Ep.374 - ความคิดเห็นระหว่างประเทศ
1/2
*อีกตอนผมชดเชยให้พรุ่งนี้นะครับ
Ep.374 - ความคิดเห็นระหว่างประเทศ
อินเทอร์เน็ตแทบระเบิด!
คนทั้งประเทศต่างพูดถึงการต่อสู้ที่พึ่งผ่านพ้นไป!
บอสฮังนำทัพเมืองหุบเขาเดียวดาย ยึดสามเมืองในคราวเดียว แม้ในช่วงที่ผ่านๆมา จะมีทีมหรือกองกำลังหลายกลุ่มประสบความสำเร็จในการตั้งหลักปักฐานอย่างมั่นคงในโลกวิญญาณ
แต่มีน้อยนักที่จะสามารถยึดครองดินแดนเป็นของตัวเองได้
ขณะที่ฝั่งฮังอวี่ไม่เพียงสามารถนั่งอย่างมั่นคงบนเก้าอี้ที่เรียกว่าเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน เปลี่ยนจากเมืองเดียวเป็นสี่เมือง เวลานี้ในเน็ตจึงเต็มไปด้วยข้อความเฉลิมฉลอง!
ให้ความรู้สึกราวกับวันขึ้นปีใหม่
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในปัจจุบันเป็นยุคสมัยที่ผู้คนให้ความสนใจในดินแดนโลกวิญญาณ ใครๆก็อยากจะรู้ว่ามนุษย์จะสามารถฝ่าฟันไปได้มากแค่ไหน
ดังนั้นเมื่อพบเจอเหตุการณ์ใหญ่ที่สามารถยึดทีเดียวหลายเมือง จึงเป็นเหตุผลที่ดีในการเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง
สถานการณ์ในสนามรบ
เวลานี้ได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้ว
ทุกแพลตฟอร์มและโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยม ต่างลงคลิปวิดีโอการต่อสู้กับกองกำลังทั้งสามเมืองอย่างละเอียด
กระบวนการทั้งหมดพูดได้เลยว่าช่างน่าตื่นเต้น!
ผู้คนไม่เคยเห็นกองทัพชาวโลกวิญญาณที่มีทหารมากกว่า 7000 นายมาก่อน
มันล้นหลามมืดฟ้ามัวดิน แค่แรงกดดันก็มากเกินพอที่จะทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก!
ภาพของเวทมนตร์คาถาลอยทั่วฟ้า ลูกศรบินว่อนที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่มีเอฟเฟกต์พิเศษที่ยอดเยี่ยมสามารถนำเสนอได้
แต่หนึ่งในคลิปที่ร้อนแรงที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือคลิปที่ฮังอวี่นำกองทัพออกจากเมืองหุบเขาเดียวดายเพื่อตอบโต้พันธมิตรสามเมือง
กองทัพมนุษย์ตราขบวนทัพออกไป ก่อแรงกดดันอีกสายหนึ่ง ให้อารมณ์ดุดันและสง่างามในเวลาเดียวกัน ชวนให้ผู้รับชมรู้สึกเลือดในกายระอุ และคาดหวังว่าซักวันตนจะได้ไปยืนอยู่ที่นั่น ติดตามบอสฮังเผชิญหน้าศัตรูไปด้วยกัน
ในคลิปถ่ายวิดีโอฮังอวี่เข้าต่อสู้กับขุนนางทั้งสาม
การต่อสู้ในส่วนนี้สั้นมาก
แต่กลับกลายเป็นจุดไคลแม็กซ์ของการต่อสู้ทั้งหมด!
ทั้งคนทั้งร่างของฮังอวี่ดั่งภูติผี การเคลื่อนไหวราวกับบลิงค์ไปบลิงค์มา ในชั่วพริบตาโจมตีฟาดฟันขุนนางก็อบลินหมีไปหลายครั้ง สามารถฆ่าขุนนางผู้ทรงพลังรายนี้ได้ภายในไม่กี่วินาที!
