจเขาก็แวบกลับมา เขาหยุดมือที่กำลังสะบัดออกไปแต่สายลมกรรโชกแรงยังส่งเสี่ยวอันกระเด็นกลับหลัง หลี่ฉิงซานจ้องมองด้วยความโกรธและตกใจ
“เสี่ยวอัน ข้า...ขอโทษ...” หลี่ฉิงซานยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนขณะที่แสงสีแดงในดวงตาของเขาลอดผ่านช่องว่างระว่างนิ้วออกมา
เสี่ยวอันเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
หลี่ฉิงซานพยายามระงับความคิดที่โหดรายต่างๆในใจของเขาเอาไว้และกระทืบเฟิงตายให้ตายอย่างรวดเร็ว เขามองมือทั้งสองข้างที่กลายเป็นกรงเล็บของสัตว์ร้ายขณะที่ความคิดมากมายพุ่งผ่านจิตใจของเขา เขาคุกเขาลงบนพื้นและส่งเสียงคร่ำครวญขึ้นสู่ท้องฟ้า
ท้องฟ้ามืดสนิท เมฆสีดำบดบังดวงจันทร์และดวงดาวเอาไว้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามเหนือม่านเมฆสีดำเป็นทะเลหมอกที่ทอดตัวไกลออกไปจนสุดสายตา ภายใต้แสงจากดวงจันทร์และดวงดาว มันเงียบราวกับสรวงสวรรค์
ร่างสีขาวยืนอยู่บนทะเลเมฆ ชุดของนางปลิวไปตามสายลม นางเหมือนเทพธิดาจากสวรรค์ ดวงตาของนางเรืองแสงสีทองราวกับดวงตาของนกอินทรีย์ที่มองลงไปด้านล่าง นางก็คือกู่เยี่ยนหยิน
ความรู้สึกของนางถูกต้อง เมื่อนางพบหลี่ฉิงซานใต้ต้นสน กลิ่นที่เด็กหนุ่มปลดปล่อยออกมาไม่ใช่กลิ่นที่เขาไม่ได้อาบน้ำแต่เป็นกลิ่นอายของปราณปีศาจ อย่างไรก็ตามมันอ่อนแอเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่แน่ใจนัก นั่นเป็นเหตุผลที่นางให้หลี่ฉิงซานดื่มสุราพุทธะร้อยปีเพื่อเพิ่มพลังปราณ เป็นเพียงหลังจากนั้นนางจึงสามารถยืนยันข้อสงสัยในใจ
พลังปราณของเขาแข็งแกร่งขึ้นแต่เขาไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจอมยุทธ์ขั้นสอง หลังจากทั้งหมดปราณปีศาจกับปราณมนุษย์เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน การจัดระดับของมนุษย์ที่เรียกว่าจอมยุทธ์ขั้นสองไม่สามารถใช้กับปีศาจ