ตอนที่แล้วEp.374 - ความคิดเห็นระหว่างประเทศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.376 - สืบข้อมูล

Ep.375 - ผู้ส่งสารมาเยือนอีกครั้ง


2/2

Ep.375 - ผู้ส่งสารมาเยือนอีกครั้ง

แม้คำพูดเชิงลบของหลายๆคนในเน็ตจะชัดเจนว่ามีเจตนาไม่ดีหรือมีอะไรแอบแฝง แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่ามันไม่มีมูลซะทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่สนใจบทวิเคราะห์หรือการประเมินต่างๆทางเน็ต ที่เขาสนใจ มีแค่เรื่องมุ่งมั่นพัฒนาพลังรบของตัวเองเท่านั้น

ในการต่อสู้ของเมืองหุบเขาเดียวดาย พลังรบของทุกคนเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า

ฉูเทียนหัว จ้าวหมิงกำลังจะอัพเลเวล 11 ในไม่ช้า ส่วนฮังอวี่แก่นแท้สีเขียวในตัวเขาเพิ่มขึ้นมาเกือบ 50% แล้ว แม้ยังห่างไกลจากการอัพเลเวล 12 อยู่กว่าครึ่ง แต่นั่นไม่ได้ขัดขวางฮังอวี่จากการอัพเลเวลสกิลของเขา

ฮังอวี่มีแต้มวิญาณเกือบๆ 9000 แต้มในตัว และมดยักษ์ช่วยกักเก็บแต้มวิญญาณเอาไว้อีกราวๆ 8000 กว่าแต้ม

ใช้งานมันให้หมด!

เนตรแห่งเงาอัพเลเวล 3!

สังหารลมกรดอัพเลเวล 3!

ปราณกระบี่ลมกรดอัพเลเวล 3!

สืบทอดมรดกขั้น 3 ของนักรบเงาลมกรดได้สำเร็จ!

[นักรบเงาลมกรด] มรดกขั้น 3 , ว่องไว +15 , พละกำลัง +10 , ค่าพลังชีวิต +14 , ค่าพลังจิต +10 , การโจมตีทางกายภาพ +10 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +9 , ความว่องไว +15% , ความเร็วในการปลดปล่อยสกิลต่อสู้ +30%

มรดกขั้น 3 เป็นอะไรที่เจ๋งมาก!

ในแง่โบนัสคุณสมบัติมันไม่ด้อยกว่าขุนนางคลั่งเลย

และหลังจากสืบทอดมรดกสำเร็จแล้ว เอฟเฟกต์ของสกิลทั้งสามก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

การมองเห็นและความคล่องแคล่วในการใช้งานของเนตรแห่งเงาทรงพลังยิ่งขึ้น

สังหารลมกรดจากเดิมสามารถใช้โจมตีลมกรดได้สี่ครั้งติดต่อกัน ตอนนี้เพิ่มมาเป็นหกครั้ง

ระยะเวลาคูลดาวน์ของปราณกระบี่ลมกรดลดลงเหลือเพียง 0.5 วินาที ถึงพลังทำลายจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่คูลดาวน์สั้นมาก ระยะโจมตีเกือบ 20 เมตร สามารถใช้โจมตีได้ทั้งในระยะสั้นและกลาง ช่วยเสริมเทคนิคทางยุทธวิธีได้เป็นอย่างดี

และระหว่างนี้ฮังอวี่ยังสามารถหาหินสกิลอื่นๆมาได้อีก เขาซื้อหินสกิลของนักลอบยิงมาได้สองก้อนจากในตลาด

หินสกิลทั้งสองก้อนนี้เรียกว่า : ศรเหยี่ยวจู่โจมและซุ่มยิงเงามืด

สกิลขั้น 2 ‘ซุ่มยิงเงามืด’ คือสกิลยกระดับของสกิลขั้น 1 ‘ศรซุ่มยิง’

นอกจากมีระยะยิงที่ไกลและทรงพลังกว่าศรซุ่มยิงแล้ว ระยะเวลาคูลดาวน์ยังสั้นกว่าศรซุ่มยิงมาก อีกทั้งเวลายิงออกไป ลูกศรจะล่องหน ไม่สามารถแยกแยะด้วยตาเปล่าได้ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ถูกยิงที่จะระบุว่าโดนยิงจากทิศทางไหน