จากนั้นเปลี่ยนทิศทาง เบนเข็มเข้าสู่กับเจ้ากระบองทองและฟันแดงต่อเป็นเวลาสองสามนาที
แม้พลังรบของกระบองทองและฟันแดงจะแข็งแกร่ง ถ้าเทียบกับมอนสเตอร์ป่าอาจอยู่ราวๆเจ้าถิ่นขั้นโกลด์ก็จริง กระนั้น ภายใต้การโจมตีอันดุดันและกล้าหาญของฮังอวี่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากลับเป็นพวกมันที่ถูกทุบตีฝ่ายเดียว
และสุดท้าย
สองขุนนางก็เลือกยอมแพ้
และการกระทำนี้คือผลกำหนดบทสรุปของสงคราม!
ทำให้เมืองหุบเขาเดียวดายสามารถยึดสามเมืองติดต่อกัน กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น!
“อื้อฮือ!”
“ขอคุกเข่าคารวะบอสฮัง!”
“ทุกคนสังเกตไหม ดูเหมือนบอสฮังจะแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”
“บอสฮังคู่ควรที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งฝั่งพลเรือน!”
“เฉพาะฝั่งพลเรือนซะที่ไหนกัน? เขาคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของจีนเลยต่างหาก! ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในสกายเน็ตก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
“...”
สิ่งที่ผู้คนในชอบคือการจัดอันดับ
ไม่ว่าจะในวงการไหน กีฬาประเภทอะไร ทุกอย่างต้องมีอันดับหนึ่ง สอง สาม
ประเทศจีนในทุกวันนี้มียอดฝีมือระดับพระกาฬเพียงไม่กี่คน แต่เกือบทุกคนไม่ว่าจะมีชื่อเสียงหรือทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าสู้กับขุนนางแบบ 1VS2 อย่างที่ฮังอวี่ได้!
ผลก็เลยกลายเป็นว่าแฟนคลับบอสฮังต่างพากันยกยอเขาเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
ซึ่งการที่แฟนคลับก้าวร้าวเกินไป มักดึงดูดความไม่พอใจเข้ามา
มีหลายคนบอกว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่นะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับแสงไฟ ใครจะรู้ ที่ไหนซักแห่งในโลกอาจมีองค์กรลึกลับหรือกองกำลังพลเรือนปริศนา ไม่ก็โคตรยอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ก็ได้
แน่นอน
คำประท้วงส่วนใหญ่มาจากนอกประเทศ
มีหลายประเทศไม่ยอมรับสถานะของฮังอวี่
แต่ด้วยพลังรบอันแข็งแกร่งที่ฮังอวี่ได้สำแดงออกมาในสงครามนี้
ต่อให้พวกเขาคัดค้านอย่างไร ก็เป็นการยากที่จะทำลายความจริงที่ว่าฮังอี่นั้นแก่กล้าไม่เป็นรองใคร
นอกเหนือจากการโต้เถียงกันเรื่องบอสฮังแล้ว
เจียงหนานนักบวชผู้งดงามอันดับหนึ่งและสุนัขฮัสกี้ที่แกร่งที่สุดในปฐพีก็เป็นที่พูดถึงมากเช่นกัน!