นี่คือสกิลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลอบสังหาร

มันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่ใช้ลอบโจมตีมอนสเตอร์

สกิลขั้น 2 ‘ศรเหยี่ยวจู่โจม’ จะคล้ายกับสกิลขั้น 1 ‘ศรจู่โจม’ ทั้งคู่มีความเร็วและแรงกระแทกสูง สร้างเอฟเฟกต์เจาะเกราะและมึนงง

ศรเหยี่ยวจู่โจมเป็นการโจมตีจากฟ้า เมื่อเปิดใช้งาน ลูกศรจะพุ่งขึ้นเบื้องบน แต่จะไม่ตกในทันที มันจะเหินไปไกลเหมือนนกเหยี่ยว วนไปวนมากลางอากาศ และจะตกลงเมื่อผู้ยิงสั่งการ

บวกกับเอฟเฟกต์สกิลหลักของนักลอบยิง ‘ศรติดตาม’ หลังจากล็อคเป้าหมายโดยอัตโนมัติแล้ว เมื่อมันโจมตีจากบนฟ้า ก็ยากที่จะป้องกัน

สกิลศรเหยี่ยวจู่โจมและซุ่มยิงเงามืดเป็นสกิลสายลอบฆ่าที่ดีมาก

ฮังอวี่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ธนู แต่สกิลพวกนี้จำเป็นต้องเรียนรู้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถสืบทอดมรดก แต่ยังได้รับค่าคุณสมบัติใหม่ และเป็นกลยุทธ์เสริมสำหรับการต่อสู้ระยะไกล

หลังจากอัพเลเวลสกิลทั้งหมดจนเต็ม

ฮังอวี่ก็ได้รับสืบทอดรดกขั้น 2 เพิ่มอีกหนึ่งอาชีพ

[นักลอบยิง] มรดกขั้น 2 , ว่องไว +4 , จิตรับรู้ +3 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +2 , ค่าพลังชีวิต +1 , ระยะอาวุธธนู +10%

ทำให้ฐานค่าคุณสมบัติของฮังอวี่มีคร่าวๆดังนี้ : ค่าพลังชีวิต  180 , ค่าพลังจิต 134 , พละกำลัง +48 , ว่องไว +52.5 , ร่างกาย +19 , จิตวิญญาณ +9 , จิตรับรู้ +6 , การโจมตีทางกายภาพ +40……

จากวันแรกจนถึงวันนี้ เขาไม่นึกเลยว่าตัวเองจะแกร่งขึ้นถึงขนาดนี้!

เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ซูหยุนปิงอดทอดถอนหายใจไม่ได้ “รู้ตัวรึเปล่า ว่าตอนนี้นายกำลังกดดันฉันมาก!”

ฮังอวี่ยิ้ม พูดอย่างสงบ “นี่เป็นเรื่องปกติ ผมมีมรดกขั้น 3 สองอาชีพแล้ว คนระดับสูงย่อมสร้างแรงกดดันต่อคนระดับล่างเป็นธรรมดา เอาไว้อาจารย์สืบทอดมรดกขั้น 3 ได้เมื่อไหร่ ผลกระทบนี้ก็จะลดลงเอง”

ปัจจุบัน ซูหยุนปิงสามารถสืบทอดมรดกขั้น 2 ได้ 2 อาชีพแล้ว และยังได้เรียนรู้สกิลขั้น 3 อีกหลายสกิล เธอไม่ได้อ่อนแอกว่าฉูเทียนหัวมากนัก

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเทคนิคเสน่ห์ที่เป็นสกิลพรสวรรค์ของซูหยุนปิงยังไม่พัฒนาเต็มที่

แต่ก็น่าเสียดายจริงๆนั่นแหละ เพราะมรดกขั้น 3 ที่เธอขาดไปมันเหลือแค่สกิลหลักเท่านั้นเอง!

แต่ด้วยเหตุนี้เอง ยามอยู่เบื้องหน้าฮังอวี่ ซูหยุนปิงเลยรู้สึกกดดันมาก

มันเป็นความรู้สึกที่หญิงงามซูไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน

เธอมั่นใจว่าตัวเองมีค่าคุณสมบัติทางจิตที่สูงในระดับหนึ่ง เอาง่ายๆต่อให้เผชิญหน้ากับผู้นำระดับชาติก็ไม่เสียอาการ แต่ไม่ว่าคุณสมบัติทางจิตจะสูงส่งแค่ไหน มันก็ไม่สามารถต้านทานแรงข่มที่เกิดจากในระดับเซลล์ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า~

‘เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ....’

‘แม้จะพยายามตามให้ทัน แต่ดูเหมือนจะยิ่งไกลออกไป ฮ๊าาา!’

เกรงว่าคงมีแต่คนแบบนี้เท่านั้น ที่สามารถเป็นเจ้านายของอาจารย์ซูได้!

ซูหยุนปิงเอ่ยถาม “นายมีแผนจะทำอะไรต่อไป? เจอวิธีรับมือกับเมืองธารทะเลทรายแล้วรึยัง?”

“สบายใจได้ ผมมีแผนแล้ว เมืองธารทะเลทรายแข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องการทำลายมังกรคราม มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”

ฮังอวี่ยังคงสงบและมั่นใจ

เขากล่าวต่อว่า “ผมขอฝากอาจารย์ช่วยประกาศหาหินสกิลมรดกขั้น 3 ของ‘ปรมาจารย์เลือดเหล็ก’ กับ ‘มือยิงเทพเจ้า’ หน่อยนะครับ นอกจากนี้ ผมยังอยากได้มรดกขั้นต่อไปของจอมเวทย์บลิงค์ ‘นักท่องมิติ’ ด้วย ถึงจะหายากหน่อยก็เถอะ แต่ถ้ามีข่าว ขอให้ติดต่อผมทันที”

ซูหยุนปิงพยักหน้า “โอเค อยากได้อะไรอีกไหม?”

ฮังอวี่ยังระบุรายชื่อมรดกออกไปอีกสองสามอย่าง “นี่คือมรดกบางส่วนซึ่งเหมาะมากสำหรับช่วยเพิ่มค่าคุณสมบัติ คงได้หาซื้อพวกมันกันอีกยาวๆ เจ้าพวกนี้ไม่ว่าจะเพื่อผม อาจารย์ หรือเสี่ยวไป๋ ก็เหมาะที่จะสืบทอดมันทั้งนั้น ถึงไม่ใช่มรดกในสายอาชีพเดียวกัน แต่มันจะช่วยเพิ่มพลังรบให้พวกเราได้มาก”

“นอกเหนือจากนี้ ให้ประกาศออกไปว่าพวกเรายินดีรับซื้อสมบัติธรรมชาติและโพชั่นลับที่ช่วยเพิ่มฐานค่าคุณสมบัติที่มีคุณภาพสีเขียวใสและมีเลเวล 10 ขึ้นไป ถ้าไม่มี จะเป็นพวกอุปกรณ์หรือม้วนคัมภีร์คุณภาพสูงก็ได้”

“ตราบใดที่มันมีคุณภาพ เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา”

ซูหยุนปิงจดบันทึกไปพลางยิ้มไปพลาง “อีกไม่กี่วันเมืองเจียงเฉิงจะมีงานประมูล คุณพ่อส่งคำเชิญมาให้ฉัน ฉันตั้งใจว่าจะไป บางทีอาจได้ของดีๆติดไม้ติดมือกลับมา”

“ฮ่า ฮ่า ได้อาจารย์ซูลงมือ ผมก็มั่นใจ คงต้องรบกวนอาจารย์แล้ว!”

...

เมื่อแจกแจงสิ่งที่ต้องการเสร็จแล้ว

ฮังอวี่ก็รีบกลับไปยังโลกวิญญาณอีกครั้ง

การหลอมรวมระหว่างโลกจริงกับโลกวิญญาณนับวันยิ่งลึกซึ้ง

มนุษย์สามารถใช้เวลาอยู่ในโลกวิญญาณได้เฉลี่ยวันละ 14 - 15 ชั่วโมง

และหลังจบศึกใหญ่

เมืองหุบเขาเดียวดายก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นทันตา

“สวัสดีครับบอสฮัง!”

“บอสฮังขอให้เป็นวันที่ดี!”