และนั่นรวมไปถึงดาบแห่งมังกรครามฉูเทียนหัวและโล่แห่งมังกรครามจ้าวหมิง ทั้งคู่ถูกยกให้เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งเช่นกัน
ในฐานะมือซ้ายและมือขวาที่ไว้ใจได้ของบอสฮัง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะดึงดูดแฟนๆได้เป็นจำนวนมาก
จางเสี่ยวเฉียงก็ไม่พ้นได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้เขาจะหน้าสั้นตัวเตี้ย แต่ก็เป็นหนึ่งนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรคราม
ยิ่งหลังจากมีบางคนไปสืบหาภูมิหลังของเสี่ยวเฉียง หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของคนที่เคยอยู่ในจุดต่ำสุดแล้วพลิกบทบาทกลับมามีหน้ามีตาในสังคมได้ในทันที
เขากลายเป็นที่เคารพบูชาของโอตาคุส่วนใหญ่ ได้ฉายาว่าเป็นราชาของเหล่าผู้พ่ายแพ้
ไม่เพียงแต่แกนนำของกลุ่มมังกรครามเท่านั้น
สมาชิกชั้นยอดอีกหลายคนหรือกระทั่งสมาชิกธรรมดาที่พอมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทุกวันนี้ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการสนทนา พากันได้รับความนิยมราวกับเป็นกลุ่มไอดอลสมัยใหม่
ในวันนี้
เริ่มมีการก่อตั้งแฟนคลับขององค์กรมังกรคราม มีผู้คนนับล้านเรียกตัวเองว่ากองหนุนมังกรคราม
แน่นอน
นอกจากเสียงยกยอสรรเสริญแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีบทวิเคราะห์อื่นๆเช่นกัน นำเสนอข้อเท็จจริงและเหตุผล อธิบายส่วนได้ส่วนเสียหลังจากชัยชนะของมังกรคราม
หลีกเลี่ยงที่จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบไม่ได้
อย่างโยชิฮาระจากประเทศญี่ปุ่น
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาโลกวิญญาณที่มีชื่อเสียง เป็นคนแรกๆที่โต้เถียงเรื่องนี้
“จริงๆแล้วบอสฮังทำเกินไป เขาเป็นแค่คนหนุ่มที่บ้าบิ่นไม่รู้จักมองการณ์ไกล”
“ชัยชนะของมังกรครามและเมืองหุบเขาเดียวดายเป็นแค่ชัยชนะเล็กจ้อย แต่ผลลัพธ์ของมันกลับทำลายโครงสร้างทางอำนาจในพื้นที่อย่างร้ายแรง หรือก็คือเขาได้ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อขุนนางใหญ่และขุนนางเล็กที่อยู่รอบๆ!”
“พลังรบของมังกรครามจะสามารถต้านทานขุนนางใหญ่ได้หรือ? มนุษย์แค่สองสามพันคนจากสี่เมืองจะรับมือกับชาวโลกวิญญาณทั้งแคว้นได้อย่างไร?”
“ฉันกล้าทำนายเลย ว่าในเวลาไม่ถึงสองเดือน มังกรครามจะถูกทำลาย”
คำพูดนี้ของโยชิฮาระได้ก่อให้เกิดคลื่นนับพัน เกิดการโต้เถียงขึ้นมากมาย
ต่อมา นักวิชาการหรือพวกนักวิจัยโลกวิญญาณอีกหลายคนต่างก็ตั้งข้อสังเกตที่คล้ายกัน
หนึ่งในนั้นมีชื่อว่าไอเด็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาอารยธรรมโลกวิญญาณชาวอังกฤษ คำพูดของเขาเชือดเฉือนไม่แพ้โยชิฮาระ
“จากการวิจัยของเราเกี่ยวกับอารยธรรมโลกวิญญาณ”
“โลกวิญญาณส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะโกลาหล ตั้งแต่โบราณ ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อผู้แข็งแกร่ง และตามทฤษฏีกฏแห่งป่า ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามที่มีบางสิ่งเป็นภัยคุกคาม เมื่อนั้นชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพวกเขา”
“ทางเรามีหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ในฐานะคนนอกเมื่อเติบโตและพัฒนาเร็วเกินไปจนชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณรับรู้ จะนำไปสู่การเป็นปฏิปักษ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“แนวทางของมังกรครามก้าวร้าวอย่างสุดโต่ง นั่นไม่เพียงเป็นการเปิดเผยตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง แต่ยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด”
“พวกเขาไม่ได้ทำให้แค่ตัวเองตกอยู่ในอันตราย แต่มีแนวโน้มที่จะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ในอีก 9 แคว้นในอาณาจักรมังกรโลกาเกิดอันตรายไปด้วย”
“เมื่อตัวตนของเผ่าพันธุ์ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ ต่อไปจะมีที่ว่างสำหรับพวกเขาใน อาณาจักรมังกรโลกาอีกหรือ? เมืองหุบเขาเดียวดายยังขาดพลังแต่กลับดื้อดึงที่จะขยายตัว แบบนี้มีแต่เป็นการทำร้ายตัวเองและคนอื่น ทั้งโง่เง่าและชั่วช้า!”
ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่ามีความจริงบางส่วนในการวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้เช่นกัน
แต่วิจารณ์ก็ส่วนวิจารณ์ เพราะช่วงหลังๆก็มีคำด่าปนมาด้วยเช่นกัน
แล้วแบบนี้ชาวจีนและแฟนคลับบอสฮังกับ ‘กองหนุนมังกรคราม’ จะอยู่เฉยได้อย่างไร
ในพริบตา
สงครามด่าทอนับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำไปทั่วเน็ต ไม่นานก็ลุกลามไปทั่วโลก
สกายเน็ตและฝ่ายชั้นนำของประเทศจีนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
พวกเขาโพสต์ลงอย่างเป็นทางการ อธิบายไว้ 3 ประเด็นดังนี้
“ประเด็นแรก เมืองหุบเขาเดียวดายไม่ได้ตัดสินใจขยายดินแดนเอง แต่พวกเขาถูกบังคับ ชาวโลกวิญญาณของสามเมืองบุกมาถึงหน้าประตู พวกเขาไม่สามารถก้มต่ำทำตัวติดดินได้อีก!”
“ประเด็นที่สอง ประเทศจีนเชื่อว่าบอสฮังมีความสามารถ และมังกรครามแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ รัฐและหน่วยงานต่างๆยินดีให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่”
“ประเด็นที่สาม มังกรครามและบอสฮังเป้นวีรบุรุษของประเทศจีน เป็นเพราะการบุกเบิกของพวกเขา โลกเราถึงได้รับประสบการณ์อันมีค่ามากมาย ช่วยย่นระยะเวลาและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นให้แก่คนอื่นๆได้มากมาย”
ทางอเมริกาก็ไม่สามารถนั่งเฉยได้เช่นกัน
เพราะสำนักกระบี่วิญญาณเองก็มีเครดิตในชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้
และที่สำคัญ หนึ่งในสื่เมืองในแคว้นเดียวดายก็ตกเป็นของประเทศอเมริกาอีกด้วย!
ตอนนี้ที่ทำเนียบขาวกำลังเฉลิมฉลอง!
ทุกคนพร้อมลงทุนมาก ตั้งใจจะใช้อาณาจักรมังกรโลกาเป็นพื้นที่พัฒนา
แต่จู่ๆในเน็ตกลับมีคนกลุ่มหนึ่งเกิดอาการตื่นตูมและด่าพวกเขารัวๆ
ท่านประธานาธิบดีอดใจไม่ไหว กดโพสต์ทวีตเตอร์ด้วยความโกรธเคือง ข้อความประมาณว่า : “พวกผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่โง่เขลา ฉันจะตอบพวกนายแค่สั้นๆ --นั่นคือหุบปากซะ!”
ในช่วงเวลาสั้นๆ
บนโลกอินเตอร์เน็ตอันแสนซับซ้อน
คนยกย่องก็พากันสรรเสริญไม่หยุด
คนที่ใส่ร้ายก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
แต่ก็นั่นแหละ คุณไม่สามารถคาดหวังว่าจะรวมใจผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
แต่ที่แน่ๆฮังอวี่และองค์กรมังกรครามได้กลายเป็นเกณฑ์ตัวอย่างสำหรับกองกำลังโลกวิญญาณของมนุษย์ไปแล้ว
เรื่องราวของพวกเขาติดกระทู้ฮอตฮิดในโลกอินเตอร์เน็ตไปหลายวัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นการชมเชยหรือด่าทอ
ฮังอวี่เพียงยิ้มและไม่สนใจใดๆ
จ้าวหมิงเอ่ยถามว่าเขาควรให้โฆษกเจียงหนานจัดงานแถลงข่าวที่หยานจิงดีหรือไม่? เพื่อชี้แจง อธิบายสถานการณ์ และบอกเล่ากลยุทธ์ เพื่อให้บางคนที่มีแรงจูงใจแอบแฝงไม่ต้องพูดใส่ร้ายพวกเขาอีก
แต่ฮังอวี่คิดว่ามันไม่จำเป็น ต้นไม้ใหญ่มักดึงดูดลม คุณไม่สามารถหยุดความแคลงใจของผู้คนได้
แทนที่จะเปลืองเรี่ยวแรงเพื่ออุดปากคนเหล่านั้น สู้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตัวเองและเสริมแกร่งให้แก่ทีมดีกว่า
ใช้ความจริงตีแสกหน้าพวกเขา!