หลังจากฮังอวี่ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหุบเขาเดียวดาย ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาต่างแสดงความเคารพเขา

เจียงหนานรีบวิ่งเข้ามาหลังจากได้ยินข่าว “มหาเทพฮัง! ในที่สุดพี่ก็มา!”

ฮังอวี่พยักหน้าให้เจียงหนาน “สองวันที่ผ่านมาดินแดนของพวกเราเป็นยังไงบ้าง?”

ตอนนี้เมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กพึ่งถูกยึดครอง ที่นั่นยังคงวุ่นวายและไม่มั่นคง ดังนั้นฮังอวี่เลยบอกให้เหล่าฉูกับเหล่าจ้าวแบ่งคนออกไป เพื่อจัดระเบียบดินแดนใหม่

หลังจากจ้าวหมิงกับ ฉูเทียนหัวไปเป็นขุนนาง

เจียงหนานในฐานะหนึ่งในเสาหลักที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมมากที่สุดในมังกรคราม

ตอนนี้เลยได้รับการเลื่อนตำแหน่งใหม่โดยฮังอวี่

ทำหน้าที่เป็นรองขุนนางเมืองหุบเขาเดียวดาย

เป็นธรรมดาที่เธอจะตอบรับตำแหน่งนี้ และรู้สึกขอบคุณมากที่ฮังอวี่เลือกเธอ สามารถได้เป็นรองขุนนางเมืองหุบเขาเดียวดายอันโด่งดัง ทำให้เด็กสาวรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ดังนั้นไม่กล้าอยู่เฉย

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา กิจการในเมืองส่วนใหญ่ เป็นเธอรับผิดชอบดูแล

“ทุกอย่างปกติดี!”

“และในโลกจริงพวกเรากำลังโฆษณาเชื้อเชิญอย่างหนัก”

“ตอนนี้จำนวนมนุษย์ที่ตัดสินใจเลือกมายังแคว้นเดียวดายเพิ่มขึ้นมาก!”

“จำนวนประชากกรมนุษย์เกิน 4000 คนแล้ว และสมาชิกของมังกรครามเพิ่มขึ้นถึง 2500 คน!”

เจียงหนานเดินตามฮังอวี่อย่างเชื่อฟัง

เธอทำตัวเหมือนเลขาคอยรายงานแก่เจ้านาย

“ส่วนเรื่องเมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กไม่มีอะไรต้องกังวล พื้นที่ล่าสัตว์และทุ่งทรัพยากรของทั้งสองเมืองได้รับการจัดสรรหมดแล้ว ทรัพยากรที่ผลิตได้ไม่ด้อยไปกว่าเมืองหุบเขาเดียวดาย”

“เมืองขุนเขาเหล็กสามารถผลิตเหล็กเย็น ทองแดงไฟ และมิธริลได้สูงเป็นพิเศษ ส่วนเมืองเตาหลอมศิลามีทหารฝ่ายผลิตของคนแคระเทาเป็นจำนวนมาก พวกเขาสามารถหลอมอาวุธอย่างหน้าไม้ยักษ์และอุปกรณ์อื่นๆได้ และถ้านำพวกมันออกไปขายในโลกจริง จะมีค่ามหาศาล สามารถนำรายได้มากมายมาสู่มังกรครามของพวกเรา”

ฮังอวี่เอ่ยถาม “แล้วเมืองทรายดำล่ะ? สำนักกระบี่วิญญาณได้พิมพ์เขียวค่ายกลมิติมารึยัง?”

“เรื่องนี้ ... ฉันไปถามมาแล้ว ว่ากันว่าพวกระดับสูงของอเมริกาค่อนข้างซับซ้อน แต่พี่สาวไดอาน่าบอกว่าเรื่องนี้ยังมีหวัง ขอให้พวกเราอดใจรอกันซักพัก” เจียงหนานหดหู่กับเรื่องนี้

หากไม่มีค่ายกลมิติ การเดินทางระหว่างสี่เมืองจะไม่สะดวก

ฮังอวี่กล่าวว่า “เอาจริงๆไม่ควรเสียเวลาเลย ถ้าพวกเขาคิดได้สักนิด ว่าเมื่อค่ายกลมิติถูกสร้างขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อเมืองทรายดำไม่ด้อยไปกว่าของพวกเรา”

เจียงหนานรู้สึกแบบเดียวกัน “เห็นด้วย เห็นด้วย เมืองทรายดำอยู่ไกลจากพวกเราที่สุด แล้วอีกอย่างฝั่งนั้นไม่ใช่เมืองของมังกรคราม ไม่สะดวกที่จะเดินทางไป ถ้าไม่มีค่ายกลมิติอำนวยความสะดวก คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะถ่อไปเมืองทรายดำ!”

เธอยังคงรายงานสถานการณ์ต่อไป

เนื่องจากในตอนนี้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์

อาณาเขตในโลกวิญญาณถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

อาคารที่อยู่อาศัยทั้งหมดในเมืองหุบเขาเดียวดายได้รับการอัพเกรดจนเต็ม  ค่ายกลและประตูที่เสียหายได้รับการซ่อมแซมและสร้างใหม่เช่นกัน ทรัพยากรทั้งหมดที่ยึดได้ถูกนำมาใช้สร้างทหาร พลังรบของทั้งสี่เมืองกำลังเพิ่มพูนด้วยความเร็วสูงสุด

และฮังอวี่ยังลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉูเทียนหัวกับสกายเน็ต ซื้อปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตรา ‘องค์รักษ์สกายเน็ต’ มาอีก 30 กระบอก และกระสุนอีกนับพันลูก เพื่อใช้เสริมการป้องกันดินแดน

แม้เวลาจะผ่านไปแค่สองสามวัน แต่เมืองมนุษย์ทั้งสี่เติบโตด้วยอัตราเร็วอันน่าตกใจ

ฮังอวี่เอ่ยอย่างพอใจว่า “เธอเก่งมาก ทำงานลุล่วงไปด้วยดี”

เมื่อรองขุนนางได้ยินแบบนี้ ดวงตาทั้งสองยิ้มยีเป็นจันทร์เสี้ยว เธอยืดอกยืนตัวตรงแล้วพูดว่า “เรื่องแค่นี้เอง ฉันจะตั้งใจให้มากกว่านี้อีก!”

หญิงงามเจียงอาจไม่มีความสามารถในการจัดการที่มั่นคงเช่นจ้าวหมิง หรือมีความเป็นผู้นำเช่นฉูเทียนหัว

แต่ข้อดีคือเธอทำงานละเอียด เรียนรู้ได้เร็ว และสุดท้ายจงรักภักดีต่อฮังอวี่มาก ดังนั้นใช้งานแล้วสบายใจได้

“เธอควรทำความคุ้นเคยกับทีมบริหาร ถ้าไม่เข้าใจอะไร ก็ขอคำแนะนำจากลุงจ้าว” ฮังอวี่ตบไหล่เจียงหนานและกล่าวว่า “ทำหน้าที่รองขุนนางเมืองหุบเขาเดียวดายให้ดี ไว้มีโอกาสเธอจะได้เป็นขุนนางเต็มตัวในอนาคต!”

เจียงหนานมีความสุขมากตอนแรกที่ได้ยิน แต่แล้วก็มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัว “ฉันไม่ได้อยากเป็นขุนนาง แค่อยากคอยติดตามพี่มหาเทพตลอดไป!”

“นี่คุณผู้หญิง ขุนนางไม่อยากเป็น แต่ชอบรับใช้คนอื่นงั้นหรือ?”

“อืม นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นลูกน้องของใคร!”

เจียงหนานยิ้ม

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง

มนุษย์จิ้งจอกเย่กู่วิ่งเข้ามารายงาน “ท่านขุนนาง สถานการณ์ไม่ดี ผู้ส่งสารจากเมืองธารทะเลทราย ... เขา ... เขามาอีกแล้ว!”

เจียงหนานเกิดอาการเครียดขึ้นมาทันที

ครั้งก่อนที่เซนทอร์ชาร์โมโดเดินทางมาเป็นยังไง

ครั้งนี้ก็เป็นอย่างนั้น

เพียงเวลาสามวัน ผู้ส่งสารก็มาถึงแล้ว--

--เมืองธารทะเลทรายตอบสนองเร็วมาก!